Methods: The data were collected as

Methods: The data were collected as part of a randomized clinical trial
to test the effectiveness of a systematic exercise intervention on fatigue.
Participants were classified as exercisers or nonexercisers according to
the Surgeon General’s Guideline for Physical Activity criteria. Average
and worst fatigue levels in the prior 24 hours were measured on a 0–10
numeric rating scale at bedtime for 21 consecutive days beginning on
the day of chemotherapy.

Results (Thai) 1:

วิธี: ข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองแบบสุ่ม
ทางคลินิกเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการแทรกแซงการออกกำลังกายอย่างเป็นระบบต่อความเหนื่อยล้าเข้าร่วม
ถูกจัดเป็นออกกำลังกายหรือ nonexercisers ตามแนวทาง
ศัลยแพทย์ทั่วไปสำหรับเกณฑ์การออกกำลังกาย.
เฉลี่ยและที่เลวร้ายที่สุดในระดับความเมื่อยล้าใน 24 ชั่วโมงก่อนถูกวัดเมื่อ 0-10
มาตราส่วนตัวเลขก่อนนอน 21 วันที่เริ่มในวัน
ของยาเคมีบำบัด

Results (Thai) 2:

วิธีการ: ข้อมูลถูกรวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางคลินิก randomized
เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของการแทรกแซงระบบกายบนล้า
ร่วมถูกจัดประเภทเป็นเคลื่อนหรือ nonexercisers ตาม
ผลงานของศัลยแพทย์ทั่วไปสำหรับกิจกรรมทางกายภาพเงื่อนไข เฉลี่ย
และเลวระดับความเมื่อยล้าใน 24 ชั่วโมงก่อนมีวัดบนเป็น 0–10
ระดับคะแนนตัวเลขก่อนนอน 21 วันติดต่อกันเริ่มต้นบน
วันของเคมีบำบัด

Results (Thai) 3:

วิธีการที่ข้อมูลจะถูกรวบรวมเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทางการแพทย์แบบสุ่มตัวอย่าง
ซึ่งจะช่วยในการทดสอบ ประสิทธิภาพ ของการแทรกแซงการใช้สิทธิซื้อหุ้นอย่างเป็นระบบในความเหนื่อยล้า.
ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับการจัด ประเภท เป็น exercisers หรือ nonexercisers ตามแนวทางของศัลยแพทย์ทั่วไป
ซึ่งจะช่วยในการทำกิจกรรมทางด้านร่างกาย ระดับความเหนื่อยล้าและโดยเฉลี่ย
เลวร้ายที่สุดใน 24 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาที่มีวัดใน 0-10 0-10 0-10
ที่ปรับขนาดการจัดอันดับแบบตัวเลขที่เวลานอนสำหรับ 21 วันต่อเนื่องกันเริ่มจากวัน
ซึ่งจะช่วยให้การได้รับยาเคมีบำบัด.