Price-based instruments It needs to

Price-based instruments
It needs to be stressed at the outset that the economic analysis of the instruments advocated by economists is quite technical. It is not possible to give comprehensive coverage of the ramifications of their effects on economic activity; the exposition here is very much an overview. Tietenberg (2006) gives a quite wide-ranging and accessible account of instruments applied in the environment field and Permann et al (2003) offer a more advanced approach, with quantitative analyses in appendices. Price-based instruments for dealing with environment issues take two form. One, for example a tax or subsidy, attempts to modify the operation of existing market, whereas the other, such as tradable permits and quotas, tries to create markets that did not previously exist. The economic argument for using the price mechanism stems from the recognition that that the cost structures of different activities vary and so, in contrast to regulation which imposes a standard compliance, there can be more flexibility in the response by those subject to price-based environmental policies. For instance, in the case of a tax on air emissions, a firm can elect to pay the tax or alternatively fit control equipment, the response being determined by the relative cost of the tax instrument and the cost of investment in equipment and /or procedures could apply with respect to conferring un-price benefits, whereby a subsidy would be preferred by the the supplier if it exceeded the cost of capturing formerly un-price benefits via the market. For example, as stated earlier, many-landowners of natural resources incur costs in making them available to tourists, yet cannot exclude visitors, perhaps because the cost of fencing and/or employing people to collect an entry fee would outweigh the revenue generated; a local authority may pay a subsidy to ensure the resource remains available. The subsidy might relate to management of the resources as an amenity or compensation for damage or loss of revenue from an alternative productive use, such as crops or timber. Another factor of some importance is the effectiveness of price-based instruments with respect to the burden on the public purse. Regulation through the price mechanism may lower enforcement costs; in effect, once the price instrument are implement and accepted, there can be virtual self-regulation by agents active in the market. The principle underpinning price-based instrument is that the full production or consumption costs or benefits should be estimated in order that the appropriate level of charge, tax, subsidy or grant can be ascertained to achieve a socially optimal position where the marginal social benefits and costs are equal, i.e. the full costs or benefits are reflected in market price, as shown in figure 10.2. in practice, in addition to effectiveness in the sense of achieving given targets, a priori the choice will depend on such considerations as the degree of uncertainty in administrative costs and long-term effects, projected efficiency and flexibility as economic conditions change, possible spin-off benefits, and the estimated distributional impact on consumers and producers.
Concentrating on marginal social cost, figure 10.2 is essentially a simplification of figure 9.4 in chapter 9 and indicates why an economic optimum position is gained at OS. The figure shows the private optimum at OP where marginal private cost (MPC) equals the marginal private and marginal social benefits, where MPB and MSB have been aggregated to depict a composite marginal benefit curve. At the activity level OP and price PP in a market economy, which does not take account of environmental costs, the marginal social costs (MSC) are ignored. Consequently the price does not reflect the full costs to society of the production of the good or service and its consumption. By levying a charge or tax equal to the difference between the MPC and MSC at OS an economic optimum is achieved, i.e. where MSB equals MSC. Reduction of the level of activity to the left of OS would be economically inefficient as the loss in benefit outweighs the reduction in well as suppliers, bear some of the burden of a charge or tax on suppliers as market price increase to PSC after its imposition; suppliers also bear part, as their net of tax price is PSS as opposed to PP previously.
In the context of tourism, a landing fee or bed tax has the effect explained above and in figure 10.2 if it is levied on suppliers in the first instance. A making a visit; demand falls from OP to OS. Thus, the charge or tax not only raises revenue that can be used to meet the cost of environmental protection but also reduces the pressure of demand.

