The historical evidence. There is a

The historical evidence. There is a grape grown in the more than 5000 years. grapes can grow well both in winter and summer, semi-Demi-district winter tropical. Thailand is not evidence for exactly what is in vogue, but expected to be imported from the reign of 5.the reign of 7 have confirmed that grape cultivation are the same, but the result was sour grapes so sluggish in the next year. in 2493 begins with planting grape seriously by หลวงสมานวนกิจ import brought grape varieties come from the State California.
In 2497 Dr. ดร.พิศ ปัญญาลักษณ์ import brought grape varieties from Europe and can grow well. The grapes grown in Thailand is more prevalent. Within the country, 90 percent of all processed into various products, 4 percent, and the remaining 6 percent exported to foreign countries.

Results (Thai) 2:

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีองุ่นเป็นที่ปลูกในมากกว่า 5000 ปี องุ่นสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนกึ่ง Demi-อำเภอเขตร้อนในช่วงฤดูหนาว ประเทศไทยไม่ได้มีหลักฐานสำหรับสิ่งที่อยู่ในสมัย ​​แต่คาดว่าจะนำเข้าจากรัชสมัยของรัชกาลที่ 5. 7 ได้ยืนยันว่าการเพาะปลูกองุ่นเหมือนกัน แต่ผลที่ได้องุ่นเปรี้ยวจึงซบเซาในปีถัดไป ใน 2493 เริ่มต้นด้วยการปลูกองุ่นอย่างจริงจังโดยหลวงสมานวนกิจนำเข้านำพันธุ์องุ่นมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย.
ใน 2497 ดร. ดร. พิศปัญญาลักษณ์นำเข้านำองุ่นพันธุ์จากยุโรปและสามารถเจริญเติบโตได้ดี องุ่นที่ปลูกในประเทศไทยเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ภายในประเทศร้อยละ 90 ของทั้งหมดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆร้อยละ 4 และร้อยละ 6 ที่เหลือส่งออกไปยังต่างประเทศ

Results (Thai) 3:

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ มันเป็นองุ่นที่ปลูกในกว่า 5 , 000 ปี องุ่นเจริญเติบโตได้ดีทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน ฤดูหนาว เดมี่ เขตกึ่งเขตร้อน ประเทศไทยไม่ได้เป็นหลักฐานว่าสิ่งที่อยู่ในความนิยม แต่คาดว่าจะถูกนำเข้าจากรัชสมัยของ 5.the รัชกาลที่ 7 ได้ยืนยันว่า การปลูกองุ่นเหมือนกัน แต่ผลองุ่นเปรี้ยวให้ความสำคัญมากขึ้นในปีหน้าใน พ.ศ. 2493 เริ่มต้นด้วยการปลูกองุ่นอย่างจริงจัง โดยหลวงสมานวนกิจนำเข้านำพันธุ์องุ่นมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย .
ใน 2497 ดร. ดร . พิศปัญญาลักษณ์นำองุ่นพันธุ์นำเข้าจากยุโรป และสามารถเติบโตได้ดี องุ่นที่ปลูกในประเทศไทยแพร่หลายมากขึ้น ในประเทศ ร้อยละ 90 ของทั้งหมดที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ , 4 เปอร์เซ็นต์และที่เหลืออีก 6 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกไปยังต่างประเทศ