Towards the end of the nineteenth c

Towards the end of the nineteenth century, the Australian colonies enjoyed a considerable increase in prosperity. Before 1890, national wealth was increasing at rates similar to those of the United States and twice those of Britain. The population was growing at an annual rate of around 3 per cent. The economy was largely agricultural based with the sheep industry becoming ever more dominant.
Flocks of sheep penetrated further and further inland as investments in buildings fences, transporation and water-storage facilities further increased the land's capacity. Much of this capital was re-invested profits, but an increasing share came from loans raised in Britain. British investment increased sixfold in the two decades following 1860. Britain was also the major destination for Australian agricultural output. This dependence on the British economy meant that if anything effected Britain then it would have serious consequences for the Australian colonies. In the 1870s, the American and Canadian prairies came on stream as the railroads could deliver their goods to the ports. This glut of produce depressed the prices for all agricultural commodities.

Australian farmers were extremely vulnerable and small farmers had even more to be concerned about. While certain areas, such as the Yorke Peninsula in South Australia, remained prosperous, there was failure in most other areas and many farms were abandoned in despair.

It was hoped that the various discoveries of gold would help revive the flagging fortunes of the colony. However, they never quite lived up to expectations with only the workings in Victoria lasting more than a few years. Fortunately, other mineral discoveries would produce more longer lasting. The most spectacular being Broken Hill which was a mound of pure silver, lead and zinc. Copper was discovered at Mount Lyell. Coal would also be discovered.

There was some diversification of the economy as food processing plants, clothing factories and metal goods were produced. House building would also need resources and expertise as suburbs sprawled out from the administrative centres. By 1911, 50 per cent of houses were owner occupied. This was five times the rate of Britain.

Results (Thai) 2:

ตรงปลายศตวรรษที่สิบเก้าอาณานิคมของออสเตรเลียมีความสุขเพิ่มขึ้นอย่างมากในความเจริญรุ่งเรือง ก่อนปี 1890 ความมั่งคั่งแห่งชาติได้รับการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นครั้งที่สองของสหราชอาณาจักรเหล่านั้น มีประชากรที่เติบโตในอัตราปีละประมาณร้อยละ 3 เศรษฐกิจการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมแกะเคยเป็นที่โดดเด่นมากขึ้น.
ฝูงแกะเจาะต่อไปและต่อไปในประเทศเป็นเงินลงทุนในรั้วอาคารขนส่งและสถานที่เก็บน้ำต่อไปเพิ่มความจุของแผ่นดิน มากของทุนในครั้งนี้ได้รับผลกำไรอีกครั้งลงทุน แต่หุ้นที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินให้สินเชื่อเติบโตในสหราชอาณาจักร การลงทุนของอังกฤษเพิ่มขึ้นหกเท่าในช่วงสองทศวรรษต่อไปนี้ปี 1860 สหราชอาณาจักรยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการส่งออกเกษตรออสเตรเลีย การพึ่งพาอาศัยกันนี้ในเศรษฐกิจของอังกฤษนั่นหมายความว่าถ้ามีอะไรที่ได้รับผลกระทบของสหราชอาณาจักรแล้วมันจะมีผลกระทบร้ายแรงสำหรับอาณานิคมของออสเตรเลีย ในยุค 1870, ทุ่งหญ้าแพรรีอเมริกาและแคนาดามาเป็นกระแสทางรถไฟสามารถส่งมอบสินค้าของพวกเขาไปยังท่าเรือ จำนวนที่มากเกินไปของผลิตผลกดดันราคานี้สำหรับสินค้าเกษตรทั้งหมด. เกษตรกรออสเตรเลียมีความเสี่ยงมากและเกษตรกรรายย่อยได้มากยิ่งขึ้นจะกังวลเกี่ยวกับ ในขณะที่บางพื้นที่เช่น Yorke คาบสมุทรในออสเตรเลียใต้ยังคงเจริญรุ่งเรืองมีความล้มเหลวในส่วนพื้นที่อื่น ๆ และหลาย ๆ ฟาร์มที่ถูกทอดทิ้งในความสิ้นหวัง. ก็หวังว่าการค้นพบต่างๆของทองคำจะช่วยฟื้นความมั่งคั่งการตั้งค่าสถานะของอาณานิคม แต่พวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ค่อนข้างถึงความคาดหวังที่มีเพียงการทำงานที่ยั่งยืนในวิกตอเรียกว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา โชคดีที่ค้นพบแร่ธาตุอื่น ๆ จะผลิตยาวนานอีกต่อไป งดงามที่สุดถูก Broken Hill ซึ่งเป็นกองเงินบริสุทธิ์ตะกั่วและสังกะสี ทองแดงถูกค้นพบที่ภูเขาไลล์ ถ่านหินก็จะค้นพบ. มีการกระจายการลงทุนบางส่วนของเศรษฐกิจเป็นโรงงานแปรรูปอาหารโรงงานเสื้อผ้าและสินค้าโลหะมีการผลิตเป็น สร้างบ้านยังจะต้องทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเป็นชานเมืองนอนเหยียดยาวออกมาจากศูนย์บริหาร โดยปี 1911 ร้อยละ 50 ของบ้านเป็นเจ้าของอยู่ นี่เป็นครั้งที่ห้าในอัตราของสหราชอาณาจักร

Results (Thai) 3:

ในตอนท้ายของศตวรรษที่สิบเก้า , อาณานิคมออสเตรเลียชอบเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในความเจริญรุ่งเรือง ก่อน 2433 , ความมั่งคั่งแห่งชาติได้รับการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับของสหรัฐอเมริกา และสองของสหราชอาณาจักร ประชากร คือ เติบโตในอัตราปีละประมาณร้อยละ 3 เศรษฐกิจการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ที่ใช้กับอุตสาหกรรมแกะเป็นเด่นกว่าที่เคย .
ฝูงแกะเจาะเพิ่มเติม และเพิ่มเติมภายในประเทศเป็นเงินลงทุนในอาคาร รั้ว การเดินทางและน้ำเครื่องกระเป๋าเพิ่มเติม เพิ่มศักยภาพของที่ดิน มากของเงินทุนนี้จะลงทุนกําไร แต่หุ้นที่เพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อเติบโตในอังกฤษ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอังกฤษ ค.ศ. 1940 หกสองทศวรรษต่อไปนี้ 1860อังกฤษยังเป็นปลายทางที่สำคัญสำหรับผลผลิตทางการเกษตรของออสเตรเลีย นี้การพึ่งพาเศรษฐกิจอังกฤษหมายถึงว่าถ้าอะไรที่มีผลต่ออังกฤษ แล้วมันจะมีผลร้ายแรงต่ออาณานิคมของออสเตรเลีย ในคริสต์ทศวรรษ 1850 , ทุ่งหญ้าอเมริกันและแคนาดามาในกระแสเป็นทางรถไฟสามารถส่งมอบสินค้าไปยังท่าเรือจำนวนที่มากเกินไปของนี้ผลิตหดหู่ราคาสินค้าเกษตรทั้งหมด

ออสเตรเลีย เกษตรกรมีความเสี่ยงขนาดเล็ก และเกษตรกรมีมากขึ้นกังวลเกี่ยวกับ ในขณะที่บางพื้นที่เช่น Yorke คาบสมุทรในออสเตรเลียใต้ , ยังคงเจริญรุ่งเรือง มีความล้มเหลวในพื้นที่อื่น ๆ มากที่สุด และหลายฟาร์มที่ถูกทอดทิ้งในความสิ้นหวัง .

ก็หวังว่าการค้นพบต่าง ๆของทองจะช่วยฟื้นโชคชะตาที่ซบเซาของอาณานิคม อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยค่อนข้างอยู่ถึงความคาดหวัง โดยเฉพาะผลงานในวิกตอเรียที่ยาวนานกว่าไม่กี่ปี โชคดีที่การค้นพบแร่อื่น ๆ จะผลิตได้นานขึ้น ส่วนใหญ่ที่งดงามถูกทำลาย ฮิลล์ ซึ่งเป็นเนินของเงินบริสุทธิ์ ตะกั่ว และสังกะสีทองแดงที่ถูกค้นพบที่เมาท์ ไลเอล . ถ่านหินก็จะพบ

มีความหลากหลายของเศรษฐกิจ เช่น โรงงานแปรรูปอาหาร , โรงงานเสื้อผ้าโลหะและสินค้าที่ผลิต บ้าน อาคาร ยังต้อง ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเป็นชานเมืองสภาพจากศูนย์บริหาร โดย 1911 , 50 ร้อยละของบ้านที่ถูกครอบครองเป็นเจ้าของ . นี้เป็นห้าครั้งในอัตราของสหราชอาณาจักร