When people speak face to face, the

When people speak face to face, they use several verbal and non verbal cues to convey meanings (e.g. grimaces, frowning, smiling, pitch, intonation ..etc ). These cues and other body language signals are very important elements in any communicative situation. In writing where there is no direct contact with the interlocutor, these cues are represented in punctuation. Without proper punctuation it would not be easy to understand what is being communicated in a text. Sometimes, not being able to use punctuation correctly results in a totally different meaning which could amount to a total misunderstanding. The visual below documents one of the most popular instances of ‘mis-punctuation.’




That being said, punctuation is a complex system especially when it comes to writing academic and term essays where advanced forms of punctuation are called for. To help students learn how to effectively use different punctuation forms and enhance the communicatively of their written discourse, the guide below is definitely a must have.

Results (Thai) 1:

เมื่อคนพูดหน้า ใช้หลายด้วยวาจา และไม่ใช่วาจาสัญลักษณ์เพื่อสื่อความหมาย (เช่น grimaces, frowning ยิ้ม pitch เน้น...ฯลฯ) สัญญาณภาษากายอื่น ๆ และสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในสถานการณ์การสื่อสาร ในการเขียนที่ไม่ติดต่อโดยตรงกับการ interlocutor สัญลักษณ์เหล่านี้แสดงในเครื่องหมายวรรคตอน ไม่ มีเครื่องหมายวรรคตอนเหมาะสม มันจะไม่ได้อะไรการติดต่อสื่อสารในข้อความเข้าใจง่าย บางครั้ง ไม่สามารถใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้องผลลัพธ์ในความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงซึ่งอาจเข้าใจผิดรวมจำนวน Visual ด้านล่างเอกสารหนึ่งอินสแตนซ์แห่ง 'ต่อวรรคตอน'ที่ถูกกล่าว เครื่องหมายวรรคตอนนั้นระบบที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาถึงการเขียนทางวิชาการและรายงานระยะที่เรียกว่าเครื่องหมายวรรคตอนในรูปแบบขั้นสูงสำหรับ จะช่วยให้นักเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ แบบฟอร์ม และเพิ่มประสิทธิภาพการ communicatively ของวาทกรรมการเขียน คำแนะนำด้านล่างนี้เป็นแน่นอนต้องมีการ

Results (Thai) 2:

เมื่อคนพูดตัวต่อตัวพวกเขาใช้ตัวชี้นำทางวาจาทางวาจาและไม่หลายในการถ่ายทอดความหมาย (เช่น grimaces ขมวดคิ้วยิ้มสนามน้ำเสียง ..ETC) ความหมายเหล่านี้และสัญญาณภาษากายอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในสถานการณ์การสื่อสารใด ๆ ในการเขียนที่ไม่มีการสัมผัสโดยตรงกับคู่สนทนา, ความหมายเหล่านี้จะแสดงในเครื่องหมายวรรคตอน โดยไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกต้องมันจะไม่ง่ายที่จะเข้าใจสิ่งที่จะถูกสื่อสารในข้อความ บางครั้งไม่สามารถที่จะใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างถูกต้องส่งผลให้ในความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินความเข้าใจผิดทั้งหมด ภาพด้านล่างเอกสารหนึ่งในกรณีที่เป็นที่นิยมที่สุดของ 'ผิดพลาดวรรคตอน.' ที่ถูกกล่าวว่าเครื่องหมายวรรคตอนเป็นระบบที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาถึงการเขียนเรียงความวิชาการและระยะที่รูปแบบขั้นสูงของเครื่องหมายวรรคตอนที่มีการเรียกร้องให้ เพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้วิธีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบที่แตกต่างกันเครื่องหมายวรรคตอนและเพิ่ม communicatively ของวาทกรรมของพวกเขาเขียนคำแนะนำดังต่อไปนี้แน่นอนต้องมี

Results (Thai) 3:

เมื่อผู้คนพูดใบหน้าเพื่อใบหน้า พวกเขาใช้หลายทางวาจาและที่ไม่ใช่วาจาตัวสื่อความหมาย ( เช่น . มุ่ย ยิ้ม , สนาม , การ . . . . . . . ฯลฯ ) ตัวชี้นำเหล่านี้และสัญญาณภาษากายอื่น ๆเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในสถานการณ์การสื่อสารใด ๆ ในการเขียนที่ไม่มีการติดต่อโดยตรงกับคู่สนทนาตัวชี้นำเหล่านี้จะแสดงในการใช้เครื่องหมายวรรคตอนโดยไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนที่ถูกต้องมันจะไม่ง่ายที่จะเข้าใจสิ่งที่จะถูกอธิบายในข้อความ บางครั้ง ไม่สามารถใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้องผลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงความหมายซึ่งได้จํานวนเข้าใจผิดทั้งหมด ภาพด้านล่างเอกสารหนึ่งที่เป็นที่นิยมที่สุดของอินสแตนซ์ของ ' ' เพื่อใช้เครื่องหมายวรรคตอน




ที่มีการกล่าวว่าเครื่องหมายวรรคตอนเป็นระบบที่ซับซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาถึงการเขียนบทความทางวิชาการและระยะเรียงที่รูปแบบขั้นสูงของเครื่องหมายวรรคตอนจะเรียกว่าสำหรับ เพื่อช่วยให้นักเรียนเรียนรู้วิธีการอย่างมีประสิทธิภาพใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่แตกต่างกันรูปแบบและเพิ่ม communicatively วาทกรรมของพวกเขาเขียนคู่มือด้านล่างจะต้องมี