Mental disorders account for a larg

Mental disorders account for a large proportion of the disease burden in young people in all societies, and are a global public health challenge (Hepworth S et al. 2006, P. 883). The causes of mental disorders are multi-factorial, and cultural factors seem to have an influence. One of the major changes in the exposure profiles of young people is the use of information and communication technology (ICT). In 2007, 75% of 16- to 24-year-old Swedes used the inter-net every day, and more than 90% had a computer at home (Interphone study Group I 2010, P. 675). Almost all had a mobile phone. In a qualitative study, Gustafson et al (IARC 2011) explored young adults’ experience, attitudes and health beliefs in relation to information technology use and found that they perceived both opportunities and including risks to physical and psychosocial health. In respective studies of physiological complications, the carcinogenic effects of MPU are still controversial (Laviola G et al.1999 & VanDeventer E et al. 2011), while the thermal (Roosli M et al. 2010, P. 887) and non-thermal effects (Patel V et al.2007 & Carlberg M et al. 2012) of MPU have been confirmed. Previously researchers have found that problematic MPU was associated with low self-esteem in adult populations (Sweden Statistics 2007) in addition to alcohol drinking (Gustafson E et al. 2003, P. 565) and depression (Moulder JE ET al.2005, P.189) in Adolescent populations.In recent years, a psychological problem which results from the excessive use of mobile phones which is called “Ringxiety” has been reported. It is a condition where individuals hear the phone ringing when it actually hasn’t, which is also called “phantom ringing” (Kan P et al.2008, P. 71). It has been estimated that 25% of the mobile phone users in India could be suffering from this disorder (Frey AH 1998, P. 101). Excessive mobile phone use has been found to be associated with headache, stress, sleep disturb-
ances and depression (Borbely AA et al. 1999, Binachi A et al.2005, Zhao TY et al. 2007). A cross-sectional study was carried out at Kasturba Medical College, Mangalore, south India, among
336 medical students by using a pre-tested, semi-structured questionnaire. Among the total number of students, 335 students possessed mobile phones. Mostly, the persons whom they talked to on their phones were parents for 220 (51%) of the students. 48% (150) talked for less than half hour in a day and 41% (137) were high volume message users. “Ringxiety” was experienced by
34.5% (116) of the students and they were more likely to use their phones at restricted places like classrooms (99%) and libraries (60.3%). A significantly larger proportion of ringxiety sufferers also complained of hampered studies. The pattern of mobile phone use among the medical students appeared to be problematic, as a fairly large proportion suffered from ringxiety, they reported getting very upset and they used their phones at restricted times and places.(Leena K et al. 2005,P.35).

Results (Thai) 1:

