Students who self-identified as tro

Students who self-identified as troublemakers in high school were less likely to graduate, with 17% of students who dropped out saying they were troublemakers, compared with only 6% of students who graduated. Of the students who dropped out, 23% said that they spent too much time socializing and not enough time studying, compared with 14% of students who graduated. 18% of the students who dropped out said that it was hard to pay attention in class, compared with 9% of the students who graduated.

Two-thirds (65%) of the students who dropped out have thought a lot about returning to school. However, many indicated that they might not return even if they got a grant for tuition and books (but not living expenses). The reasons given for not returning included needing to work (56%), family commitments (53%), affordability (26%) and no classes that fit their schedule (17%). Food and shelter are considered more important than education.

Students who did not graduate suggested a variety of solutions for increasing graduation rates: Allowing part-time students to qualify for student aid (81%), providing more flexible weekend/evening classes (78%), cutting college costs by 25% (78%), providing more college loans (76%), provide child care (76%), promoting good study habits in high school (73%) and providing health insurance to students even if they are enrolled part-time (69%). Factors that increase graduation rates also include traditional enrollment immediately after high school graduation, enrolling on a full-time basis and working less while in school.

The study was based on a survey of 614 students aged 22 to 30 with some 2-year or 4-year college experience. The survey was conducted between May 7, 2009 and June 24, 2009. The survey results have a margin of error of +/- 4.8%.

Results (Thai) 1:

นักเรียนที่ระบุด้วยตนเองเป็นผู้ที่อยู่ในโรงเรียนมัธยมมีน้อยโอกาสที่จะศึกษา 17% ของนักเรียนที่หลุดออกมาว่า พวกผู้ เปรียบเทียบกับเพียง 6% ของนักเรียนที่จบศึกษา นักเรียนที่หลุดออกมา 23% กล่าวว่า พวกเขาใช้เวลาสวย ๆ มากเกินไปและไม่เพียงพอเวลาเรียน เปรียบเทียบกับ 14% ของนักเรียนที่จบศึกษา 18% ของนักเรียนที่หลุดออกมากล่าวว่า มันยากที่จะให้ความสนใจในชั้นเรียน การเปรียบเทียบกับ 9% ของนักเรียนที่จบศึกษาสองในสาม (65%) ของนักเรียนที่หลุดออกคิดมากเกี่ยวกับการกลับไปโรงเรียน อย่างไรก็ตาม หลายคนระบุว่า พวกเขาอาจไม่กลับแม้ว่าพวกเขามีเงินช่วยเหลือเป็นค่าเล่าเรียน และหนังสือ (แต่ไม่ค่าใช้จ่าย) เหตุผลกำหนดให้สำหรับความไม่รวมการทำงาน (56%), ครอบครัวผูกพัน (53%), สามารถในการจ่าย (26%) และไม่มีคลาที่พอดีกับตารางเวลาของพวกเขา (17%) อาหารและที่พักพิงกำลังสำคัญกว่าการศึกษานักเรียนที่ไม่ศึกษาแนะนำโซลูชั่นสำหรับการเพิ่มราคาจบที่หลากหลาย: อนุญาตให้นักศึกษาชั่วคราวเพื่อรับการช่วยเหลือนักเรียน (81%), ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นเย็นวันหยุดเรียน (78%), ตัดวิทยาลัยค่าใช้จ่าย 25% (78%), วิทยาลัยเพิ่มเติมเงินกู้ (76%), ให้การดูแลเด็ก (76%) ส่งเสริมนิสัยการเรียนดีในโรงเรียนมัธยม (73%) และการให้บริการประกันสุขภาพนักเรียนแม้ว่าจะลงทะเบียนชั่วคราว (69%) ปัจจัยที่เพิ่มจบการศึกษาพิเศษยังมีแบบลงทะเบียนทันทีหลังจากจบมัธยม ลงทะเบียนบริหาร และทำงานน้อยในโรงเรียนการศึกษาเป็นไปตามการสำรวจนักเรียน 614 อายุ 22 ถึง 30 กับบางวิทยาลัย 2 ปี หรือ 4 ปีประสบการณ์ มีดำเนินการสำรวจระหว่าง 7 พฤษภาคม 2009 24 มิถุนายน 2009 ผลการสำรวจมีระยะขอบของข้อผิดพลาดของ+/-4.8%

Results (Thai) 2:

นักศึกษาที่ตนเองระบุว่าเป็นก่อกวนในโรงเรียนมัธยมมีโอกาสน้อยที่จะจบการศึกษาที่มี 17% ของนักเรียนที่หลุดออกไปบอกว่าพวกเขาถูกก่อกวนเมื่อเทียบกับเพียง 6% ของนักเรียนที่จบการศึกษา ของนักเรียนที่ลดลงจาก 23% กล่าวว่าพวกเขาใช้เวลามากเกินไปสังคมและไม่มีเวลาพอที่ศึกษาเมื่อเทียบกับ 14% ของนักเรียนที่จบการศึกษา 18% ของนักเรียนที่หลุดออกไปบอกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้ความสนใจในชั้นเรียนเมื่อเทียบกับ 9% ของนักเรียนที่จบการศึกษา. สองในสาม (65%) ของนักเรียนที่หลุดออกไปมีความคิดเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการกลับไปที่โรงเรียน . แต่อย่างไรก็ตามหลายคนชี้ให้เห็นว่าพวกเขาอาจจะไม่กลับมาแม้ว่าพวกเขาจะได้รับทุนสำหรับการเรียนการสอนและหนังสือ (แต่ไม่ได้อยู่ค่าใช้จ่าย) ดังเหตุผลต่อไปไม่กลับมารวมจำเป็นในการทำงาน (56%) ภาระผูกพันในครอบครัว (53%), การจ่าย (26%) และการเรียนที่เหมาะสมกับตารางเวลาของพวกเขา (17%) อาหารและที่พักได้รับการพิจารณาความสำคัญมากกว่าการศึกษา. นักศึกษาที่ไม่ได้จบการศึกษาชี้ให้เห็นความหลากหลายของโซลูชั่นสำหรับการเพิ่มอัตราการจบการศึกษา: การอนุญาตให้นักเรียนส่วนเวลาที่จะมีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือนักเรียน (81%) ให้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น / เรียนภาคค่ำ (78% ) ตัดค่าใช้จ่ายที่วิทยาลัย 25% (78%) ให้มากขึ้นเงินให้กู้ยืมวิทยาลัย (76%), การดูแลเด็กให้ (76%), การส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนที่ดีในโรงเรียนมัธยม (73%) และการให้การประกันสุขภาพให้กับนักเรียนถึงแม้ว่าพวกเขา ที่ลงทะเบียนเรียนนอกเวลา (69%) ปัจจัยที่เพิ่มอัตราการสำเร็จการศึกษา ได้แก่ การลงทะเบียนแบบดั้งเดิมในทันทีหลังจากที่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลายเข้าเรียนในชีวิตประจำเต็มเวลาและการทำงานน้อยลงในขณะที่อยู่ในโรงเรียน. การศึกษาได้จากการสำรวจของ 614 นักเรียนอายุ 22-30 กับ 2 ปีหรือ 4 วิทยาลัยประสบการณ์ที่ทุบทุกสถิติ สำรวจได้ดำเนินการระหว่าง 7 พฤษภาคม 2009 และวันที่ 24 มิถุนายน 2009 ผลการสำรวจมีอัตรากำไรขั้นต้นของข้อผิดพลาดของ +/- 4.8% โดย

Results (Thai) 3:

นักเรียนที่ตนเองระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุในโรงเรียนเป็นโอกาสน้อยที่จะเรียนจบ กับ 17 % ของนักศึกษาที่ลาออกบอกว่าลำบากเมื่อเทียบกับเพียงร้อยละ 6 ของนักเรียนที่จบการศึกษา ของนักเรียนที่ออกจาก 23 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า พวกเขาใช้เวลามากเกินไปเวลาที่สังคมและเวลาเรียนไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับ 14% ของนักเรียนที่จบการศึกษา18 % ของจำนวนนักเรียนที่ลาออกบอกว่ามันยากที่จะให้ความสนใจในชั้นเรียน , เมื่อเทียบกับ 9 % ของนักศึกษาที่จบ

สองในสาม ( 65% ) ของนักเรียนที่ออกมีความคิดมากเกี่ยวกับการกลับไปที่โรงเรียน อย่างไรก็ตาม หลายคนพบว่าพวกเขาไม่อาจกลับไป แม้ว่าพวกเขามีทุนค่าเล่าเรียนและหนังสือ ( แต่ไม่ใช่ค่าครองชีพ )เหตุผลที่ให้ไม่คืนรวมต้องทำงาน ( 56% ) ครอบครัวผูกพัน ( 53% ) ความประหยัด ( 26% ) และไม่มีชั้นเรียนที่พอดีกับตารางเวลาของพวกเขา ( 17% ) อาหารและที่พักจะถือว่าสำคัญกว่าการศึกษา .

นักเรียนที่ไม่ได้จบแนะนำให้ความหลากหลายของโซลูชั่นเพื่อเพิ่มอัตราการจบการศึกษา : อนุญาตให้นักศึกษาพาร์ทไทม์ที่จะมีคุณสมบัติสำหรับช่วยเหลือนักศึกษา ( 81% )ให้เรียนวันเสาร์อาทิตย์เย็น / ยืดหยุ่นมากขึ้น ( 78% ) , การตัดค่าใช้จ่ายของวิทยาลัย โดย 25% ( 78% ) การให้เงินกู้วิทยาลัย ( 76% ) ให้การดูแลเด็ก ( 76% ) , การส่งเสริมนิสัยการเรียนที่ดีในโรงเรียนมัธยม ( 73% ) และการให้ประกันสุขภาพนักเรียนแม้ว่าพวกเขาจะเรียนนอกเวลา ( 69 % )ปัจจัยที่เพิ่มอัตราการสำเร็จการศึกษา นอกจากนี้ยังรวมถึงการลงทะเบียนแบบดั้งเดิมทันทีหลังจากเรียนจบ ลงทะเบียนบนพื้นฐานเต็มเวลาและทำงานน้อยลงเมื่ออยู่ในโรงเรียน

ศึกษาจากการสำรวจเมื่อนักเรียนอายุ 22 ถึง 30 ปี หรือ 4 ปีด้วยประสบการณ์ของวิทยาลัย . สำรวจระหว่างวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 24 มิถุนายน 2552ผลการสำรวจมีขอบของข้อผิดพลาดของ / - 4.8 %