Purpose: This paper seeks to explai

Purpose: This paper seeks to explain why work on the meaning of the concept of corporate identity, which has been dominantly approached from a positivistic tradition, could also be addressed from a social constructionist perspective.

Approach: This objective is accomplished through the development a conceptual framework, which pulls together seven ontological assumptions within social constructionism (i.e. 1-social order, direction, stability; 2-social interaction; 3-habitualisation; 4-institutionalisation; 5-historicity; 6-control; 7-communication) with discourses emerging from a social constructionist based corporate identity model.

Findings: Four ontological or social constructionist discourses (i.e. 1-social interaction, 2-habitualisation, 3-institutionalisation and 4-historicity) grounded solely on the making of meanings emerged from this study. These meaning based discourses were presented as the rationale for approaching work on the meaning of corporate identity.

Results (Thai) 2:

วัตถุประสงค์: บทความนี้พยายามที่จะอธิบายว่าทำไมการทำงานเกี่ยวกับความหมายของแนวคิดของตัวตนขององค์กรที่ได้รับการทาบทามจากตระหง่านประเพณี positivistic ยังสามารถได้รับการแก้ไขจากมุมมองทางสังคมตีความ. วิธีการ: วัตถุประสงค์นี้สามารถทำได้โดยการพัฒนาความคิด กรอบที่ดึงกันเจ็ดสมมติฐาน ontological ภายในสังคมสร้างสรรค์ (เช่น 1 เพื่อสังคมทิศทางเสถียรภาพการทำงานร่วมกัน 2 ทางสังคม 3 habitualisation; 4 สถาบัน; 5 historicity 6 การควบคุม 7 การสื่อสาร) กับวาทกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ จากสังคมตีความตามรูปแบบตัวตนขององค์กร. ผลการวิจัย: สี่วาทกรรมตีความ ontological หรือสังคม (เช่นการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 1, 2 habitualisation 3 สถาบันและ 4 historicity) มีเหตุผลเพียงอย่างเดียวในการสร้างความหมายที่โผล่ออกมาจากการศึกษาครั้งนี้ วาทกรรมเหล่านี้มีความหมายตามที่มีการนำเสนอเป็นเหตุผลสำหรับการทำงานใกล้ในความหมายของตัวตนขององค์กร

Results (Thai) 3:

วัตถุประสงค์ : บทความนี้มุ่งที่จะอธิบายการทำงานในความหมายของแนวคิดเอกลักษณ์ทำไม ซึ่งได้ครอบครองก็จากประเพณี positivistic , อาจจะมีการตีความจากมุมมองทางสังคม

วิธีการวัตถุประสงค์นี้ได้ผ่านการพัฒนากรอบแนวคิด ,ซึ่งจะดึงด้วยกันเจ็ดภววิทยานิยมทางสังคม ( เช่น 1-social สมมติฐานในการสั่งซื้อ , ทิศทาง , เสถียรภาพ ปฏิสัมพันธ์ ; 2-social 3-habitualisation 4-institutionalisation 5-historicity 6-control ; ; ; ; 7-communication ) กับวาทกรรมที่เกิดขึ้นใหม่จากตีความทางสังคมรูปแบบเอกลักษณ์ขององค์กรตาม

ส่วนสี่ภววิทยาหรือสังคมตีความวาทกรรม ( เช่นปฏิสัมพันธ์ 1-social 2-habitualisation 3-institutionalisation 4-historicity ) , และถูกกักบริเวณ แต่เพียงผู้เดียวในการสื่อความหมายออกมา จากการศึกษานี้ ความหมายตามวาทกรรมเหล่านี้ถูกนำเสนอเป็นเหตุผลเข้ามาทำงานในความหมายของเอกลักษณ์ขององค์กร