ConclusionThe main objective of the

Conclusion
The main objective of the study was to investigate the relationship between the
pastor’s servant leadership style of leadership and organizational commitment of the
ministerial staff and administrative assistants to Southern Baptist churches in Mississippi.
Evidence supported the reliability and validity of both servant leadership and
organizational commitment measurement instruments.
Servant Leadership and Organizational Commitment 84
The results of the study revealed that the pastor’s servant leadership style of leadership
had a positive correlation with affective and normative commitment. This means that
leadership behaviors which involve meeting the needs of others, initiating processes of
healing, being observant, promoting encouragement, and focusing on the good of society
has an effect on how ministerial staff and administrative assistants feel about staying withthe church.
The ministerial staff and administrative assistant’s affective commitment, their
emotional attachment to the church, identification, and involvement with the church was
positively correlated with the pastor’s servant leadership. The outcome of such a
relationship between the pastor and staff will be belief in goals of the church, hard work,and long tenure with the organization (Mowday, Porter & Steers, 1982).
The ministerial staff and administrative assistant’s normative commitment, the loyalty
of the staff to the church, had a positive correlation with the pastor’s servant leadership.
The staff’s loyalty and devotion, the sacrifices that they make on behalf of the church, is evidence of such a relationship (Weiner & Verdi, 1980).
The results of the study revealed a weak negative correlation between the pastor’s
servant leadership and continuance commitment of the church staff based on the r-values.
The p-values were not below 0.01, therefore the researcher accepted the hypothesis. This
means that the pastor’s leadership behaviors which involve meeting the needs of others,
initiating processes of healing, being observant, promoting encouragement, and focusing
on the good of society had no effect on the continuance commitment of the staff.
This present study provides another view of the importance of leadership in the local
church. Hopefully, this study provides instruction and encouragement for the future
development of leaders, reminding them of the impact they have on others, in both
church and organizational settings.

Results (Thai) 1:

บทสรุปวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาคือการ ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการลักษณะเป็นผู้นำข้าราชการของศิษยาภิบาลเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นขององค์กรของการรัฐมนตรีต่างประเทศของพนักงานและผู้ช่วยจัดการกับโบสถ์แบพติสท์ใต้ในมิสซิสซิปปีหลักฐานสนับสนุนน่าเชื่อถือและมีผลบังคับใช้ทั้งภาวะผู้นำของข้าราชการ และเครื่องมือวัดความมุ่งมั่นขององค์กรนำข้าราชการและผูกพัน 84เปิดเผยผลการศึกษาที่ของศิษยาภิบาลคนใช้นำสไตล์ของผู้นำมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับความมุ่งมั่นที่ผล และ normative นี้หมายความ ว่าพฤติกรรมภาวะผู้นำซึ่งเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้อื่น การเริ่มต้นกระบวนการของการประชุมรักษา ช่าง ส่งเสริมให้กำลังใจ และเน้นดีของสังคมมีผลพนักงานว่ารัฐมนตรีและผู้ช่วยดูแลระบบเกี่ยวกับการสำรองห้องพักที่คริสตจักรพนักงานรัฐมนตรีต่างประเทศและมุ่งมั่นผลของเสมียน ของพวกเขาอารมณ์ที่แนบมากับคริสตจักร รหัส การมีส่วนร่วมกับคริสตจักรได้บวก correlated กับของศิษยาภิบาลผู้รับใช้เป็นผู้นำ ผลที่ได้จากผลการความสัมพันธ์ระหว่างศิษยาภิบาลและพนักงานจะมีความเชื่อในเป้าหมายของคริสตจักร งานหนัก และอายุงานที่ยาวนานกับองค์กร (Mowday กระเป๋า และ สำเร็จ 1982)เจ้าหน้าที่ที่รัฐมนตรีต่างประเทศและของเสมียน normative มั่น สมาชิกที่พนักงานโบสถ์ มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับผู้นำของศิษยาภิบาลผู้รับใช้หน้าที่ของสมาชิกและความจงรักภักดี บูชาที่พวกเขาทำในนามของคริสตจักร เป็นหลักฐานดังกล่าวความสัมพันธ์ (Weiner แอนด์แวร์ดี 1980)ความสัมพันธ์ระหว่างของศิษยาภิบาลลบอ่อนแอเปิดเผยผลการศึกษาข้าราชการต่อเนื่องและเป็นผู้นำความมุ่งมั่นของพนักงานโบสถ์ตามค่า rค่า p ได้ไม่ต่ำกว่า 0.01 ดังนั้น นักวิจัยยอมรับสมมติฐาน นี้หมายความ ว่า ของศิษยาภิบาลเป็นผู้นำลักษณะการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้อื่น การประชุมเริ่มต้นกระบวนการของการรักษา การช่าง การส่งเสริมให้กำลังใจ และเน้นในดีของสังคมก็ไม่มีผลต่อความมุ่งมั่นต่อเนื่องของพนักงานการศึกษาปัจจุบันนี้แสดงอีกมุมมองหนึ่งของความสำคัญของการเป็นผู้นำในท้องถิ่นคริสตจักร หวังว่า การศึกษานี้ช่วยให้คำแนะนำและกำลังใจให้กับอนาคตพัฒนาผู้นำ จดหมายเตือนผลกระทบที่พวกเขามีคนอื่น ทั้งคริสตจักรและการตั้งค่าองค์กร

