‘Crisis’ has become an overworked w

‘Crisis’ has become an overworked word which affects how people respond to warnings.
People’s circumstances and perceptions differ, so not all agree on what constitutes
a crisis – ‘crisis’ for some may just be normal to others, and an opportunity to yet
others. The term is also prone to emotive, journalistic usage (Blaikie, 1988). Some,
mainly on the political left, suggest that the idea of a crisis may serve as a ‘liberal
cover-up’ to divert attention from doing anything about ‘real problems’ such as social
injustice and poverty (Young, 1990: 142–143). Other crisis supporters feel that environmental
problems are mainly due to unsound concepts of development and modernisation
– a social or ethical fault lies behind environmental crises (e.g. Weston, 1986: 4;
Caldwell, 1990; Merchant, 1992: 17; Castro, 1993; Lomborg, 2001). In a few countries
(e.g. Rwanda, Burundi, Bangladesh or Haiti) population densities are so great that
‘Malthusian disaster’ manifest as environmental degradation and genocide have resulted
(Diamond, 2005: 307). At the time of writing (late 2005), fears of an oil crisis were
being expressed, with the danger point likely within twenty years. Peak oil supply had
been passed a few years previously and exploration companies did not seem to be finding
enough new reserves.
While there are undoubtedly serious local or regional environmental and socioeconomic
problems there is no immediate global crisis, although many would agree that
current rates of population growth and consumption trends will cause one within a generation.
A crisis-fighting, short-term focus approach to development planning is not a
good idea. However, it may be necessary on occasion to conjure up a fear of crisis to
get results. Environmental management issues often need a ‘ginger group’ to prompt
action and a follow-up with sound research to establish what is happening and what is
needed.
Identification of a large-scale crisis may be a mistaken response to a patchy, localised
problem, reflecting inadequate observation. Careful research is vital, providing the
environmental manager with the means for objective and careful monitoring, which
helps prevent such errors (Thompson et al., 1986; Blaikie and Unwin, 1988: 7; Blaikie,
1989). Writing on ‘rural poverty unperceived’, Chambers (1983: 13–27) noted a range
of social science research errors which led to false impressions (physical science can
make similar errors). For example, a researcher’s tendency to view roadside areas and
miss the ‘interior’; the fact that the majority of studies are made during dry seasons;
interviews with unrepresentative groups of people; research that is too short term;
researcher bias. Ives and Messerli (1989) discuss areas of the Himalayas, which have
often been identified as in environmental crisis, noting that there is little evidence that
this is so. Indeed, some records show that conditions were markedly worse several
decades ago. Blaikie and Unwin (1988: 13) cited an example of gully erosion in
Zimbabwe identified as constituting a crisis, where careful study revealed that only about
13 per cent of total soil loss was from the spectacular gullies, while 87 per cent was
from insidious inter-gully sheet erosion. Funds could easily have been spent treating
gullying (a symptom of the problem) rather than sheet erosion (the actual problem).
