PROACTIVE PROBLEM MANAGEMENTIt is c

PROACTIVE PROBLEM MANAGEMENT
It is clearly better for any organisation to prevent incidents occurring rather than waiting for them to occur and then committing resource to fixing them, often repetitively over time. This is the basic principle of quality assurance, as opposed to quality control, and it is not only better for the business and its users but also more efficient for IT. Problem management is therefore one of the most important processes in helping reduce the amount of time IT staff spend ‘fire fighting’, particularly for second and third line teams whose primary role is project-related improvement work and for whom reacting to incidents is an unwanted interruption.
In operating proactively, problem management often works closely with both the availability management process and continual service improvement since each of these aspects has similar objectives, namely to protect the IT environment from disruption and improve services wherever it is cost-effective to do so.
Proactive activities can include analysing trends associated with historic incidents to identify and eliminate underlying infrastructure or application weaknesses. Proactive work may be initiated from a service improvement plan that has been created perhaps in response to poor performance or simply from a wish to improve performance, for instance in a competitive situation to gain an advantage over another service provider.

Results (Thai) 1:

จัดการปัญหาเชิงรุกดีกว่าอย่างชัดเจนสำหรับองค์กรใด ๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นแทนที่จะรอให้เกิดขึ้น และจากนั้น ยอมรับทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหา มักจะเปลืองเวลา นี่คือหลักการพื้นฐานของการประกันคุณภาพ ควบคุมคุณภาพ ตรงข้ามกับ และจะไม่ดีสำหรับธุรกิจและผู้ใช้ แต่ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น จัดการปัญหาจึงเป็นกระบวนการสำคัญในการช่วยลดจำนวนเวลาที่พนักงานได้ใช้ 'เพลิง' โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับบรรทัดที่สอง และสามคนมีบทบาทหลักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการปรับปรุง และที่ปฏิกิริยากับเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการขัดจังหวะที่ไม่ต้องการในการทำงานวันนี้ จัดการปัญหามักจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระบวนการจัดการความพร้อมใช้งานและพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแต่ละด้านเหล่านี้มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกัน คือแวดล้อม IT จากทรัพย และเพิ่มบริการไหนก็ได้จะมีประสิทธิภาพการทำงานกิจกรรมเชิงรุกสามารถรวมแนวโน้มการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การ ทำลายโครงสร้างพื้นฐานหรือข้อบกพร่องของโปรแกรมประยุกต์ ทำงานเชิงรุกอาจเริ่มต้น จากแผนปรับปรุงการบริการที่ได้สร้างบางทีในการตอบสนองดีประสิทธิภาพ หรือเพียงแค่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ เช่นในสถานการณ์ที่แข่งขันเปรียบกว่าผู้ให้บริการอื่น

Results (Thai) 2:

การบริหารจัดการเชิงรุกปัญหามันเห็นได้ชัดที่ดีกว่าสำหรับองค์กรที่จะป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทนที่จะรอให้พวกเขาที่จะเกิดขึ้นและจากนั้นผู้ต้องหาทรัพยากรให้กับการแก้ไขใด ๆ ที่พวกเขามักจะซ้ำเมื่อเวลาผ่านไป
นี่คือหลักการพื้นฐานของการประกันคุณภาพเมื่อเทียบกับการควบคุมคุณภาพและมันก็ไม่ได้เป็นเพียงที่ดีสำหรับธุรกิจและผู้ใช้ แต่ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับ IT การจัดการปัญหาจึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการช่วยลดปริมาณของเวลาที่เจ้าหน้าที่ไอทีใช้จ่าย 'ดับเพลิง' โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทีมบรรทัดที่สองและสามที่มีบทบาทหลักคือการพัฒนางานที่เกี่ยวข้องกับโครงการและสำหรับผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่ไม่พึงประสงค์ การหยุดชะงัก.
ในการดำเนินงานเชิงรุกในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นมักจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งกระบวนการการจัดการความพร้อมและการปรับปรุงการบริการอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแต่ละด้านเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือการปกป้องสภาพแวดล้อมไอทีที่ได้จากการหยุดชะงักและปรับปรุงบริการใดก็ตามที่มันเป็นค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพที่จะทำเช่นนั้น .
กิจกรรมเชิงรุกอาจรวมถึงแนวโน้มการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การระบุและกำจัดโครงสร้างพื้นฐานหรือจุดอ่อนของแอพลิเคชัน การทำงานเชิงรุกอาจจะเริ่มจากแผนการปรับปรุงการบริการที่ได้รับการสร้างขึ้นอาจจะอยู่ในการตอบสนองต่อผลการดำเนินงานที่ไม่ดีหรือเพียงจากความปรารถนาที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเช่นในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันเพื่อให้ได้เปรียบกว่าผู้ให้บริการอื่น

Results (Thai) 3:

การจัดการปัญหาเชิงรุก มันชัดเจนดีสำหรับองค์กรใด ๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แทนที่จะรอให้พวกเขาเกิดขึ้น และยืนยันที่จะแก้ไขทรัพยากรเหล่านั้น มักจะซ้ำๆ ตลอดเวลา นี้เป็นหลักการพื้นฐานของการประกันคุณภาพ เป็นนอกคอก การควบคุมคุณภาพ และมันไม่ได้เป็นเพียงที่ดีสำหรับธุรกิจและผู้ใช้ แต่ยังมีประสิทธิภาพสำหรับมันการจัดการปัญหาจึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการช่วยลดปริมาณของเวลาที่ใช้พนักงานสู้ไฟ โดยเฉพาะสายที่สองและสามทีมที่มีบทบาทหลัก คือ โครงการที่เกี่ยวข้องกับงานปรับปรุงและที่ปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ เป็นจังหวะที่ไม่พึงประสงค์ .
งานวันนี้การจัดการปัญหามักจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งความพร้อมการจัดการกระบวนการและปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เพราะแต่ละด้านเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ที่คล้ายกันคือการปกป้องสิ่งแวดล้อมจากการหยุดชะงักและปรับปรุงบริการทุกที่มันคุ้มค่าที่จะทำ .
กิจกรรมเชิงรุก รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับการระบุและกำจัดต้นแบบโครงสร้างพื้นฐานหรือจุดอ่อนการใช้เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เชิงรุก งานอาจจะเริ่มจากการปรับปรุงบริการ แผนการที่ถูกสร้างขึ้นในการตอบสนองต่อการปฏิบัติไม่ดี หรือบางทีก็มาจากต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพตัวอย่างเช่นในสถานการณ์การแข่งขันจะได้เปรียบกว่าอีกบริการผู้ให้บริการ