Native Americans[edit]Manifest dest

Native Americans[edit]
Manifest destiny had serious consequences for Native Americans, since continental expansion implicitly meant the occupation and annexation of Native American land, sometimes to expand slavery. This ultimately led to the ethnic cleansing of several groups of native peoples via Indian removal.[61][62][63][64] The United States continued the European practice of recognizing only limited land rights of indigenous peoples. In a policy formulated largely by Henry Knox, Secretary of War in the Washington Administration, the U.S. government sought to expand into the west through the purchase of Native American land in treaties. Only the Federal Government could purchase Indian lands and this was done through treaties with tribal leaders. Whether a tribe actually had a decision-making structure capable of making a treaty was a controversial issue. The national policy was for the Indians to join American society and become "civilized", which meant no more wars with neighboring tribes or raids on white settlers or travelers, and a shift from hunting to farming and ranching. Advocates of civilization programs believed that the process of settling native tribes would greatly reduce the amount of land needed by the Native Americans, making more land available for homesteading by white Americans. Thomas Jefferson believed that while American Indians were the intellectual equals of whites,[65] they had to live like the whites or inevitably be pushed aside by them.[66] Jefferson's belief, rooted in Enlightenment thinking, that whites and Native Americans would merge to create a single nation did not last his lifetime, and he began to believe that the natives should emigrate across the Mississippi River and maintain a separate society, an idea made possible by the Louisiana Purchase of 1803.[66]

In the age of manifest destiny, this idea, which came to be known as "Indian removal", gained ground. Humanitarian advocates of removal believed that American Indians would be better off moving away from whites. As historian Reginald Horsman argued in his influential study Race and Manifest Destiny, racial rhetoric increased during the era of manifest destiny. Americans increasingly believed that Native American ways of life would fade away as the United States expanded. As an example, this idea was reflected in the work of one of America's first great historians, Francis Parkman, whose landmark book The Conspiracy of Pontiac was published in 1851. Parkman wrote that after the British conquest of Canada in 1760, Indians were "destined to melt and vanish before the advancing waves of Anglo-American power, which now rolled westward unchecked and unopposed". Parkman emphasized that the collapse of Indian power in the late 18th century had been swift and was a past event.

Results (Thai) 1:

กลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน [แก้ไข]ลิขิตมีผลกระทบร้ายแรงในกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน ตั้งแต่ยุโรปขยายนัยหมายถึง อาชีพและเหตุการณ์ของชาวอเมริกันพื้นเมือง บางครั้งการขยายทาส นี้ในที่สุดนำไปสู่การคลีนซิ่งที่ชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่าง ๆ ของชนพื้นเมืองผ่านอินเดียเอา[61][62][63][64] สหรัฐอเมริกายังคงปฏิบัติยุโรปจดจำเฉพาะที่ดินจำกัดสิทธิของชนพื้นเมือง ในนโยบายโดย Henry น็อก เลขานุการของสงครามบริหารวอชิงตัน รัฐบาลสหรัฐพยายามที่จะขยายเข้าไปในตะวันตกโดยซื้อของชนพื้นเมืองอเมริกันส่วนใหญ่ที่ดินในสนธิสัญญา เท่านั้นรัฐบาลได้ซื้อดินแดนอินเดีย และนี้ทำผ่านสนธิสัญญากับหัวหน้าเผ่า ว่า เผ่าจริงมีโครงสร้างการตัดสินใจความสามารถในการทำสนธิสัญญานั้นปัญหาความขัดแย้ง นโยบายแห่งชาติมีอินเดียเข้าร่วมสังคมอเมริกัน และกลายเป็น "อารย" ซึ่งหมายถึง สงครามไม่เพิ่มเติมกับชนเผ่าใกล้เคียงหรือมาตั้งถิ่นฐานขาว หรือนักท่องเที่ยว และกะจากล่าสัตว์ เพื่อเลี้ยง และ ranching สนับสนุนโปรแกรมอารยธรรมเชื่อว่า กระบวนการตกตะกอนชนเผ่าพื้นเมืองจะมากลดจำนวนที่ดินที่ต้องการ โดยชาวอเมริกันพื้นเมือง ทำที่ดินเพิ่มเติมสำหรับ homesteading คนอเมริกันสีขาว Thomas Jefferson เชื่อว่า ขณะ เท่ากับปัญญาของขาวอินเดียอเมริกัน, [65] พวกเขาอาศัยอยู่เช่นขาว หรือย่อมจะผลักดันไว้ โดยพวกเขา[66] ความเชื่อ Jefferson ในธรรมคิด ว่า ขาวและกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันจะผสานการสร้างประเทศเดียวได้ไม่ล่าสุดชีวิต และเขาเริ่มที่จะเชื่อว่า ชาวพื้นเมืองควร emigrate ข้ามแม่น้ำมิสซิสซิปปี และรักษาสังคมแยก ความคิดที่ได้จากการซื้อรัฐลุยเซียนา 1803[66]ในยุคของลิขิต ความคิดนี้ ซึ่งจะถูกเรียกว่า "อินเดียเอา" มา ได้รับพื้นดิน สนับสนุนด้านมนุษยธรรมลบเชื่อว่า อินเดียอเมริกันจะดีกว่าการย้ายจากขาว เป็น Reginald Horsman โต้เถียงในทรงอิทธิพลของเขานักประวัติศาสตร์ศึกษาแข่งขันและลิขิต สำนวนเชื้อชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงยุคของลิขิต ชาวอเมริกันมากเชื่อว่า วิธีอเมริกันเจ้าของชีวิตจะเลือนเป็นสหรัฐอเมริกาขยาย เป็นตัวอย่าง ความคิดนี้ได้สะท้อนออกมาในงานหนึ่งในอเมริกาครั้งแรกมากนักประวัติศาสตร์ Francis Parkman จองโรงแรมแลนด์มาร์คสมคบคิดพันเทียคถูกเผยแพร่ใน 1851 Parkman เขียนว่า หลังจากอังกฤษชนะแคนาดาใน 1760 อินเดียถูก "กำหนดละลาย และหายก่อนคลื่นพลังงาน Anglo-American advancing ขณะที่สะสมทางตะวันตกของ unopposed และเครื่องหมาย" Parkman ย้ำว่า การล่มสลายของอำนาจอินเดียในปลายพุทธศตวรรษที่ได้รวดเร็ว และเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา

Results (Thai) 2:

