ConclusionRecognition of predisposi

Conclusion
Recognition of predisposing factors is essential for identifying elderly patient at risk for developing delirium. This will help target both treatment and prevention strategies with the goal of reducing the severity or preventing the occurrence of delirium .
Before admission, perioperative status and risk of developing delirium and establish a baseline using tools such as Mini-Cog Test,GDS, and CAM. Intraoperatively,nurses should monitor the patient’s vital signs (eg. Blood pressure,oxygen saturation); correct electrolyte imbalances, particularly disorders of sodium and potassium; and maintain reasonable blood sugar control and volume status.
During the postoperative period, perioperative nurses should provide environment and personal orientation,reduce medication while maintaining adequate pain control, and ensure hearing aids and eyeglasses are available and good working order. Nurses should involve relatives and caregivers as soon as possible and encourage the caregivers as soon as possible and encourage the patient to ambulate early.If at all possible, nurses should avoid placing a urinary catheter, but if necessary,the catheter should be removed as soon as possible. Nurses should make every effort to limit environmental noise and disruptions and avoid administering meperidine , benzodiazepines, and anticholinergic agents if at all possible.
Developing skills in recognizing patient who are at high risk for delirium will help target both treatment and prevention strategies. Perioperative nurses can play a major role in helping to reduce the risk of delirium through careful monitoring and planning.

Results (Thai) 1:

บทสรุป
predisposing ปัจจัยการรับรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ่งชี้ผู้ป่วยสูงอายุที่เสี่ยงพัฒนา delirium ซึ่งจะช่วยให้เป้าหมายการรักษาและป้องกันกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความรุนแรง หรือป้องกันการเกิด delirium
ก่อนเข้าชม perioperative สถานะและความเสี่ยงของการพัฒนา delirium และสร้างพื้นฐานการใช้เครื่องมือเช่นการ ทดสอบ Cog มินิ GDS และ CAM Intraoperatively พยาบาลควรติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วย (เช่นการ ความดันโลหิต ความอิ่มตัวออกซิเจน); ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคของโซเดียมและโพแทสเซียม และรักษาสถานะตัวควบคุมและปริมาณน้ำตาลในเลือดเหมาะสม
ในระหว่างรอบระยะเวลาในการผ่าตัด พยาบาล perioperative ควรให้สิ่งแวดล้อมและวางส่วนบุคคล ลดยาในขณะที่รักษาควบคุมอาการปวดเพียงพอ และตรวจสอบฟัง และแว่นตาดี และมีลำดับการทำงาน พยาบาลควรเกี่ยวข้องกับญาติและเรื้อรังโดยเร็วที่สุด และสนับสนุนให้เรื้อรังเร็วที่สุด และส่งเสริมให้ผู้ป่วยการ ambulate ก่อนถ้าที่เป็นไปได้ พยาบาลควรหลีกเลี่ยงการทำพัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูลท่อปัสสาวะ แต่ถ้าจำเป็น การพัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูลควรเอาออกโดยเร็วที่สุด พยาบาลควรทำพยายามจำกัดการรบกวนและการหยุดชะงัก และหลีกเลี่ยงการจัดการ meperidine, benzodiazepines และตัวแทน anticholinergic ถ้าที่สุดทั้งหมด.
พัฒนาทักษะในการจดจำผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับ delirium จะช่วยกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์รักษาและป้องกัน พยาบาล Perioperative สามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงของ delirium ระมัดระวังตรวจสอบ และวางแผนได้

Results (Thai) 2:

สรุป
การรับรู้ของปัจจัย predisposing เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการระบุผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงในการพัฒนาเพ้อ นี้จะช่วยให้กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ทั้งการรักษาและการป้องกันมีเป้าหมายในการลดความรุนแรงหรือการป้องกันการเกิดขึ้นของเพ้อ
ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาสถานะการผ่าตัดและความเสี่ยงของการพัฒนาเพ้อและสร้างพื้นฐานการใช้เครื่องมือเช่นมินิCog ทดสอบ GDS และ CAM . intraoperatively พยาบาลควรตรวจสอบผู้ป่วยสัญญาณชีพ (เช่นความดันโลหิต, ความอิ่มตัวของออกซิเจน); ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดปกติของโซเดียมและโพแทสเซียมและรักษาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมและสถานะของโวลุ่ม
ในช่วงระยะเวลาหลังการผ่าตัดพยาบาลผ่าตัดควรให้สภาพแวดล้อม และทิศทางส่วนบุคคลลดการใช้ยาในขณะที่รักษาควบคุมความเจ็บปวดที่เพียงพอและให้แน่ใจว่าเครื่องช่วยฟังและแว่นตาที่มีอยู่และการทำงานที่ดี พยาบาลควรจะเกี่ยวข้องกับญาติและผู้ดูแลผู้ป่วยให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และสนับสนุนให้ผู้ดูแลผู้ป่วยให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และสนับสนุนให้ผู้ป่วยเพื่อ ambulate early.If ที่เป็นไปได้ทั้งหมดพยาบาลควรหลีกเลี่ยงการวางสายสวนปัสสาวะ แต่ถ้าจำเป็นสายสวนจะถูกลบออกทันที เท่าที่จะทำได้ พยาบาลควรให้ความพยายามที่จะ จำกัด การรบกวนสิ่งแวดล้อมและการหยุดชะงักและหลีกเลี่ยงการบริหาร meperidine, เบนโซและตัวแทน anticholinergic ทุกที่ถ้าเป็นไปได้ทั้งหมด
ทักษะการพัฒนาในการรับรู้ของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับการเพ้อจะช่วยให้กำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ทั้งการรักษาและการป้องกัน พยาบาลผ่าตัดสามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงของเพ้อผ่านการตรวจสอบอย่างระมัดระวังและการวางแผน

Results (Thai) 3:

สรุป
รับรู้ปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการระบุผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงสำหรับการพัฒนาเพ้อ . นี้จะช่วยให้เป้าหมายการรักษาและกลยุทธ์การป้องกันโดยมีเป้าหมายเพื่อลดความรุนแรง หรือป้องกันการเกิดภาวะสับสนเฉียบพลัน .
ก่อนเข้าเรียนผ่าตัดและความเสี่ยงของการพัฒนาภาวะเพ้อและ สร้างพื้นฐานการใช้เครื่องมือ เช่น การทดสอบระบบฟันเฟืองขนาดเล็กและลูกเบี้ยว intraoperatively พยาบาลควรตรวจสอบสัญญาณชีพของผู้ป่วย ( เช่น ความดันโลหิต ออกซิเจน ) ; แก้ไขความไม่สมดุลอิเล็กโทรไลต์ โดยเฉพาะความผิดปกติของโซเดียมและโพแทสเซียม และควบคุมน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมและปริมาณ
สถานะในช่วงระยะเวลาหลังผ่าตัด , พยาบาลห้องผ่าตัดควรให้สภาพแวดล้อมและทิศทางส่วนบุคคล ลดยาขณะที่ยังคงการควบคุมความเจ็บปวดที่เพียงพอ และให้แน่ใจว่าเครื่องช่วยฟังและแว่นตาที่มีอยู่และการทํางานพยาบาลควรเกี่ยวข้องกับญาติและผู้ดูแล ให้เร็วที่สุด และส่งเสริมผู้ดูแลให้เร็วที่สุด และกระตุ้นให้ผู้ป่วยที่จะเร่ก่อน ถ้าเป็นไปได้ พยาบาลควรหลีกเลี่ยงการวางท่อสวนปัสสาวะ แต่หากจำเป็นต้องใช้ควรถูกลบออกโดยเร็วที่สุดพยาบาลควรทำให้ทุกความพยายามที่จะกำหนดเสียงสิ่งแวดล้อมและการหยุดชะงัก และหลีกเลี่ยงให้ Meperidine , benzodiazepines , และใบทะเบียนภาษีถ้าเป็นไปได้ทั้งหมด .
การพัฒนาทักษะในตระหนักถึงผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับการเพ้อจะช่วยให้เป้าหมายการรักษาและกลยุทธ์ในการป้องกันพยาบาลห้องผ่าตัดสามารถมีบทบาทในการช่วยลดความเสี่ยงของภาวะเพ้อที่ผ่านการตรวจสอบที่รอบคอบและการวางแผน .