Results (Thai) 1:

เครื่องมือที่ใช้ราคา ก็จะเน้นที่มือเครื่อง advocated โดยนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์เศรษฐกิจค่อนข้างเทคนิค ไม่สามารถให้ความครอบคลุมของ ramifications ของผลกิจกรรมเศรษฐกิจ นิทรรศการที่นี่ถูกมากภาพรวม บัญชีที่ค่อนข้างหลากหลาย และสามารถเข้าถึงเครื่องมือที่ใช้ในฟิลด์สภาพแวดล้อมให้แก่ Tietenberg (2006) และ Permann et al (2003) เสนอวิธีการขั้นสูง มีการวิเคราะห์เชิงปริมาณใน appendices ราคาตามเครื่องมือสำหรับจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมใช้แบบฟอร์มที่สอง หนึ่ง เช่นภาษีหรือเงินสมทบ พยายามที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตลาดที่มีอยู่ ในขณะที่อื่น ๆ เช่นขออนุญาต tradable และโควต้า พยายามสร้างตลาดที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ อาร์กิวเมนต์ที่เศรษฐกิจใช้กลไกราคามาจากการรับรู้ที่ว่า โครงสร้างต้นทุนของกิจกรรมต่าง ๆ แตกต่างกัน และดังนั้น ตรงข้ามระเบียบที่กำหนดตามมาตรฐาน มีสามารถจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองโดยผู้ที่ต้องการราคาขึ้นอยู่นโยบายสิ่งแวดล้อม ในกรณีของภาษีการปล่อยอากาศ บริษัทสามารถเลือก การชำระภาษีหรือ พอดีกับอุปกรณ์ควบคุมเช่น การตอบสนองที่ถูกกำหนด โดยต้นทุนสัมพัทธ์ของตราภาษีและต้นทุนของการลงทุนในอุปกรณ์และเงียบสามารถใช้กับ conferring ผลประโยชน์ un ราคา โดยจะต้องมีเงินสมทบการซัพพลายเออร์ถ้าเกินต้นทุนผลประโยชน์เดิมสหประชาชาติราคาผ่านตลาดจับภาพ ตัวอย่าง ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ หลายแก่ทรัพยากรธรรมชาติใช้ต้นทุนในการให้นักท่องเที่ยว ยังไม่รวมผู้เข้าชม อาจเนื่องจากต้นทุนของการฟันดาบ หรือใช้คนเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มรายการจะไปหมดรายได้ หน่วยงานท้องถิ่นอาจจ่ายเงินสมทบให้ทรัพยากรยังคงมี เงินสมทบอาจเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรเป็นพักหรือค่าตอบแทนสำหรับความเสียหายหรือสูญเสียรายได้จากอื่นมีประสิทธิผลใช้ เช่นพืชไร่หรือไม้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญบางอย่างคือ ประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ราคาขึ้นอยู่กับภาระของใส่ประชาชน ข้อบังคับผ่านกลไกราคาอาจลดค่าใช้จ่ายในการบังคับ ผล เครื่องราคาถูกใช้ และยอมรับ มีสามารถควบคุมตนเองเสมือน โดยตัวแทนงานในตลาด หลัก underpinning ราคาตามตราสารเป็นว่า ต้นทุนการผลิตหรือปริมาณการใช้ทั้งหมดหรือผลประโยชน์ควรประเมินเพื่อให้สามารถเป็น ascertained ค่าธรรมเนียม ภาษี เงินสมทบ หรือเงินช่วยเหลือในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงสุดสังคมสังคมประโยชน์กำไรและต้นทุนที่เท่ากัน เช่นต้นทุนเต็มหรือประโยชน์จะสะท้อนอยู่ในราคาตลาด ดังที่แสดงในรูปที่ 10.2 การ ในทางปฏิบัติ นอกจากประสิทธิภาพในแง่ของการบรรลุเป้าหมายกำหนดเป้าหมาย มี priori ตัวเลือกจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาดังกล่าวเป็นระดับของความไม่แน่นอนในค่าใช้จ่ายและผลกระทบระยะยาว คาดการณ์ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง สปินออกไปได้ประโยชน์ และประเมินขึ้นผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต Concentrating บนทุนกำไรสังคม รูป 10.2 จะรวบเป็นหลักของรูป 9.4 ในบทที่ 9 และบ่งชี้เหตุการได้รับตำแหน่งสูงสุดทางเศรษฐกิจการที่ OS รูปแสดงส่วนตัวสูงสุดที่ OP