Results (Thai) 2:

สรุปวัตถุประสงค์หลักของการศึกษาคือการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะการเป็นผู้นำคนรับใช้พระของความเป็นผู้นำและความผูกพันต่อองค์การของพนักงานระดับรัฐมนตรีและผู้ช่วยผู้ดูแลระบบเพื่อคริสตจักรSouthern Baptist ในมิสซิสซิปปี้. หลักฐานที่สนับสนุนความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของการเป็นผู้นำคนรับใช้ทั้งสองและความผูกพันต่อองค์การเครื่องมือวัด. เป็นผู้นำคนรับใช้ความผูกพันต่อองค์การ 84 ผลการศึกษาพบว่ารูปแบบการเป็นผู้นำของคนรับใช้พระของความเป็นผู้นำที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอารมณ์และความมุ่งมั่นกฎเกณฑ์ ซึ่งหมายความว่าพฤติกรรมผู้นำที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการของคนอื่น ๆ เริ่มต้นกระบวนการของการรักษาเป็นคนช่างสังเกตการส่งเสริมให้กำลังใจและมุ่งเน้นไปที่ดีของสังคมมีผลต่อวิธีการที่เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีและผู้ช่วยบริหารรู้สึกเกี่ยวกับการเข้าพัก withthe คริสตจักร. พนักงานรัฐมนตรี ความมุ่งมั่นและการบริหารอารมณ์ของผู้ช่วยของพวกเขาสิ่งที่แนบมาทางอารมณ์ให้กับคริสตจักรบัตรประจำตัวและการมีส่วนร่วมกับคริสตจักรได้รับความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเป็นผู้นำคนรับใช้ของพระ ผลของการเช่นการให้ความสัมพันธ์ระหว่างบาทหลวงและพนักงานจะมีความเชื่อในเป้าหมายของคริสตจักรการทำงานหนักและการดำรงตำแหน่งนานกับองค์กร (Mowday, Porter และ Steers, 1982). พนักงานรัฐมนตรีและความมุ่งมั่นกฎเกณฑ์ผู้ช่วยฝ่ายบริหารของความจงรักภักดีของพนักงานของคริสตจักรที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความเป็นผู้นำคนรับใช้พระของ. ความจงรักภักดีของพนักงานและการอุทิศตนเสียสละที่พวกเขาทำในนามของคริสตจักรเป็นหลักฐานของความสัมพันธ์ดังกล่าว (เนอร์และแวร์ดี, 1980). ผล การศึกษาพบความสัมพันธ์เชิงลบที่อ่อนแอระหว่างบาทหลวงของความเป็นผู้นำคนรับใช้และความมุ่งมั่นต่อเนื่องของพนักงานของคริสตจักรตามR-ค่า. P-มีค่าไม่ต่ำกว่า 0.01 ดังนั้นนักวิจัยได้รับการยอมรับสมมติฐาน นี้หมายความว่าพฤติกรรมผู้นำบาทหลวงของที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการของคนอื่น ๆ เริ่มต้นกระบวนการของการรักษาเป็นคนช่างสังเกตการส่งเสริมให้กำลังใจและมุ่งเน้นเกี่ยวกับการที่ดีของสังคมไม่มีผลต่อความมุ่งมั่นในความต่อเนื่องของพนักงาน. นี้การศึกษาปัจจุบันมีอีกมุมมองหนึ่ง ความสำคัญของการเป็นผู้นำในท้องถิ่นคริสตจักร หวังว่าการศึกษาครั้งนี้มีการเรียนการสอนและให้กำลังใจสำหรับอนาคตการพัฒนาของผู้นำเตือนพวกเขาของผลกระทบที่พวกเขามีกับคนอื่น ๆ ทั้งในคริสตจักรและการตั้งค่าขององค์กร