ชนพื้นเมืองอเมริกัน [แก้ไข]
ชะตา Manifest มีผลกระทบอย่างรุนแรงสำหรับชาวอเมริกันพื้นเมืองเนื่องจากการขยายตัวของทวีปยุโรปโดยปริยายหมายถึงการประกอบอาชีพและการผนวกดินแดนของชาวอเมริกันพื้นเมืองบางครั้งที่จะขยายการเป็นทาส ท้ายที่สุดนี้นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของหลายกลุ่มชนพื้นเมืองอินเดียผ่านการกำจัด. [61] [62] [63] [64] สหรัฐอเมริกายังคงปฏิบัติยุโรปตระหนักถึงเพียงสิทธิในที่ดิน จำกัด ของชนพื้นเมือง ในนโยบายสูตรส่วนใหญ่โดยเฮนรีน็อกซ์เลขานุการของสงครามในวอชิงตันบริหารรัฐบาลสหรัฐพยายามที่จะขยายไปทางทิศตะวันตกผ่านการซื้อที่ดินของชาวอเมริกันพื้นเมืองในสนธิสัญญา เพียง แต่รัฐบาลจะซื้อที่ดินอินเดียและนี่คือทำผ่านสนธิสัญญากับผู้นำชนเผ่า ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าที่จริงมีโครงสร้างการตัดสินใจที่มีความสามารถในการทำสนธิสัญญาเป็นปัญหาความขัดแย้ง นโยบายแห่งชาติเป็นชาวอินเดียที่จะเข้าร่วมสังคมอเมริกันและกลายเป็น "อารยะ" ซึ่งหมายความว่าไม่มีสงครามกับชนเผ่าอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงหรือบุกเข้ามาตั้งถิ่นฐานสีขาวหรือเดินทางและเปลี่ยนจากการล่าสัตว์เพื่อการเกษตรและ ranching ประชาสัมพันธ์จากโปรแกรมอารยธรรมเชื่อว่ากระบวนการของการปักหลักชนเผ่าพื้นเมืองอย่างมากจะช่วยลดปริมาณของที่ดินที่จำเป็นโดยชนพื้นเมืองอเมริกันทำให้ที่ดินพร้อมใช้งานสำหรับการปักหลักโดยชาวอเมริกันผิวขาว โทมัสเจฟเฟอร์สันเชื่อว่าในขณะที่ชาวอเมริกันอินเดียนเป็นคนเท่าเทียมกันทางปัญญาของคนผิวขาว [65] พวกเขาจะใช้ชีวิตเหมือนคนผิวขาวหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ถูกผลักกันโดยพวกเขา. [66] ความเชื่อเจฟเฟอร์สัน, ฝังรากอยู่ในความคิดของการตรัสรู้ที่คนผิวขาวและชนพื้นเมืองอเมริกันจะรวม เพื่อสร้างประเทศเดียวที่ไม่ได้ตลอดชีวิตของเขาและเขาก็เริ่มที่จะเชื่อว่าชาวบ้านควรอพยพข้ามแม่น้ำมิสซิสซิปปีและรักษาสังคมที่แยกความคิดที่จะทำได้โดยซื้อลุยเซียนาของ 1803 [66] ในยุคของประจักษ์ โชคชะตาความคิดนี้ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในฐานะ "ถอน" รับพื้นดิน สนับสนุนด้านมนุษยธรรมในการกำจัดเชื่อว่าชาวอเมริกันอินเดียนจะดีกว่าที่จะย้ายออกไปจากคนผิวขาว ในฐานะที่เป็นนักประวัติศาสตร์เรจินัล Horsman เถียงกันในการแข่งขันการศึกษาของเขามีอิทธิพลและเห็นชะตากรรมสำนวนเชื้อชาติเพิ่มขึ้นในช่วงยุคของโชคชะตาอย่างชัดแจ้ง ชาวอเมริกันเชื่อมากขึ้นว่าวิธีการที่ชาวอเมริกันพื้นเมืองของชีวิตจะจางหายไปในขณะที่สหรัฐฯขยายตัว ตัวอย่างเช่นความคิดนี้ได้สะท้อนให้เห็นในการทำงานของหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่คนแรกของอเมริกา, ฟรานซิสพาร์คซึ่งมีหนังสือสถานที่สมรู้ร่วมคิดของทั้งคู่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1851 พาร์คเขียนว่าหลังจากชัยชนะของอังกฤษในประเทศแคนาดาใน 1760 อินเดียเป็น "ชะตา ที่จะละลายและหายไปก่อนที่คลื่นของ advancing พลังงานแองโกลอเมริกันซึ่งตอนนี้รีดไปทางทิศตะวันตกไม่ถูกตรวจสอบและค้าน " พาร์คย้ำว่าการล่มสลายของอำนาจของอินเดียในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ที่ได้รับการอย่างรวดเร็วและเป็นเหตุการณ์ในอดีต

Results (Thai) 3:

