In 1962, the Burmese army staged a

In 1962, the Burmese army staged a coup under the leadership of General Ne Win. Sao was arrested and imprisoned. Sargent and her daughters were placed under house arrest. For the next two years Sargent worked tirelessly to discover what had become of her husband, but eventually, she had to face the truth. “Sao himself told me, even before the Coup d’Etat, that if anything happened to him I should wait two years. If he did not come back, that meant he was not alive anymore.”
Sao also told her that she should return to her parents in Austria. With the help of an Austrian Ambassador, Sargent and her daughters made a daring escape, leaving behind everything but three suitcases.

Results (Thai) 1:

ใน 1962 กองทัพพม่าจัดฉากรัฐประหารภายใต้การนำของนายพล เซาถูกจับ และถูกจำคุก ซิซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอถูกวางบ้านพัก ปีสอง ซิซาร์เจนท์ทำงานไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเพื่อค้นพบสิ่งที่เป็นของสามีของเธอ แต่ในที่สุด เธอต้องเผชิญกับความจริง "เซาเองบอกผม ก่อนการรัฐประหารได้ แม้ว่า ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับเขา ผมควรรอสองปี ถ้าเขาไม่ไม่กลับมา ที่หมายถึง เขาก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป"เซายังบอกเธอว่า เธอควรกลับไปยังพ่อแม่ของเธอในออสเตรีย ด้วยความช่วยเหลือของทูตออสเตรีย ซิซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอทำกล้าหนี ทิ้งทุกอย่างแต่กระเป๋าเดินทาง 3

Results (Thai) 2:

ในปี 1962 กองทัพพม่าทำรัฐประหารภายใต้การนำของนายพลเนวิน เซาถูกจับกุมและคุมขัง ซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอถูกกักบริเวณในบ้าน สำหรับสองปีถัดไปซาร์เจนท์ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อค้นพบสิ่งที่ได้กลายเป็นสามีของเธอ แต่ในที่สุดเธอก็ต้องเผชิญกับความจริง "เซาตัวเองบอกผมว่าแม้กระทั่งก่อนที่รัฐประหารว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาว่าผมควรรออีกสองปี ถ้าเขาไม่ได้กลับมานั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป. "
เซายังบอกเธอว่าเธอควรจะกลับไปพ่อแม่ของเธอในออสเตรีย ด้วยความช่วยเหลือของเอกอัครราชทูตออสเตรียซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอทำกล้าหนีออกจากหลังทุกอย่าง แต่สามกระเป๋าเดินทาง

Results (Thai) 3:

1962 กองทัพพม่าก่อการรัฐประหารภายใต้การนําของ พลเอกเนวิน . เซา ถูกจับกุมและคุมขัง ซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอถูกวางไว้ภายใต้การจับกุมบ้าน สำหรับซาร์เจนท์ถัดไปสองปีทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีของเธอ แต่ในที่สุด เธอก็ได้เผชิญกับความจริงได้ " อบต. มาบอกด้วยตัวเอง แม้ก่อนรัฐประหาร ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันควรรออีกสองปี ถ้าเขาไม่ได้กลับมา นั่นหมายถึงเขาไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป "อบต. ยังบอกเธอว่าเธอควรกลับไปที่พ่อแม่ของเธอในออสเตรีย ด้วยความช่วยเหลือของเอกอัครราชทูตออสเตรีย ซาร์เจนท์และลูกสาวของเธอได้หนีกล้าทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง แต่สามกระเป๋า