Results (Thai) 3:

สรุป
วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบผู้รับใช้
บาทหลวงของความเป็นผู้นำและความผูกพันต่อองค์การของพนักงานและผู้ช่วยรัฐมนตรี
ปกครองคริสตจักรแบ๊บติสต์ภาคใต้ Mississippi
หลักฐานสนับสนุนความน่าเชื่อถือและความเที่ยงตรงของผู้รับใช้ทั้งภาวะผู้นำและ
เครื่องมือวัดความผูกพันภาวะผู้นำกับความผูกพันต่อองค์การ 84

ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำแบบผู้รับใช้ของพระผู้นำ
มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับอารมณ์และความมุ่งมั่นเกี่ยวกับคนรับใช้ ซึ่งหมายความว่า
พฤติกรรมผู้นำที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการของผู้อื่น การเริ่มต้นกระบวนการ
ประสาน ช่างสังเกต ส่งเสริมให้กำลังใจและเน้นที่ดีของสังคม
มีผลต่อวิธีการที่รัฐมนตรี และผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการรู้สึกอยู่ในโบสถ์ .
พนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีและการบริหารอารมณ์ ความมุ่งมั่นของพวกเขา
สิ่งที่แนบทางอารมณ์กับโบสถ์ การระบุ และเกี่ยวข้องกับโบสถ์
มีความสัมพันธ์กับบาทหลวงผู้รับใช้ผู้นํา ผลของเช่น
ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และเจ้าหน้าที่จะเชื่อในเป้าหมายของคริสตจักร ทำงานหนัก และ ยาว งานกับองค์กร ( mowday พอร์เตอร์ &โค , 1982 )
กฎกระทรวงและการบริหารพนักงานผู้ช่วยพยาบาลความผูกพันความจงรักภักดี
ของพนักงานที่โบสถ์ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับบาทหลวงผู้รับใช้ภาวะผู้นำ .
ความจงรักภักดีของพนักงาน และความจงรักภักดีการเสียสละที่พวกเขาทำในนามของคริสตจักรคือหลักฐานของความสัมพันธ์ดังกล่าว ( เนอร์& Verdi , 1980 ) .
ผลการศึกษาพบความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงลบที่อ่อนแอของ
บาทหลวงและด้านความมุ่งมั่นของคริสตจักรตามค่า R ��� .
p-values ไม่ต่ำกว่า 0.01 ดังนั้น จึงเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ นี้
หมายความว่า บาทหลวง พฤติกรรมผู้นำที่เกี่ยวข้องกับการประชุมความต้องการของผู้อื่น
เริ่มต้นกระบวนการเยียวยา ช่างสังเกต การส่งเสริมกำลังใจ และเน้น
ที่ดีของสังคม ไม่มีผลในด้านความมุ่งมั่นของพนักงาน การศึกษานี้ให้
อีกมุมมองของความสำคัญของภาวะผู้นำในคริสตจักรท้องถิ่น

หวังว่าการศึกษาการจัดการเรียนการสอนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาผู้นำในอนาคต
เตือนพวกเขาของผลกระทบที่พวกเขามีต่อผู้อื่น ทั้งในคริสตจักรและการตั้งค่า
องค์การ