โรคจิตบัญชีสัดส่วนใหญ่ของภาระโรคในคนหนุ่มสาวในสังคมทั้งหมด และเป็นความท้าทายการสาธารณสุขโลก (Hepworth S et al. 2006, P. 883) สาเหตุของโรคจิตมีหลายแฟก และดูเหมือน มีผลต่อปัจจัยวัฒนธรรม เปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโพรไฟล์การสัมผัสของคนหนุ่มสาวอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในปี 2007, 75% ของ 16 กับ 24-ปี Swedes ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน และมากกว่า 90% มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน (Interphone ศึกษากลุ่มฉัน 2010, P. 675) เกือบทั้งหมดมีโทรศัพท์มือถือ ในการศึกษาเชิงคุณภาพ Gustafson et al (IARC 2011) สำรวจประสบการณ์ของผู้ใหญ่ ทัศนคติและความเชื่อสุขภาพเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศใช้ และพบว่า พวกเขามองเห็นโอกาสและความเสี่ยงรวมทั้งสุขภาพกาย และ psychosocial ในการศึกษาลำดับของภาวะแทรกซ้อนสรีรวิทยา ตันตุผล carcinogenic จะยังคงแย้ง (Laviola G et al.1999 & VanDeventer E et al. 2011), ใน ขณะที่ความร้อน (Roosli M et al. 2010, P. 887) และความร้อนไม่ใช่ผล (Patel V et al.2007 & Carlberg M et al. 2012) ของตันตุได้รับการยืนยัน ก่อนหน้านี้ นักวิจัยได้พบว่า ตันตุปัญหาที่สัมพันธ์กับค่าในประชากรผู้ใหญ่ (สวีเดนสถิติ 2007) ซึมเศร้า (Moulder JE ET al.2005, P.189) ในประชากรวัยรุ่นและการดื่มแอลกอฮอล์ (Gustafson E et al. 2003, P. 565) ในปีที่ผ่านมา ปัญหาทางจิตใจซึ่งผลจากการใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปซึ่งเรียกว่า "Ringxiety" ได้รับรายงาน มันเป็นเงื่อนไขที่บุคคลได้ยินโทรศัพท์ ringing เมื่อมันจริงไม่ ซึ่งจะเรียกว่า "ringing แฝง" (P กาฬร้อยเอ็ด al.2008, P. 71) มันมีการประมาณว่า 25% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอินเดียอาจจะทุกข์ทรมานจากโรคนี้ (Frey AH 1998, P. 101) ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปพบที่สัมพันธ์กับอาการปวดหัว ความเครียด นอนหลับรบกวน-ances และภาวะซึมเศร้า (Borbely AA et al. 1999, Binachi ร้อยเอ็ดเป็น al.2005 เส้า TY et al. 2007) การศึกษาเหลวถูกดำเนินการที่ วิทยาลัยแพทย์ Kasturba มังกาลอร์ อินเดียใต้ หมู่นักศึกษาแพทย์ 336 โดยใช้แบบสอบถามกึ่งโครงสร้าง ทดสอบก่อน ในจำนวนนักเรียน นักเรียน 335 ต้องโทรศัพท์ ส่วนใหญ่ คนที่พูดถึงบนโทรศัพท์ของพวกเขาถูกปกครอง 220 (51%) ของนักเรียน 48% (150) พูดคุยสำหรับน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงวันและ 41% (137) ได้ผู้ใช้ข้อความสูง "Ringxiety" มีประสบการณ์โดย34.5% (116) ของนักเรียน และพวกเขามีแนวโน้มการใช้โทรศัพท์ของพวกเขาในสถานที่จำกัดเช่นห้องเรียน (99%) และไลบรารี (60.3%) สัดส่วนที่ใหญ่มากของ ringxiety แพ้ยังเปดศึกษาหยุดชะงัก รูปแบบการใช้งานโทรศัพท์มือถือในหมู่นักศึกษาแพทย์ปรากฏ ว่ามีปัญหา เป็นสัดส่วนค่อนข้างใหญ่รับความเดือดร้อนจาก ringxiety พวกเขารายงานการอืดมาก และพวกเขาใช้โทรศัพท์ของพวกเขาที่จำกัดเวลา และสถาน (Leena K et al. 2005,P.35)

Results (Thai) 2:

ความผิดปกติทางจิตบัญชีสำหรับสัดส่วนขนาดใหญ่ของภาระโรคในคนหนุ่มสาวในทุกสังคมและเป็นความท้าทายระดับโลกด้านสาธารณสุข (Hepworth S et al. 2006, P. 883) สาเหตุของความผิดปกติทางจิตมีหลายปัจจัยและปัจจัยทางวัฒนธรรมที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพล หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรูปแบบการสัมผัสของคนหนุ่มสาวคือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในปี 2007, 75% ของ 16 ถึง 24 ปีชาวสวีเดนที่ใช้ระหว่างสุทธิทุกวันและมากกว่า 90% มีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน (กลุ่มการศึกษาอินเตอร์ผม 2010, P. 675) เกือบทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ ในการศึกษาเชิงคุณภาพ, กุสตาฟและคณะ (IARC 2011) สำรวจประสบการณ์ผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว ', ทัศนคติและความเชื่อด้านสุขภาพเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและพบว่าพวกเขารับรู้ทั้งโอกาสและรวมถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพทางกายและทางจิตสังคม ในการศึกษาที่เกี่ยวข้องของภาวะแทรกซ้อนทางสรีรวิทยาการเกิดมะเร็งของ MPU ยังคงมีความขัดแย้ง (Laviola G และ al.1999 & Vandeventer E et al. 2011) ในขณะที่ความร้อน (Roosli M et al. 2010, P. 887) และไม่ใช่ความร้อน ผลกระทบ (Patel V และ al.2007 Carlberg & M et al. 2012) ของ MPU ได้รับการยืนยัน ก่อนหน้านี้นักวิจัยได้พบว่า MPU ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความนับถือตนเองต่ำในประชากรผู้ใหญ่ (สวีเดนสถิติ 2007) นอกเหนือไปจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (กุสตาฟ E et al. 2003 P. 565) และภาวะซึมเศร้า (หล่อ JE ET al.2005, P 0.189) ในวัยรุ่น populations.In ปีที่ผ่านมามีปัญหาทางด้านจิตใจซึ่งเป็นผลมาจากการใช้งานที่มากเกินไปของโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า "Ringxiety" ได้รับรายงาน มันเป็นภาวะที่ประชาชนได้ยินเสียงโทรศัพท์เมื่อมันจริงไม่ได้ซึ่งเป็นที่เรียกว่า "ผีเรียก" (Kan P และ al.2008, P. 71) มีการประเมินว่า 25% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอินเดียอาจจะทุกข์ทรมานจากโรคนี้ (เฟรย์ AH 1998, P. 101) การใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไปได้รับพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวความเครียดนอนหลับ disturb-
ances และภาวะซึมเศร้า (Borbely AA et al. 1999 Binachi และ al.2005, Zhao TY et al. 2007) การศึกษาแบบตัดขวางได้ดำเนินการที่ Kasturba วิทยาลัยแพทย์ Mangalore, อินเดียใต้หมู่
336 นักศึกษาแพทย์โดยใช้ก่อนการทดสอบแบบสอบถามกึ่งโครงสร้าง ท่ามกลางจำนวนรวมของนักเรียนนักศึกษา 335 ครอบครองโทรศัพท์มือถือ ส่วนใหญ่ผู้คนที่พวกเขาพูดคุยกับบนโทรศัพท์ของพวกเขาเป็นพ่อแม่ 220 (51%) ของนักเรียน 48% (150) พูดคุยกันน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงในหนึ่งวันและ 41% (137) เป็นผู้ใช้ข้อความที่มีปริมาณสูง "Ringxiety" ได้รับการฝึกฝนจาก
34.5% (116) ของนักเรียนและพวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้โทรศัพท์ของพวกเขาในสถานที่ที่ จำกัด เช่นห้องเรียน (99%) และห้องสมุด (60.3%) สัดส่วนขนาดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญของผู้ประสบภัย ringxiety ยังบ่นของการศึกษาขัดขวาง รูปแบบของการใช้งานโทรศัพท์มือถือในหมู่นักศึกษาแพทย์ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจาก ringxiety พวกเขาได้รับรายงานไม่พอใจมากและพวกเขาใช้โทรศัพท์ของพวกเขาในช่วงเวลาที่ จำกัด และสถานที่. (Leena K et al. 2005, P 35)

Results (Thai) 3:

บัญชีความผิดปกติทางจิต สำหรับสัดส่วนขนาดใหญ่ของภาระโรคในคนหนุ่มสาวในสังคมทั้งหมด และเป็น สาธารณสุขระดับโลกที่ท้าทาย ( Hepworth s et al . 2549 , หน้า 883 ) สาเหตุของความผิดปกติทางจิตมีหลายแบบ และปัจจัยทางวัฒนธรรมที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการเปิดรับโปรไฟล์ของคนหนุ่มสาวที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ไอซีที ) ใน 2007 , 75% ของ 16 - 24 ปีชาวสวีเดนใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน และกว่า 90% มีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ( กลุ่มศึกษา interphone 2010 , หน้า 675 ) เกือบทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ ในการศึกษาเชิงคุณภาพกุสตาฟ et al ( ร่วมกับ 2011 ) สำรวจประสบการณ์ของผู้ใหญ่หนุ่ม ทัศนคติ และความเชื่อด้านสุขภาพกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และพบว่า พวกเขารับรู้ทั้งโอกาสและความเสี่ยงทางกายภาพและทางจิตสังคม ได้แก่ สุขภาพ ในการศึกษาภาวะแทรกซ้อนทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้อง ผลทำให้เกิดมะเร็งของ mpu ยังคงแย้ง ( laviola กรัม et al.1999 & vandeventer e et al .2011 ) ในขณะที่ความร้อน ( roosli m et al . 2010 , หน้า 887 ) และผลความร้อนไม่ ( Patel V และ al.2007 &คาร์ลเบิร์ก m et al . 2012 ) ของ mpu ได้รับการยืนยัน ก่อนหน้านี้ นักวิจัยได้พบว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ mpu ต่ำความนับถือตนเองในวัยผู้ใหญ่ ( สวีเดนสถิติ 2007 ) นอกจากการดื่มแอลกอฮอล์ ( กุสตาฟ e et al . 2546 , หน้า 8 ) และภาวะซึมเศร้า ( ราเจ al.2005 ร้อยเอ็ด ,p.189 ) ในประชากรวัยรุ่น ในปีที่ผ่านมาปัญหาทางจิตวิทยา ซึ่งผลจากการใช้มากเกินไปของโทรศัพท์มือถือซึ่งเรียกว่า " ringxiety " ได้รับรายงานว่า มันเป็นเงื่อนไขที่บุคคลได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อมันไม่ได้ ที่เรียกว่า " ผีเข้า " ( คัน P และ al.2008 , หน้า 71 )มีการประมาณการว่า 25% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอินเดียอาจจะทุกข์ทรมานจากโรคนี้ ( เฟรย์อา 2541 , หน้า 101 ) การใช้โทรศัพท์มือถือที่ได้รับพบว่ามีความสัมพันธ์กับอาการปวดหัว , เครียด , นอนหลับ -
รบกวนกันและภาวะซึมเศร้า ( borbely AA et al . 1999 binachi เป็น ET al.2005 เจาไท et al . 2007 ) เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวางใน Mangalore kasturba ทางการแพทย์มหาวิทยาลัยอินเดียใต้ ระหว่าง
นิสิตแพทย์ 336 โดยใช้ก่อนทดสอบแบบกึ่งโครงสร้าง แบบสอบถาม ของจำนวนนักเรียน นักศึกษา มีพวกโทรศัพท์มือถือ ส่วนใหญ่ ผู้ที่พวกเขาพูดคุยกับบนโทรศัพท์ของพวกเขาเป็นผู้ปกครองสำหรับ 220 ( 51% ) ของนักเรียน 48% ( 150 ) คุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ใน วัน และ ร้อยละ 41 ( 137 ) โดยผู้ใช้ข้อความเสียงสูง " ringxiety " ประสบการณ์โดย
34.5 % ( 116 ) ของนักเรียนและพวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้โทรศัพท์ของพวกเขาที่ถูกจำกัดสถานที่ เช่น ห้องเรียน ( 99% ) และห้องสมุด ( 60.3 เปอร์เซ็นต์ ) สัดส่วนขนาดใหญ่ของทาง ringxiety ผู้ประสบภัยยังบ่นของโครงการศึกษา รูปแบบของโทรศัพท์มือถือใช้ในหมู่นักศึกษาแพทย์ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจาก ringxiety สัดส่วน ,พวกเขารายงานการอารมณ์เสียมากและพวกเขาใช้โทรศัพท์มือถือของพวกเขาที่ จำกัด เวลา และสถานที่ ( ลีน่า k et al . 2005 p.35


)