Another danger in adopting a crisis orientation is that decision makers suddenly respond
to a problem (crisis management or ‘fire-fighting’) rather than make sustained efforts
to avoid or solve it (Henning and Mangun, 1989: 3). It should be stressed that sudden
crisis events are possible; so, rapid avoidance and mitigation responses are needed –
a new form of civil defence is called for

Results (Thai) 1:

'วิกฤต' ได้กลายเป็น คำซึมซึ่งมีผลต่อวิธีผู้คนตอบสนองคำเตือนสถานการณ์และการรับรู้ของบุคคลแตกต่างกัน ดังนั้นไม่ทั้งหมดยอมรับในสิ่งที่ถือเป็นวิกฤต – 'วิกฤต' บางอาจเป็นปกติอื่น ๆ และมีโอกาสที่จะได้ผู้อื่น ระยะเวลาก็มีแนวโน้มการใช้สื่อ บัตร (Blaikie, 1988) บางส่วนใหญ่ทางซ้ายเมือง แนะนำว่า ความคิดของวิกฤตอาจเป็นการ ' เสรีปิด ' การโอนความสนใจจากการทำอะไรเกี่ยวกับ 'ปัญหาจริง' เช่นสังคมความอยุติธรรมและความยากจน (หนุ่ม 1990:142 – 143) ผู้สนับสนุนวิกฤตอื่น ๆ รู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมมีปัญหาเนื่องจาก unsound แนวคิดของการพัฒนาคือ-ข้อบกพร่องทางจริยธรรม หรือสังคมเบื้องหลังวิกฤตสิ่งแวดล้อม (เช่น Weston, 1986:4คาลด์เวลล์ 1990 ร้านค้า 1992:17 คาสโตร 1993 Lomborg, 2001) ในบางประเทศ(เช่นรวันดา บุรุนดี บังกลาเทศ หรือเฮติ) ความหนาแน่นของประชากรมีมากที่'ภัยพิบัติ Malthusian' รายการมีผลทำลายสิ่งแวดล้อมและมัธ(เพชร 2005:307) ในขณะเขียน (ปลายปี 2005), กลัววิกฤตน้ำมันถูกการแสดง จุดอันตรายแนวโน้มภายในยี่สิบปี มีการจ่ายน้ำมันสูงสุดแล้วผ่านไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ และบริษัทสำรวจไม่ได้ดูเหมือนไม่ สามารถค้นหาพอขอสงวนสิทธิ์ใหม่ในขณะที่มีไม่ต้องสงสัยร้ายแรงในท้องถิ่นหรือภูมิภาคสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจสังคมมีปัญหาจะไม่วิกฤตโลกทันที แม้ว่าหลายคนต้องยอมรับว่าราคาปัจจุบันของประชากรแนวโน้มการเจริญเติบโตและปริมาณการใช้จะทำให้หนึ่งในรุ่นที่วิธีการโฟกัส ต่อสู้วิกฤต ระยะสั้นเพื่อการวางแผนพัฒนาไม่มีความคิดที่ดี อย่างไรก็ตาม คุณอาจจำเป็นในบางครั้งการคิดในใจความกลัวเกิดขึ้นได้รับผล ปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อมมักจะต้อง 'กลุ่มขิง' ให้การดำเนินการและติดตามผล ด้วยงานวิจัยเสียงเพื่อสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นความจำเป็นรหัสของวิกฤตขนาดใหญ่อาจจะเข้าใจผิดว่าตอบสนองที่อาจ หน่วงปัญหา สะท้อนพอสังเกต วิจัยมีความสำคัญ ให้ระวังการจัดการสิ่งแวดล้อมกับการวัตถุประสงค์และตรวจสอบระมัดระวัง ซึ่งช่วยป้องกันการผิดพลาดดังกล่าว (Thompson et al. 1986 Blaikie และ Unwin, 1988:7 Blaikie1989) เขียนเกี่ยวกับ 'ชนบทความยากจน unperceived' ลิ้น (1983:13 – 27) ระบุช่วงข้อผิดพลาดในการวิจัยสังคมศาสตร์ ซึ่งนำไปแสดงผลเท็จ (วิทยาศาสตร์สามารถทำให้ข้อผิดพลาดที่คล้ายกัน) เช่น แนวโน้มของนักวิจัยเพื่อดูพื้นที่ริมถนน และพลาด 'ภายใน' ความจริงที่เกิดขึ้นในฤดูแห้ง ส่วนใหญ่ของการศึกษาสัมภาษณ์กลุ่มคน