one-party state building with the c

one-party state building with the collaboration of Filipino elites at its core” . The colonial rule was “carried out in the name of promoting "self-government" over an indefinite but calibrated timetable” .

Among the policies utilized by the US to attempts at Philippine independence were “a Sedition Act that banned expressions in support of Philippine independence, a Banditry Act that criminalized ongoing resistance, and a Reconcentration Act that authorized the mass relocation of rural populations” .

Results (Thai) 1:

หนึ่งของรัฐมีความร่วมมือของฟิลิปปินส์ที่ร่ำรวยเป็นหลัก" กฎอาณานิคมถูก "ดำเนินในชื่อ"ปกครองตนเอง"การส่งเสริมการไม่จำกัด แต่เทียบตารางเวลา"หนึ่งในนโยบายที่ใช้ โดยสหรัฐอเมริกาเพื่อความพยายามที่ฟิลิปปินส์เป็นอิสระได้ "บัญญัติแห่พิสูจน์ที่ห้ามนิพจน์เพื่อสนับสนุนเอกราชฟิลิปปินส์ Act Banditry ที่ criminalized ต้านทานอย่างต่อเนื่อง และกระทำ Reconcentration ที่ได้รับอนุญาตย้ายมวลประชากรในชนบท"

Results (Thai) 2:

หนึ่งในบุคคลที่อาคารของรัฐด้วยความร่วมมือของชนชั้นสูงชาวฟิลิปปินส์ที่หลักของ "การ กฎอาณานิคมคือ "การดำเนินการในชื่อของการส่งเสริม" การปกครองตนเอง "มากกว่าที่ไม่แน่นอน แต่การสอบเทียบตารางเวลา".

ในบรรดานโยบายที่ใช้โดยสหรัฐจะพยายามที่จะเป็นอิสระของฟิลิปปินส์เป็น "พระราชบัญญัติการจลาจลที่ห้ามการแสดงออกในการสนับสนุนของฟิลิปปินส์เป็นอิสระ , พระราชบัญญัติการโจรกรรมที่ผิดอาญาที่มีความต้านทานต่อเนื่องและพระราชบัญญัติ Reconcentration ว่าผู้มีอำนาจของการย้ายมวลของประชากรในชนบท "

Results (Thai) 3:

อาคารหนึ่งรัฐภาคีด้วยความร่วมมือของชนชั้นสูงชาวฟิลิปปินส์ที่หลัก " ของ การปกครองอาณานิคม " ดําเนินการในชื่อของ " รัฐบาล " กว่าแน่นอน แต่ปรับตารางเรียน "ของนโยบายที่ใช้ โดยเราพยายามที่ฟิลิปปินส์เป็นอิสระ " เป็นการปลุกระดมทำว่าห้ามแสดงออกในการสนับสนุนของฟิลิปปินส์เป็นอิสระ , พรหมจาริณีทำเป็นตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรต้านทานอย่างต่อเนื่อง และการกระทำที่ได้รับการด่างมวลของประชากรชนบท” .