ชาวอเมริกันพื้นเมือง [ แก้ไข ]
เทพลิขิตได้รับผลกระทบร้ายแรงสำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง เนื่องจากการขยายตัวของคอนติเนนโดยปริยายหมายถึงอาชีพ และการผนวกดินแดนอเมริกันพื้นเมือง บางครั้งขยายทาส นี้ในที่สุดนำไปสู่การล้างเผ่าพันธุ์ของหลายกลุ่มของผู้คนพื้นเมืองผ่านอินเดียกําจัด[ 61 ] [ 62 ] [ 63 ] [ 64 ] สหรัฐอเมริกา ยังปฏิบัติยุโรปตระหนักถึงเพียงจำกัดสิทธิในที่ดินของชนพื้นเมือง . ในนโยบายยุทธศาสตร์ส่วนใหญ่โดยเฮนรี่น็อกซ์ เลขานุการของสงครามในการบริหาร วอชิงตัน สหรัฐพยายามที่จะขยายไปทางทิศตะวันตก ผ่านการซื้อที่ดินของชาวอเมริกันพื้นเมืองในสนธิสัญญา .แต่รัฐบาลจะซื้อที่ดินของอินเดียและถูกทำผ่านสนธิสัญญากับผู้นำชนเผ่า ไม่ว่าจะเป็น เผ่า ที่จริงมีโครงสร้างการตัดสินใจสามารถทำสนธิสัญญาที่เป็นปัญหาขัดแย้ง นโยบายแห่งชาติสำหรับชาวอินเดียที่จะเข้าร่วมสังคมอเมริกัน และเป็น " อารยะ "ซึ่งหมายถึงไม่มีสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านหรือปล้นในเผ่าคนขาวที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน หรือคน และเปลี่ยนจากการล่าสัตว์ เพื่อการเกษตร และปศุสัตว์ สนับสนุนโปรแกรมอารยธรรมเชื่อว่ากระบวนการตกตะกอนชาวพื้นเมือง จะช่วยลดปริมาณของที่ดินที่จำเป็นโดยชาวอเมริกันพื้นเมือง ทำให้ที่ดินเพิ่มเติมที่พร้อมใช้งานสำหรับ homesteading โดยขาวอเมริกันโทมัสเจฟเฟอร์สันเชื่อว่าในขณะที่อเมริกันอินเดียนเป็นเท่ากับทางปัญญาของคนผิวขาว [ 65 ] พวกเขาได้ใช้ชีวิต เหมือนผ้าขาว หรืออาจถูกเลื่อนออกไป โดยพวกเขา [ 66 ] เจฟเฟอร์สันเชื่อฝังรากในการตรัสรู้ คิดว่าคนผิวขาวกับคนอเมริกันจะรวมประเทศเดียวไม่ได้ สุดท้ายชีวิตของเขาและเขาเริ่มที่จะเชื่อว่าชาวพื้นเมืองควรอพยพข้ามแม่น้ำมิสซิสซิปปี และรักษาสังคมแยก ความคิดทำให้เป็นไปได้โดยการซื้อลุยเซียนาของ 1803 [ 66 ]

ในยุคของเทพลิขิต ความคิดนี้ ซึ่งก็เป็นที่รู้จักในฐานะ " อินเดียได้รับการกำจัด " , พื้น โครงการสนับสนุนการกำจัดเชื่อว่าชาวอเมริกันอินเดียนน่าจะดีกว่าย้ายจากไข่ขาวเป็นนักประวัติศาสตร์ เรจินัลด์ ฮอร์สเมิ่นแย้งในการแข่งขันกลุ่มผู้มีอิทธิพลและโองการของพระเจ้าวาทศิลป์ทางเชื้อชาติที่เพิ่มขึ้น , ในยุคของเทพลิขิต . คนอเมริกันมากขึ้น เชื่อว่าทางอเมริกันของชีวิต จะจางหายไปเมื่อสหรัฐอเมริกาขยาย เป็นตัวอย่าง แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นในงานของอเมริกาประวัติศาสตร์ที่ดีก่อนฟรานซิสพาร์คแมนซึ่งสถานที่จองสมรู้ร่วมคิดของ Pontiac ถูกตีพิมพ์ใน 1851 . พาร์คแมน เขียนไว้ว่า หลังจากอังกฤษชนะแคนาดาใน 1760 , อินเดียถูก " กำหนดให้ละลายและหายไปก่อนที่คลื่นพลังก้าวหน้าของแองโกล อเมริกัน ซึ่งตอนนี้รีดไปทางทิศตะวันตกและไม่ค้าน " ไปเน้นที่การล่มสลายของอินเดียพลังงานในปลายศตวรรษที่ 18 ได้อย่างรวดเร็ว และเหตุการณ์ที่ผ่านมา