unrepresentative งานวิจัยที่มีระยะสั้นเกินไปความโน้มเอียงของนักวิจัย ไอเวสและ Messerli (1989) กล่าวถึงพื้นที่ของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีมักพบในภาวะวิกฤตสิ่งแวดล้อม สังเกตว่า มีเพียงหลักฐานที่ที่เป็นเช่นนี้ แน่นอน บางระเบียนแสดงว่า สภาพแย่ลงอย่างเด่นชัดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตัวอย่างของการกัดเซาะลำธารแห่งในการอ้างถึง Blaikie และ Unwin (1988:13)ซิมบับเวเป็นประกอบวิกฤต ซึ่งควรศึกษาเผยที่เฉพาะ13 ร้อยละของการสูญเสียดินทั้งหมดมาจากลำห้วยจากที่งดงาม ขณะที่ร้อยละ 87จากการกัดเซาะแผ่นระหว่างลำธารแห่งร้ายกาจ เงินไม่ได้ถูกใช้รักษาgullying (เป็นอาการของปัญหา) แทนที่จะกัดเซาะแผ่น (ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง)อันตรายอื่นในนำแนววิกฤตเป็นผู้ตอบสนองทันทีที่ตัดสินใจปัญหา (จัดการหรือ 'เพลิง') มากกว่าพยายามทำให้ยั่งยืนการหลีกเลี่ยง หรือแก้ปัญหาได้ (Henning และ Mangun, 1989:3) ก็ควรจะเน้นที่ฉับพลันเหตุการณ์วิกฤตจะได้ ดังนั้น อย่างรวดเร็วหลีกเลี่ยงและลดการตอบสนองจำเป็น –กลาโหมพลเรือนแบบใหม่เรียกว่าสำหรับ

Results (Thai) 2:

'วิกฤต' ได้กลายเป็นคำว่าทำงานหนักเกินไปซึ่งมีผลต่อวิธีการที่คนตอบสนองต่อคำเตือน.
สถานการณ์ของผู้คนและการรับรู้ที่แตกต่างกันจึงไม่ทั้งหมดเห็นด้วยกับสิ่งที่ถือว่า
วิกฤต - 'วิกฤต' สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นเรื่องปกติที่จะคนอื่น ๆ และมีโอกาสไปยังยัง
คนอื่น ๆ . ระยะนี้ยังมีแนวโน้มที่จะอารมณ์, การใช้สื่อสารมวลชน (Blaikie, 1988) บางคน
ส่วนใหญ่ในการเมืองซ้ายแสดงให้เห็นว่าความคิดของวิกฤตอาจจะทำหน้าที่เป็น 'เสรีนิยม
ขึ้นปก' เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการทำอะไรเกี่ยวกับปัญหาที่แท้จริงเช่นสังคม
ความอยุติธรรมและความยากจน (หนุ่ม 1990: 142-143 ) สนับสนุนวิกฤตอื่น ๆ รู้สึกว่าสิ่งแวดล้อม
ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากแนวความคิดที่ไม่มั่นคงของการพัฒนาและความทันสมัย
​​- ความผิดทางสังคมหรือทางจริยธรรมอยู่เบื้องหลังวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม (เช่นเวสตัน 1986: 4;
Caldwell, 1990; Merchant 1992: 17; คาสโตร 1993; Lomborg , 2001) ในไม่กี่ประเทศ
(เช่นรวันดาบุรุนดีบังคลาเทศหรือเฮติ) ความหนาแน่นของประชากรเป็นเพื่อที่ดีที่
'ภัยมัลธัส' ประจักษ์เป็นความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีผล
(Diamond, 2005: 307) ในขณะที่เขียน (ปลายปี 2005) ที่ความกลัวของวิกฤตน้ำมันถูก
การแสดงที่มีจุดอันตรายที่มีแนวโน้มภายในยี่สิบปี อุปทานน้ำมันสูงสุดได้
รับการส่งผ่านไม่กี่ปีก่อนหน้านี้และ บริษัท สำรวจไม่ได้ดูเหมือนจะหา
สำรองใหม่พอ.
ขณะที่มีสิ่งแวดล้อมและทางสังคมและเศรษฐกิจในท้องถิ่นหรือภูมิภาคที่รุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย
ปัญหาไม่มีวิกฤตทั่วโลกทันทีแม้ว่าจะมีหลายคนจะยอมรับว่า
อัตราปัจจุบันของ การเติบโตของประชากรและการบริโภคแนวโน้มจะทำให้หนึ่งภายในรุ่น.
