งานวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคต shoul

งานวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคต should continue along the lines of these current trends. In particular, future empirical research effort should be focused on further examinations of the intercultural aspects of self-leadership, self leadership contingency and outcome factors, and the role of self leadership within the shared leadership process. Future self leadership research should also empirically investigate the way in which self leadership processes operate within the larger theoretical contexts of self regulation, social cognitive. intrinsic motivation and self-control theories. For instance, future research should directly examine the effectiveness of self-leadership strategies in improving self-regulation. Although self leadership strategies are generally portrayed as efficacious for improving self-focus, goal-setting processes, goal valence and saliency, feedback process and task-related confidence or performance expectancies, very little empirical research has examined these relationships. Thus, research endeavors should examine the extent to which self-leadership strategies facilitate improvements in measurable aspects of the self-regulatory process. Future research should also examine the distinctiveness of self-leadership strategy dimensions at the measurement level in a comparison of scales designed to measure Self-leadership, such as Houghton and Neck's(2002) , Revised Self Leadership Questionnaire and instruments designed to directly measure self regulatory processes, such as a revised version of Kuhl's(1994) action-state orientation scale(Diefendorff et al, 2000).

Results (Thai) 1:

งานวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคตควรดำเนินตามสายของใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความพยายามวิจัยประจักษ์ในอนาคตควรเน้นในสอบเพิ่มเติมด้านสมาคม self-leadership ปัจจัยฉุกเฉินและผลที่ได้เป็นผู้นำตนเอง และบทบาทของตนเองเป็นผู้นำในการเป็นผู้นำร่วม การวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคตยัง empirically ควรตรวจสอบวิธีการกระบวนการนำตนเองมีในบริบททฤษฎีขนาดใหญ่ของการควบคุมตนเอง สังคมรับรู้ intrinsic อารมณ์และแรงจูงใจทฤษฎีการ ตัวอย่าง งานวิจัยในอนาคตควรตรงตรวจสอบประสิทธิภาพของ self-leadership กลยุทธ์ในการปรับปรุงการควบคุมตนเอง แม้ว่ากลยุทธ์ความเป็นผู้นำตนเองโดยทั่วไปมีเซ็กส์เป็นบ็อชสำหรับการปรับปรุงกระบวนการมุ่งเน้นตนเอง การ ตั้งเป้าหมาย เป้าหมายเวเลนซ์ และ saliency ป้อนกลับ และงานที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่น หรือ expectancies ประสิทธิภาพ ผลวิจัยน้อยมากได้ตรวจสอบความสัมพันธ์เหล่านี้ ดังนั้น ความพยายามวิจัยควรตรวจสอบขอบเขตที่ self-leadership กลยุทธ์ช่วยในการปรับปรุงในด้านวัดผลของกระบวนการ self-regulatory วิจัยในอนาคตนอกจากนี้ยังควรตรวจสอบ distinctiveness self-leadership มิติกลยุทธ์ระดับการประเมินในการเปรียบเทียบระดับที่ออกแบบมาเพื่อวัด Self-leadership, Houghton และ Neck's(2002) ปรับปรุงตนเองเป็นผู้นำแบบสอบถาม และเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อวัดกระบวนการกำกับดูแลตนเอง โดยตรงเช่นรุ่นปรับปรุงของขนาดการวางแนวการดำเนินการรัฐ Kuhl's(1994) (Diefendorff et al, 2000)

Results (Thai) 2:

งานวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคตจะยังคงตามสายของแนวโน้มเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตความพยายามวิจัยเชิงประจักษ์ควรจะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบเพิ่มเติมในด้านวัฒนธรรมของความเป็นผู้นำด้วยตนเองฉุกเฉินเป็นผู้นำตนเองและปัจจัยที่ผลและบทบาทของการเป็นผู้นำของตัวเองที่อยู่ในขั้นตอนการเป็นผู้นำที่ใช้ร่วมกัน การวิจัยเป็นผู้นำตัวเองในอนาคตควรสังเกตุยังตรวจสอบวิธีการที่กระบวนการความเป็นผู้นำในตัวเองทำงานในบริบททางทฤษฎีใหญ่ของการควบคุมตนเององค์ความรู้ทางสังคม แรงจูงใจภายในและทฤษฎีการควบคุมตนเอง ยกตัวอย่างเช่นการวิจัยในอนาคตโดยตรงควรตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ความเป็นผู้นำของตัวเองในการปรับปรุงการควบคุมตนเอง แม้ว่ากลยุทธ์ความเป็นผู้นำในตัวเองเป็นภาพโดยทั่วไปเป็นมีประสิทธิภาพสำหรับการปรับปรุงตัวเองมุ่งเน้นกระบวนการเป้าหมายการตั้งค่า, ความจุเป้าหมายและ saliency กระบวนการข้อเสนอแนะและความเชื่อมั่นของงานที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวังหรือประสิทธิภาพการทำงานวิจัยเชิงประจักษ์น้อยมากมีการตรวจสอบความสัมพันธ์เหล่านี้ ดังนั้นความพยายามวิจัยควรตรวจสอบขอบเขตที่กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้วยตนเองอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงในแง่มุมที่วัดของกระบวนการกำกับดูแลตนเอง การวิจัยในอนาคตควรตรวจสอบความแตกต่างของขนาดกลยุทธ์ความเป็นผู้นำในตัวเองในระดับการวัดในการเปรียบเทียบของเครื่องชั่งออกแบบมาเพื่อวัดความเป็นผู้นำในตัวเช่นฮัฟตั้นและคอ (2002), แก้ไขแบบสอบถามความเป็นผู้นำในตัวและเครื่องมือการออกแบบมาเพื่อวัดโดยตรงตนเองกำกับดูแล กระบวนการดังกล่าวเป็นรุ่นปรับปรุงของเยี่ยมของ (1994) การกระทำของรัฐขนาดปฐมนิเทศ (Diefendorff, et al, 2000)

Results (Thai) 3:

งานวิจัยภาวะผู้นำตนเองในอนาคตควรตามสายของแนวโน้มเหล่านี้ โดยเฉพาะความพยายามในการวิจัยเชิงประจักษ์ในอนาคตควรจะเน้นเพิ่มเติม การตรวจด้านจริยศาสตร์ของภาวะผู้นำตนเองฉุกเฉินการนําตนเองและปัจจัยผล และบทบาทของผู้นำตนเองภายในร่วมกัน ผู้นำกระบวนการวิจัยภาวะผู้นำของตนเองในอนาคต ควรใช้วิธีตรวจสอบด้วย ซึ่งกระบวนการภาวะผู้นำตนเองทำงานในบริบทของตนเอง ทฤษฎีที่มีระเบียบ สังคมรับรู้ได้ ทฤษฎีแรงจูงใจภายใน และการควบคุมตนเอง ตัวอย่าง การวิจัยในอนาคตควรจะโดยตรงในการตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ความเป็นผู้นำของตนเองในการปรับปรุงตนเอง .แม้ว่ากลยุทธ์ภาวะผู้นำตนเองโดยทั่วไปว่า เป็นผู้ปรับปรุงโฟกัสด้วยตนเอง การตั้งเป้าหมาย กระบวนการที่ 2 เป้าหมายและความเด่น กระบวนงานที่เกี่ยวข้องมั่นใจหรือการแสดงความคิดเห็นและความคาดหวัง การวิจัยเชิงประจักษ์ น้อยมาก มีการตรวจสอบความสัมพันธ์เหล่านี้ ดังนั้นความพยายามวิจัยควรตรวจสอบขอบเขตที่ตนเองภาวะผู้นำกลยุทธ์อำนวยความสะดวกในการปรับปรุงด้านการวัดของตนเอง กำกับดูแลกระบวนการ วิจัยในอนาคตควรศึกษาความพิเศษของตนเอง กลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านการวัดระดับในการเปรียบเทียบเครื่องชั่งที่ออกแบบมาเพื่อวัดภาวะผู้นำตนเอง เช่น Houghton และคอ ( 2002 )ปรับปรุงตนเอง แบบสอบถามภาวะผู้นำและเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อวัดกระบวนการกำกับตนเองโดยตรง เช่น เป็นรุ่นที่แก้ไขของคัล ( 1994 ) การกระทำของรัฐที่มีขนาด ( diefendorff et al , 2000 )