ซึ่งกำไรส่วนทุน (MPC) เท่ากับกำไรส่วนตัว และกำไรสังคมประโยชน์ ที่ MPB และ MSB มีการรวมการวาดเส้นโค้งผลประโยชน์กำไรรวมกัน ต้นทุนสังคมกำไรเบื้องต้น (หลัก) จะถูกละเว้นในระดับ OP และ PP ราคาในระบบเศรษฐกิจตลาด การทำบัญชีต้นทุนสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ราคาไม่สะท้อนต้นทุนเต็มให้สังคมของการผลิตดี หรือบริการ และปริมาณของ โดย levying ค่าธรรมเนียมหรือภาษีเท่ากับส่วนต่างระหว่าง MPC และหลักที่ระบบปฏิบัติการเหมาะสมทางเศรษฐกิจทำ เช่นที่ MSB เท่ากับหลักการ การลดระดับของกิจกรรมทางด้านซ้ายของ OS จะเป็นอย่างต่ำการขาดทุนผลประโยชน์ก่อนที่ลดลงด้วยเป็นซัพพลายเออร์ หมีของภาระค่าธรรมเนียมหรือภาษีจำหน่ายเป็นราคาตลาดเพิ่มให้หน้าหลังจากการจัดเก็บภาษี จำหน่ายหมีส่วน ยังเป็นภาษีราคาสุทธิของ PSS จำกัด PP ก่อนหน้านี้ ในบริบทของการท่องเที่ยว เชื่อมโยงไปถึงเตียงหรือค่าภาษีมีผลที่อธิบายข้างต้น และ ในรูปที่ 10.2 ถ้ามันถูกเก็บในอินสแตนซ์แรก การเยี่ยม ต้องตกจาก OP กับ OS ดังนั้น ค่าธรรมเนียมหรือภาษีไม่เพียงเพิ่มรายได้ที่สามารถใช้ได้กับต้นทุนของการป้องกันสิ่งแวดล้อม แต่ยัง ช่วยลดแรงกดดันของความต้อง การ

Results (Thai) 2:

เครื่องมือที่ใช้ในราคาที่ใช้
จะต้องมีการเน้นในตอนแรกว่าการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจของเครื่องมือสนับสนุนโดยนักเศรษฐศาสตร์เป็นเทคนิคค่อนข้าง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมของเครือข่ายของผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของพวกเขา; การแสดงออกที่นี่เป็นอย่างมากภาพรวม Tietenberg (2006) ให้บัญชีค่อนข้างหลากหลายและสามารถเข้าถึงได้ของเครื่องมือที่ใช้ในด้านสภาพแวดล้อมและ Permann, et al (2003) มีวิธีการที่ทันสมัยมากขึ้นด้วยการวิเคราะห์เชิงปริมาณในภาคผนวก เครื่องมือที่ใช้ในราคาที่ใช้สำหรับการจัดการกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่ใช้เวลาสองรูปแบบ หนึ่งตัวอย่างเช่นภาษีหรือเงินอุดหนุนความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตลาดที่มีอยู่ในขณะที่อื่น ๆ เช่นใบอนุญาตซื้อขายและโควต้าพยายามที่จะสร้างตลาดที่ไม่ได้อยู่ก่อนหน้านี้ ข้อโต้แย้งทางเศรษฐกิจสำหรับใช้กลไกราคาที่เกิดจากการรับรู้ว่าที่โครงสร้างต้นทุนของกิจกรรมที่แตกต่างกันแตกต่างกันและอื่น ๆ ในทางตรงกันข้ามกับกฎระเบียบที่กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติตามอาจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตอบสนองจากผู้ที่อยู่ภายใต้ราคาตามสิ่งแวดล้อม นโยบาย ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของภาษีการปล่อยมลพิษทางอากาศ, บริษัท สามารถเลือกที่จะจ่ายภาษีหรือหรืออุปกรณ์ควบคุมแบบที่ตอบสนองที่ถูกกำหนดโดยค่าใช้จ่ายที่ญาติของตราสารภาษีและค่าใช้จ่ายในการลงทุนในอุปกรณ์และ / หรือขั้นตอน สามารถนำไปใช้ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์การหารือยกเลิกราคาโดยเงินอุดหนุนจะเป็นที่ต้องการโดยผู้จัดจำหน่ายถ้ามันเกินค่าใช้จ่ายในการจับภาพก่อนผลประโยชน์ยกเลิกราคาผ่านทางตลาด ตัวอย่างเช่นตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้เจ้าของที่ดินหลายทรัพยากรธรรมชาติเสียค่าใช้จ่ายในการทำให้พวกเขามีให้กับนักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าชมได้ยกเว้นบางทีอาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายของรั้วและ / หรือการจ้างคนที่จะเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าจะเกินดุลรายได้ที่เกิด; มีอำนาจในท้องถิ่นอาจจะจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรที่ยังคงมีอยู่ เงินอุดหนุนที่อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกหรือค่าชดเชยสำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียรายได้จากการใช้ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพเช่นการปลูกพืชหรือไม้ ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือบางประสิทธิภาพของเครื่องมือราคาตามที่เกี่ยวกับภาระในกระเป๋าของประชาชน การควบคุมผ่านกลไกราคาอาจลดค่าใช้จ่ายการบังคับใช้; มีผลบังคับใช้เมื่อเครื่องมือราคาที่มีการดำเนินการและได้รับการยอมรับสามารถมีได้เสมือนการควบคุมตนเองโดยตัวแทนที่ใช้งานในตลาด หลักการที่ใช้ในการหนุนราคาที่ใช้เป็นที่ต้นทุนการผลิตเต็มรูปแบบหรือการบริโภคหรือผลประโยชน์ที่คาดว่าควรจะอยู่ในลำดับที่ระดับที่เหมาะสมของค่าใช้จ่ายภาษีเงินอุดหนุนหรือเงินช่วยเหลือสามารถตรวจสอบได้ที่จะได้รับตำแหน่งที่ดีที่สุดสังคมที่ผลประโยชน์ทางสังคมและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม มีค่าเท่ากันคือค่าใช้จ่ายเต็มหรือผลประโยชน์ที่จะสะท้อนให้เห็นในราคาตลาดตามที่แสดงในรูปที่ 10.2 ในทางปฏิบัตินอกเหนือไปจากความมีประสิทธิภาพในแง่ของการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดเบื้องต้นทางเลือกที่จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาเช่นระดับของความไม่แน่นอนในการบริหารต้นทุนและผลกระทบระยะยาวที่มีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่นที่คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงภาวะเศรษฐกิจ spin- ที่เป็นไปได้ ออกจากผลประโยชน์และผลกระทบที่คาดกระจายต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต.
มุ่งเน้นที่ค่าใช้จ่ายทางสังคมขอบรูป 10.2 เป็นหลักความเรียบง่ายของรูปที่ 9.4 ในบทที่ 9 และแสดงให้เห็นว่าทำไมตำแหน่งที่เหมาะสมทางเศรษฐกิจจะได้รับในระบบปฏิบัติการ รูปที่แสดงให้เห็นว่าเหมาะสมส่วนตัว OP ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนตัวร่อแร่ (กนง) เท่ากับผลประโยชน์ทางสังคมส่วนตัวและขอบขอบที่ MPB และ MSB ได้รับการรวมเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ขอบโค้งคอมโพสิต ใน OP ระดับกิจกรรมและ PP ราคาในระบบเศรษฐกิจตลาดที่ไม่ได้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมต้นทุนทางสังคมชายขอบ (MSC) จะถูกละเลย ดังนั้นราคาไม่สะท้อนให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายให้กับสังคมเต็มรูปแบบของการผลิตของที่ดีหรือการให้บริการและการบริโภค โดยการจัดเก็บค่าใช้จ่ายหรือภาษีเท่ากับส่วนต่างระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงินและ MSC ที่ OS ที่เหมาะสมทางเศรษฐกิจที่จะประสบความสำเร็จเช่นที่ MSB เท่ากับ MSC การลดลงของระดับของกิจกรรมทางด้านซ้ายของ OS จะไม่มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในการสูญเสียผลประโยชน์เมื่อเทียบกับการลดลงในเดียวกับซัพพลายเออร์บางส่วนของแบกภาระค่าใช้จ่ายหรือภาษีที่เกี่ยวกับซัพพลายเออร์ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาในตลาดจะ PSC หลังจากการจัดเก็บภาษีของ; ซัพพลายเออร์ที่ยังแบกส่วนหนึ่งเป็นสุทธิของราคาภาษี PSS เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้พีพี.
ในบริบทของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปถึงค่าธรรมเนียมหรือภาษีเตียงมีผลอธิบายข้างต้นและในรูปที่ 10.2 หากมีการเรียกเก็บจากซัพพลายเออร์ในกรณีแรก . ทำให้การเข้าชม; ความต้องการที่ตกจาก OP ระบบปฏิบัติการ ดังนั้นค่าใช้จ่ายหรือภาษีไม่เพียง แต่ก่อให้เกิดรายได้ที่สามารถนำมาใช้เพื่อตอบสนองค่าใช้จ่ายของการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดความดันของความต้องการ

Results (Thai) 3:

ราคาตามอุปกรณ์
มันต้องเครียดเริ่มแรกที่วิเคราะห์เศรษฐกิจของเครื่องมือสนับสนุนโดยนักเศรษฐศาสตร์เป็นเทคนิคมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมของ ramifications ของผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ปกรณ์ที่นี่มาก ภาพรวมtietenberg ( 2006 ) ให้ค่อนข้างหลากหลายและเข้าถึงบัญชีของเครื่องมือที่ใช้ในสภาพแวดล้อมที่สนามและ permann et al ( 2003 ) เสนอวิธีการที่ทันสมัยมากขึ้น ผนวกกับการวิเคราะห์เชิงปริมาณ . ราคาจากเครื่องมือสำหรับการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ 2 หนึ่ง เช่น ภาษี หรือเงินที่พยายามที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของตลาดที่มีอยู่ ส่วนอื่น ๆเช่นใบอนุญาตซื้อขายและโควต้า พยายามสร้างตลาดที่ไม่เคยมีตัวตน เศรษฐกิจการใช้กลไกราคาเกิดจากการรับรู้ว่า โครงสร้างต้นทุนของกิจกรรมต่าง ๆ แตกต่างกันไป ดังนั้น ในทางตรงกันข้ามกับระเบียบซึ่งเก็บตามมาตรฐานสามารถมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการตอบสนอง โดยเรื่องราคาจากสิ่งแวดล้อมนโยบาย ตัวอย่างเช่นในกรณีของภาษีมลพิษอากาศ , บริษัท สามารถเลือกที่จะจ่ายภาษีหรือหรือใส่อุปกรณ์การควบคุมการตอบสนองที่ถูกกำหนดโดยค่าใช้จ่ายญาติของภาษีเครื่องดนตรีและค่าใช้จ่ายในการลงทุนในอุปกรณ์และ / หรือการไม่สามารถใช้ด้วยความเคารพพร้อมราคาและผลประโยชน์ โดยการอุดหนุนจะเป็นที่ต้องการโดยซัพพลายเออร์ ถ้ามันเกินต้นทุนของการจับและผลประโยชน์เดิมราคาผ่านทางตลาด ตัวอย่างเช่นตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้หลายเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำให้พวกเขาสามารถใช้ได้กับนักท่องเที่ยว ยังไม่รวมผู้เข้าชมอาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายของรั้วและ / หรือจ้างคนเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้า จะเกินดุลรายได้ และหน่วยงานท้องถิ่นอาจจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรที่ยังคงมีอยู่เงินอุดหนุนที่อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากร เช่น เพื่อความสวยงาม หรือชดเชยความเสียหายหรือสูญเสียรายได้จากการใช้ผลผลิตทางเลือก