4.2 Blocked sort-based indexingThe

4.2 Blocked sort-based indexing
The basic steps in constructing a nonpositional index are depicted in Figure 1.4 (page 8). We first make a pass through the collection assembling all
term–docID pairs. We then sort the pairs with the term as the dominant key
and docID as the secondary key. Finally, we organize the docIDs for each
term into a postings list and compute statistics like term and document frequency. For small collections, all this can be done in memory. In this chapter,
we describe methods for large collections that require the use of secondary
storage.

Results (Thai) 1:

4.2 บล็อกเรียงตามดัชนี
ขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างดัชนีแบบ nonpositional จะแสดงในรูป 1.4 (หน้า 8) เราผ่านคอลเลกชันประกอบทั้งหมดทำให้ first
term–docID คู่กัน เราเรียงลำดับจับคู่กับคำที่เป็นคีย์หลักแล้ว
docID เป็นคีย์รองและการ สุดท้าย เราจัด docIDs สำหรับแต่ละ
ระยะลงในรายการบัญชี และคำนวณสถิติเช่นความถี่ระยะเวลาและเอกสาร สำหรับคอลเลกชันขนาดเล็ก ทั้งหมดนี้สามารถทำในหน่วยความจำ ในบทนี้,
เราอธิบายวิธีการสำหรับคอลเลกชันขนาดใหญ่ที่ต้องใช้รอง
เก็บ

Results (Thai) 2:

4.2 การจัดทำดัชนีที่ถูกปิดกั้นการจัดเรียงตาม
ขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างดัชนี nonpositional เป็นภาพในรูปที่ 1.4 (หน้า 8) ครั้งแรกที่เราให้ผ่านผ่านการเก็บรวบรวมทุก
คู่ระยะ docID จากนั้นเราจะเรียงลำดับคู่กับคำว่าเป็นกุญแจสำคัญที่โดดเด่น
และเป็นกุญแจสำคัญ docID รอง สุดท้ายเราจัดระเบียบ docIDs สำหรับแต่ละ
ระยะการโพสต์ลงในรายการและคำนวณสถิติเช่นความถี่ยาวและเอกสาร สำหรับคอลเลกชันขนาดเล็กทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในหน่วยความจำ ในบทนี้
จะอธิบายถึงวิธีการในการคอลเลกชันขนาดใหญ่ที่ต้องใช้รอง
ในการจัดเก็บ

Results (Thai) 3:

4.2 บล็อกเรียงดรรชนี
ขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างดัชนี nonpositional เป็นที่ปรากฎในรูป 1.4 จาก ( หน้า 8 ) เราจึงตัดสินใจเดินทางสร้างผ่านคอลเลกชันประกอบทั้งหมด
docid ในระยะ–คู่ เราก็เรียงคู่กับคำว่า
กุญแจเด่นและ docid เป็นคีย์รอง ในที่สุด เราจัด docids แต่ละ
ระยะเวลาในการโพสต์และคำนวณสถิติรายการเงื่อนไขและความถี่ในเอกสาร สำหรับคอลเลกชันขนาดเล็ก ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในหน่วยความจํา ในบทนี้เราจะอธิบายวิธีการ
คอลเลกชันขนาดใหญ่ที่ต้องใช้กระเป๋ารอง