Results (
Thai) 1:
[Copy]Copied!
โรคติดทีวี"นั้นโดยส่วนมากแล้วมักจะเป็นกันในหมู่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อาการที่สังเกตได้ง่ายคือเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายใช้ทีวีเป็นเครื่องปลดเปลื้องความทุกข์หยุดแยกแยะข้อมูลที่สำคัญและไม่สำคัญและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตด้วยรายการบันเทิงต่างๆ นานาคนเมืองที่เป็นโรคนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาสูญเสียบรรทัดฐานที่จะประเมินเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นสูญเสียลักษณะเฉพาะตัวแต่กลับมีบุคลิกลักษณะลอกเลียนแบบรายการที่ดูอยู่ในช่วงเวลานั้น ๆนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าเมื่อเรากำลังดูทีวีเราจะไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถรับรู้ข้อมูลใหม่ ๆ ได้ในขณะที่สมองของมนุษย์นั้นควรอยู่ในสถานะพร้อมเรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องการใช้เวลาดูทีวีวันละ 4 ชั่วโมงนั้นทำให้ความเสี่ยงสายตาสั้นเพิ่มขึ้นถึง 70% นอกจากนี้คนติดทีวียังมักจะได้โรคอ้วนแถมมาด้วยการวิจัยในเยอรมันพบว่าการดูทีวีนั้นอาจทำให้คนเป็นโรคประสาทพิการโดยไม่มีสาเหตุเมื่อใช้ชีวิตอยู่แต่หน้าจอทั้งวันพวกเขามักจะเหนื่อยง่ายขี้หงุดหงิดอ่อนเพลียง่ายนอกจากนี้เนื้อหาที่รุนแรงในจอทีวีอาจมีอิทธิพลทางอารมณ์ส่งผลให้คนดูมีอาการทางประสาทได้เทียบระหว่างการดูหนังนาน 1.5 ชั่วโมงกับการรับแขกนาน 1.5 ชั่วโมงระยะเวลาที่ใช้เท่ากันแต่การสนทนามันจะทำให้เราได้อะไรมากกว่าเช่นเรื่องราวความสัมพันธ์ด้านชีวิตความเป็นอยู่เรื่องการเมืองหรือเรื่องอื่น ๆ อีกขณะที่รายการทีวีไม่ได้ทำให้เหนื่อยแต่มักกระตุ้นให้ตื่นเต้นเกินไปดูทีวีมากแค่ไหนถึงเรียกว่าติดทีวีสองสามชั่วโมงต่อวันก็นับว่าเกินพอและสำหรับเด็กๆ ยิ่งควรดูทีวีเป็นเวลาน้อยกว่านี้ครึ่งหนึ่งคนสมัยนี้กำลังใช้ทีวีเพื่อเป็นพี่เลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นผลให้เด็กๆ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูทีวีเล่นวิดีโอเกมและดูหนังสำหรับเด็กๆ แล้วการดูทีวีเป็นหนทางหลบหนีจากความโดดเดี่ยวเด็ก ๆ รู้สึกว่าผู้ใหญ่ไม่อยากคุยด้วยและรักทีวีเพราะมันสื่อสารกับพวกเขาอย่างไรก็ตามการดูทีวีนั้นมีผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและกระบวนการขับถ่ายเด็กที่ติดทีวีมักจะป่วยบ่อยอารมณ์แปรปรวนง่ายความจำสั้นไม่มีสมาธิอาจมีปัญหานอนไม่หลับและจะมีปัญหากับพ่อแม่เมื่อพ่อแม่สั่งให้ปิดทีวีล่าสุดสมาคมกุมารแพทย์แห่งญี่ปุ่นเรียกร้องพ่อแม่ไม่ให้ลูกวัยต่ำกว่าสองขวบดูทีวีงานวิจัยล่าสุดชี้ว่าทีวีลดทักษะการสื่อสารของเด็กผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าทุกครอบครัวควรงดการดูทีวีและหันมาทำกิจกรรมร่วมกันให้มากขึ้นเช่นกินอาหารเย็นพูดคุยกันก่อนเข้านอนและรู้เท่าทันบทบาทของทีวีในชีวิตหากมันกำลังเข้ามาแทนที่เพื่อนหรือการเดินทางแล้วล่ะก็ระวังให้ดีเพราะตัวคุณเองนี่แหละอาจเป็นคนแพร่เชื้อ "ติดทีวี" ไปยังสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ด้วย
Being translated, please wait..