Brunei Listeni/bruːˈnaɪ/, broo-ny o

Brunei Listeni/bruːˈnaɪ/, broo-ny or /bruːˈneɪ/ broo-nay; officially the Nation of Brunei, the Abode of Peace[9] (Malay: Negara Brunei Darussalam, Jawi: نڬارا بروني دارالسلام), is a sovereign state located on the north coast of the island of Borneo in Southeast Asia. Apart from its coastline with the South China Sea, it is completely surrounded by the state of Sarawak, Malaysia; and it is separated into two parts by the Sarawak district of Limbang. It is the only sovereign state completely on the island of Borneo; the remainder of the island's territory is divided between the nations of Malaysia and Indonesia. Brunei's population was 408,786 in July 2012.[10]

At the peak of Bruneian Empire, Sultan Bolkiah (reigned 1485–1528) is alleged to have had control over the northern regions of Borneo, including modern-day Sarawak and Sabah, as well as the Sulu archipelago off the northeast tip of Borneo, Seludong (modern-day Manila), and the islands off the northwest tip of Borneo. The maritime state was visited by Spain's Magellan Expedition in 1521 and fought against Spain in 1578's Castille War.

During the 19th century the Bruneian Empire began to decline. The Sultanate ceded Sarawak to James Brooke as a reward for his aid in putting down a rebellion and named him as rajah, and it ceded Sabah to the British North Borneo Chartered Company. In 1888 Brunei became a British protectorate and was assigned a British Resident as colonial manager in 1906. After the Japanese occupation during World War II, in 1959 a new constitution was written. In 1962 a small armed rebellion against the monarchy was ended with the help of the British.[11]

Brunei regained its independence from the United Kingdom on 1 January 1984. Economic growth during the 1990s and 2000s, averaging 56% from 1999 to 2008, has transformed Brunei into a newly industrialised country. It has developed wealth from extensive petroleum and natural gas fields. Brunei has the second-highest Human Development Index among the South East Asia nations after Singapore, and is classified as a developed country.[12] According to the International Monetary Fund (IMF), Brunei is ranked fifth in the world by gross domestic product per capita at purchasing power parity. The IMF estimated in 2011 that Brunei was one of two countries (the other being Libya) with a public debt at 0% of the national GDP. Forbes also ranks Brunei as the fifth-richest nation out of 182, based on its petroleum and natural gas fields.[13]

Results (Thai) 1:

บรูไน Listeni/bruːˈnaɪ /, broo ny หรือ bruːˈneɪ/broo-นาย อย่างเป็นทางการประเทศของบรูไน การพักอยู่ของสันติภาพ [9] (มาเลย์: เนการาบรูไนดารุสซาลาม ยาวี: نڬارابرونيدارالسلام), รัฐอธิปไตยตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากชายฝั่งทะเลจีนใต้ มันเป็นสมบูรณ์ล้อมรอบ ด้วยรัฐซาราวัค มาเลเซีย และจะแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเขตซาราวัคของลิมบัง เป็นรัฐอธิปไตยเท่านั้นทั้งหมดบนเกาะบอร์เนียว ส่วนเหลือของดินแดนจะถูกแบ่งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประชากรของบรูไน 408,786 ในเดือน 2555 กรกฎาคม[10]

ในสูงสุดของจักรวรรดิบรูไน อัสเจมสุลต่าน (reigned ค.ศ. 1485 – และกำแพงเพชร) ก็ถูกกล่าวหาให้มีการควบคุมทางภาคเหนือของเกาะบอร์เนียว รวมสมัยซาราวัค และซาบาห์ ตลอดจนหมู่เกาะซูลูปิดปลายตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว Seludong (สมัยมะนิลา), และเกาะปิดตอนตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว เยี่ยม โดยสเปนมาเจลลันเดินทางชม 1521 และสู้รบกับสเปนใน War. ทิลของ 1578 สถานะทะเล

ในช่วงศตวรรษ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่มจะลดลง สุลต่านรับประกันภัย Sarawak James บรู๊คเป็นรางวัลของเขาช่วยในการวางลงเป็นกบฏ และตั้งชื่อเขาเป็นราจาห์ และจะรับประกันภัยซาบาห์บริติชนอร์ทบอร์เนียวดชาร์ บริษัท ใน 1888 บรูไนกลายเป็น รัฐในอารักขาบริติช และกำหนดให้มีอังกฤษเป็นผู้จัดการโคโลเนียลใน 1906 หลังจากญี่ปุ่นยึดครองในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง 1959 ใน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกเขียน ในปี 1962 เป็นกบฏติดอาวุธขนาดเล็กกับพระมหากษัตริย์สิ้นสุด ด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ[11]

บรูไนจากเอกราชจากสหราชอาณาจักรบน 1 1984 มกราคม เติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1990 และ 2000s, 56% จากปี 1999 ถึง 2551 การหาค่าเฉลี่ยได้เปลี่ยนบรูไนเป็นประเทศใหม่ industrialised มันได้พัฒนาให้เลือกมากมายจากหลากหลายสาขาปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ บรูไนมีที่สองสูงสุดดัชนีการพัฒนามนุษย์ในหมู่ประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากสิงคโปร์ และจัดเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว[12] ตามการนานาชาติเงินกองทุน (IMF), บรูไนเป็นอันดับห้าของโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อ capita ที่เท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ IMF ประเมินในปี 2554 ว่า บรูไนเป็นหนึ่งในสองประเทศ (อื่น ๆ ลิเบีย) มีหนี้สาธารณะที่ 0% ของ GDP ประเทศ Forbes จัดอันดับบรูไนยังประเทศห้าสมบูรณ์แบบมากจาก 182 ตามเขตของปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ[13]

Results (Thai) 3:

บรูไน listeni / บรูːˈ na ɪ / broo NY หรือ / บรูːˈเน่ɪ / broo อย่าเลย อย่างเป็นทางการของประเทศบรูไน เวสน์แห่งสันติภาพ [ 9 ] ( มาเลย์ : เนการาบรูไนดารุสซาลาม อักษรยาวี : نڬارابرونيدارالسلام ) เป็นรัฐอธิปไตย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชีย ห่างจากชายฝั่งของทะเลจีนใต้ มันถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวักมาเลเซีย และได้แยกออกเป็นสองส่วน โดยคนในเขต Limbang . มันเป็นเพียงสถานะอธิปไตยอย่างสมบูรณ์บนเกาะของบอร์เนียว ; ส่วนที่เหลือของเกาะดินแดนถูกแบ่งระหว่างประเทศของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประชากรบรูไนเป็น 408786 ในเดือนกรกฎาคม 2012 . [ 10 ]

ที่จุดสูงสุดของบรูไน เอ็มไพร์สุลต่าน Bolkiah ( ครอบครองมา ( 1528 ) ถูกกล่าวหาว่าได้มีการควบคุมเหนือดินแดนทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว รวมถึงสมัยซาราวัก และซาบาห์ รวมทั้งหมู่เกาะซูลูปิดปลายภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว seludong ( สมัยมะนิลา ) และเกาะปิดปลายตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียวรัฐทางทะเลมาเยือนสเปนของ Magellan สำรวจใน 1521 และต่อสู้กับสเปนใน 1578 ของแคสสิลี่สงคราม

ระหว่างศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่มลดลง สุลต่านยกให้ซาราวักเจมส์บรูคเป็นรางวัลสำหรับความช่วยเหลือของเขาในการวางลงกบฏและชื่อเขาเป็นราชา และยกให้ซาบาห์กับเกาะบอร์เนียวเหนืออังกฤษเช่าบริษัทใน 1888 บรูไนเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ และถูกมอบหมายให้อังกฤษเป็นผู้จัดการประจำอาณานิคม 1906 หลังจากญี่ปุ่นยึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1959 รัฐธรรมนูญใหม่ถูกเขียนไว้ ในปี ค.ศ. 1962 ขนาดเล็กอาวุธต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จบลงด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ . [ 11 ]

บรูไนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1990 และ 2000 , เฉลี่ย 56 % จากปี 2551 ได้เปลี่ยนบรูไนเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ประเทศ มันได้พัฒนาความมั่งคั่งด้านปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติอย่างละเอียด บรูไนมีสูงสุดที่สองดัชนีการพัฒนามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประชาชาติจากสิงคโปร์ และจัดว่าเป็นประเทศพัฒนา[ 12 ] ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) , บรูไน คือ อยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวในอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย . IMF คาดว่าในปี 2011 ที่บรูไนเป็นหนึ่งในสองประเทศ ( อื่น ๆถูกลิเบีย ) กับหนี้สาธารณะที่ 0 % ของจีดีพีประเทศ ฟอร์บยังจัดอันดับบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดที่ 5 จาก 182 ,ขึ้นอยู่กับเขตข้อมูลน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ . [ 13 ]