The discussion above attempted to d

The discussion above attempted to demonstrate the value of using songs in the classroom. However, the next step in the procedure is for the teacher to successfully integrate the songs into a language lesson. Howard Gardner’s research on Multiple Intelligences gives us some suggestions. He describes how people demonstrate different skills and talents while trying to learn. Therefore, the classroom must provide different approaches to meet an individual student’s area of strength in order to be the most successful. For example, Gardner’s Musical Rhythmic learners are sensitive to non verbal sounds and are very much aware of tone, pitch and timbre. Using rhythm, chanting and songs with these students can increase their attention and interest while motivating them to learn (Gardner, 1985). If music has all this power to increase students’ thinking and activate interaction, what are we waiting for? The opportunity and support are always available, so lets give it a try.

Results (Thai) 1:

คำอธิบายด้านบนพยายามแสดงให้เห็นถึงค่าของการใช้เพลงในห้องเรียน อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนถัดไปในกระบวนการเป็นครูไปเรียบร้อยแล้วรวมเพลงในบทเรียนภาษา วิจัยของการ์ดเนอร์ Howard เฉพาะทำให้เราคำแนะนำ เขาอธิบายว่า คนแสดงให้เห็นถึงทักษะและความสามารถในขณะที่พยายามเรียนรู้ ดังนั้น ห้องเรียนต้องให้แนวทางต่าง ๆ เพื่อตอบสนองของนักเรียนที่ตั้งของความแข็งแรงเพื่อให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด ตัวอย่าง เรียนจังหวะดนตรีของการ์ดเนอร์มีเสียงการวาจาจะไม่สำคัญ และมากตระหนักถึงเสียง ระยะห่าง และ timbre ใช้จังหวะ สวดมนต์และเพลงกับนักเรียนเหล่านี้สามารถเพิ่มความสนใจ และสนใจในขณะที่สร้างแรงจูงใจให้เรียนรู้ (การ์ดเนอร์ 1985) ถ้าเพลงมีอำนาจนี้เพื่อเพิ่มความคิดของนักเรียน และเปิดใช้งานการโต้ตอบ สิ่งเรารอ โอกาสและการสนับสนุนพร้อม เพื่อ ให้ทดลองใช้

Results (Thai) 2:

การอภิปรายดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะคุณค่าของการใช้เพลงในห้องเรียน อย่างไรก็ตามขั้นตอนต่อไปในขั้นตอนสำหรับครูที่จะบูรณาการประสบความสำเร็จในเพลงเข้าไปในบทเรียนภาษา โฮเวิร์ดการ์ดเนอร์การวิจัยเกี่ยวกับพหุปัญญาทำให้เรามีคำแนะนำบางอย่าง เขาอธิบายว่าคนที่แสดงให้เห็นถึงทักษะที่แตกต่างกันและความสามารถในขณะที่พยายามที่จะเรียนรู้ ดังนั้นห้องเรียนต้องจัดให้มีวิธีที่แตกต่างเพื่อตอบสนองพื้นที่นักเรียนเป็นรายบุคคลของความแข็งแรงในการที่จะประสบความสำเร็จที่สุด ยกตัวอย่างเช่นการ์ดเนอร์ผู้เรียนจังหวะดนตรีมีความไวต่อเสียงและคำพูดที่ไม่ได้มีความตระหนักมากของเสียงสนามและต่ำ ใช้จังหวะและเพลงสวดมนต์กับนักเรียนเหล่านี้สามารถเพิ่มความสนใจและความสนใจของพวกเขาในขณะที่การสร้างแรงจูงใจให้พวกเขาที่จะเรียนรู้ (การ์ดเนอร์, 1985) ถ้าเพลงมีพลังทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มคิดของนักเรียนและเปิดใช้งานการทำงานร่วมกันสิ่งที่เรารอ? โอกาสและการสนับสนุนอยู่เสมอเพื่อช่วยให้มันลอง

Results (Thai) 3:

การอภิปรายข้างต้นได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการใช้เพลงในชั้นเรียน อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนถัดไปในกระบวนการสำหรับครูเรียบร้อยแล้วรวมเพลงในภาษาบทเรียน ของ Howard Gardner วิจัยพหุปัญญาให้เราข้อเสนอแนะบาง เขาอธิบายว่าคนแสดงให้เห็นถึงทักษะที่แตกต่างกันและความสามารถในขณะที่พยายามที่จะเรียนรู้ ดังนั้นห้องเรียนต้องมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ นักเรียนของความแข็งแรงในการที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุด ตัวอย่างเช่น การ์ดเนอร์เป็นดนตรีจังหวะผู้เรียนเป็นสําคัญด้วยวาจาเสียงและมีมากตระหนักถึงเสียง , ระดับเสียงและคุณภาพเสียง . การใช้จังหวะสวดและเพลงกับนักศึกษาเหล่านี้สามารถเพิ่มความสนใจและความสนใจของพวกเขาในขณะที่สร้างแรงจูงใจให้เรียนรู้ ( การ์ดเนอร์ , 1985 ) ถ้าเพลงที่มีพลังนี้เพื่อเพิ่มการคิดของนักเรียน และเปิดใช้งานระหว่างที่เรากำลังรออะไรอยู่ ? โอกาสและสนับสนุนพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้มันลอง