วิกฤตการต่อสู้วิธีการโฟกัสในระยะสั้นเพื่อการวางแผนพัฒนาไม่ได้เป็น
ความคิดที่ดี แต่ก็อาจมีความจำเป็นในโอกาสที่จะก่อให้เกิดความหวาดกลัวของวิกฤตไป
ได้รับผล ปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อมมักจะต้องมีกลุ่มขิง 'เพื่อให้
การดำเนินการและติดตามกับการวิจัยเสียงที่จะสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่
จำเป็น.
บัตรประจำตัวของวิกฤตขนาดใหญ่อาจจะมีการตอบสนองที่ผิดพลาดไปเป็นหย่อมหน่วง
ปัญหา สะท้อนให้เห็นถึงการสังเกตไม่เพียงพอ การวิจัยอย่างระมัดระวังมีความสำคัญให้
ผู้จัดการด้านสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการสำหรับการตรวจสอบวัตถุประสงค์และรอบคอบซึ่ง
จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าว (. ธ อมป์สัน et al, 1986; Blaikie และ Unwin 1988: 7; Blaikie,
1989) เขียนใน 'ยากจนในชนบท unperceived' Chambers (1983: 13-27) ตั้งข้อสังเกตช่วง
ของข้อผิดพลาดการวิจัยทางสังคมศาสตร์ซึ่งนำไปสู่การแสดงผลที่ผิดพลาด (วิทยาศาสตร์ทางกายภาพสามารถ
ทำผิดพลาดที่คล้ายกัน) ยกตัวอย่างเช่นแนวโน้มของนักวิจัยเพื่อดูพื้นที่ริมถนนและ
พลาด 'ภายใน'; ความเป็นจริงที่ว่าส่วนใหญ่ของการศึกษาที่ทำในช่วงฤดูแล้ง;
สัมภาษณ์กับกลุ่มตัวแทนของผู้คน; งานวิจัยที่เป็นระยะสั้นเกินไป
นักวิจัยอคติ อีฟส์และ Messerli (1989) หารือเกี่ยวกับพื้นที่ของเทือกเขาหิมาลัยที่ได้
รับมักจะระบุว่าเป็นในภาวะวิกฤตสิ่งแวดล้อมสังเกตว่ามีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่
เป็นเช่นนี้ อันที่จริงบางระเบียนแสดงให้เห็นว่าเงื่อนไขที่เลวร้ายยิ่งเห็นได้ชัดหลาย
ทศวรรษที่ผ่านมา Blaikie และ Unwin (1988: 13) ยกตัวอย่างของการกัดเซาะร่องใน
ซิมบับเวระบุว่าเป็นการวิกฤตที่ระมัดระวังการศึกษาเปิดเผยว่ามีเพียงประมาณ
ร้อยละ 13 ของการสูญเสียดินทั้งหมดต่อมาจากลำห้วยที่งดงามในขณะที่ร้อยละ 87
จากอินเตอร์ร้ายกาจ การพังทลายของแผ่น -gully กองทุนรวมได้อย่างง่ายดายสามารถได้รับการใช้จ่ายการรักษา
gullying (เป็นอาการของปัญหา) มากกว่าแผ่นพังทลาย (ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง).
อันตรายในการนำแนววิกฤตก็คือว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างฉับพลันตอบสนองต่อ
ปัญหาที่เกิดขึ้น (การจัดการวิกฤตหรือ 'ดับเพลิง' ) แทนที่จะทำให้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง
เพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ปัญหาได้ (เฮนนิ่งและ Mangun, 1989: 3) มันควรจะเน้นว่าฉับพลัน
เหตุการณ์วิกฤตที่เป็นไปได้; ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็วและลดการตอบสนองที่มีความจำเป็น -
รูปแบบใหม่ของฝ่ายพลเรือนเรียกว่าสำหรับ