เช่น ข้าว หรือยางพารา อีกปัจจัยที่มีความสำคัญบางอย่างมีประสิทธิผลของราคาจากเครื่องมือเกี่ยวกับภาระเงินสาธารณะ การควบคุมผ่านกลไกราคาอาจลดต้นทุนการบังคับใช้ ; ผลเมื่อราคาตราสารมีใช้และได้รับการยอมรับ สามารถมีเสมือนตนเองโดยตัวแทนที่ใช้งานอยู่ในตลาด หลักการการใช้ราคาเป็นเครื่องมือที่ต้นทุนการผลิตเต็มหรือการบริโภค หรือผลประโยชน์ที่ควรจะประมาณเพื่อให้ระดับที่เหมาะสมของค่าภาษีเงินอุดหนุนหรือให้สามารถมีการตรวจสอบเพื่อให้บรรลุระดับที่เหมาะสมในตำแหน่งที่ชายขอบสังคม ประโยชน์และค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน เช่น ค่าใช้จ่ายเต็มหรือผลประโยชน์ที่สะท้อนให้เห็นในราคาของตลาด ดังแสดงในรูปที่ 10.2 . ในทางปฏิบัติ นอกจากประสิทธิภาพในแง่ของการกำหนดเป้าหมายระหว่างตัวเลือกจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาดังกล่าวเป็นระดับของความไม่แน่นอนในการบริหารต้นทุนและผลกระทบระยะยาวที่คาดการณ์ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไป ได้ปั่นออกจากผลประโยชน์ และผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต โดยสุ่ม .
มุ่งเน้นต้นทุนทางสังคมของรูปที่ 10.2 เป็นหลักการของรูปที่ 94 บทที่ 9 และบ่งชี้ถึงตำแหน่งที่เหมาะสมทางเศรษฐกิจที่ได้รับในระบบปฏิบัติการ รูปที่แสดงให้เห็นส่วนที่เหมาะสมของ OP ที่ต้นทุนเอกชน ( กนง . ) มีค่าเท่ากับค่าส่วนบุคคลและผลประโยชน์ทางสังคมของที่ร้านได้ถูกรวมเพื่อแสดง MSB และเส้นโค้งประโยชน์ส่วนรวม ที่ระดับกิจกรรม OP และ PP ราคาในระบบเศรษฐกิจตลาดที่ไม่ใช้บัญชีต้นทุนสิ่งแวดล้อม ต้นทุนค่าใช้จ่ายทางสังคม ( MSC ) จะถูกละเว้น จึงทำให้ราคาไม่สะท้อนต้นทุนเต็มสังคมของการผลิตของสินค้าหรือการบริการและการบริโภคของ โดย levying ค่าธรรมเนียมหรือภาษีเท่ากับความแตกต่างระหว่างนโยบายการเงินและสาขาที่ OS ที่เหมาะสมทางเศรษฐกิจได้ เช่นที่ MSB เท่ากับ MSc .การลดระดับของกิจกรรมด้านซ้ายของ OS จะไม่มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ เช่น การสูญเสียผลประโยชน์เมื่อเทียบกับการเป็นซัพพลายเออร์ หมีบางของภาระค่าธรรมเนียมหรือภาษีราคาเพิ่มซัพพลายเออร์เป็นตลาด PSC หลังจากการจัดเก็บ ; ซัพพลายเออร์ยังหมีส่วนหนึ่ง ขณะที่รายได้สุทธิของราคาภาษี แฮ่ เช่น ตรงข้ามกับ PP ก่อนหน้านี้ .
ในบริบทของการท่องเที่ยวลง ค่าธรรมเนียม หรือภาษีเตียงมีผลที่อธิบายไว้ข้างต้น และในรูปที่ 10.2 ถ้ามันเกี่ยวข้องกับซัพพลายเออร์ในตัวอย่างแรก มีการเข้าชม ; ความต้องการตกจาก op OS ดังนั้น ค่าธรรมเนียมหรือภาษีไม่เพียง แต่เพิ่มรายได้ที่สามารถใช้เพื่อให้ตรงกับค่าใช้จ่ายของการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดแรงกดดันของอุปสงค์ .