Temperature instability. Wang et al

Temperature instability. Wang et al. (2004) found near-term infants were 10% more likely than full-term new-borns to have temperature instability. Pulver et al. (2010) found that 31% of the infants studied had hypothermia requiring an isolette, causing 82% of these infants to have a prolonged hospital stay. Jain and Cheng (2006) found
that late-preterm infants also had a higher risk of being readmitted to the hospital for hypothermia than term
infants (2.5% vs. 0.2%). Late-preterm infants have an immature epidermal barrier and a higher ratio of surface
area to birth weight than term infants, making this popula-tion more likely to have cold stress (Mally et al., 2010).
Late-preterm infants also have less white adipose tissue for insulation and less accumulation of brown adipose tissue,
making the infants less able to generate heat from browna dipose tissue as term infants do for thermal regulation
(Engle et al., 2007).

Results (Thai) 1:

ความไม่เสถียรของอุณหภูมิ วังและ al. (2004) พบทารก near-term ได้ 10% ยิ่งกว่าเต็มระยะใหม่-borns จะมีความไม่เสถียรของอุณหภูมิ Pulver et al. (2010) พบว่า 31% ของทารกที่ศึกษามี hypothermia ต้องการ isolette, 82% ของทารกเหล่านี้ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานานก่อให้เกิด เจนและเฉิง (2006) พบว่า ทารก preterm สายยังมีความเสี่ยงสูงของการ readmitted โรงพยาบาล hypothermia มากกว่าระยะทารก (2.5% เทียบกับ 0.2%) ทารก preterm ปลายมีอุปสรรคมี epidermal immature และอัตราส่วนความสูงของพื้นผิวตั้งเกิดน้ำหนักกว่าระยะทารก ทำนี้ popula-สเตรชันมักมีความเครียดเย็น (Mally et al., 2010)ทารก preterm ปลายยังมีเปลวน้อยสีขาวสำหรับฉนวนกันความร้อนและสะสมน้อยของเปลวสีน้ำตาลทำให้ทารกไม่สามารถสร้างความร้อนจากเนื้อเยื่อ brownadipose กับระยะทารกสำหรับควบคุมความร้อน(Engle et al., 2007)

Results (Thai) 2:

ความไม่แน่นอนของอุณหภูมิ วังและคณะ (2004) พบว่าทารกในระยะใกล้เป็น 10% มากกว่าคำเต็มพ่อคุณใหม่ที่จะมีความไม่แน่นอนอุณหภูมิ Pulver และคณะ (2010) พบว่า 31% ของทารกที่มีการศึกษาอุณหภูมิที่ต้องการ isolette ทำให้ 82% ของทารกเหล่านี้จะมีอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน และเชน Cheng (2006) พบ
ว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนดปลายยังมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกสิ่งสมควรไปที่โรงพยาบาลสำหรับอุณหภูมิกว่าระยะ
ทารก (2.5% เทียบกับ 0.2%) ทารกคลอดก่อนกำหนดปลายมีอุปสรรคผิวหนังที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและอัตราที่สูงขึ้นของพื้นผิว
บริเวณที่จะมีน้ำหนักแรกเกิดกว่าทารกระยะนี้ทำให้ popula-การมีแนวโน้มที่จะมีความเครียดเย็น (ปกปิด et al., 2010)
ทารกที่คลอดก่อนกำหนดปลายยังมีน้อย เนื้อเยื่อไขมันสีขาวสำหรับฉนวนกันความร้อนและการสะสมน้อยกว่าของเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล
ทำให้ทารกไม่สามารถที่จะสร้างความร้อนจากเนื้อเยื่อ brownadipose เป็นทารกระยะทำสำหรับการควบคุมความร้อน
(Engle et al., 2007)

Results (Thai) 3:

เสถียรภาพของอุณหภูมิ Wang et al . ( 2004 ) พบว่าทารกเป็น 10% ในระยะสั้นมากกว่าในระยะ borns ใหม่มีเสถียรภาพอุณหภูมิ pulver et al . ( 2010 ) พบว่า 31% ของทารกเรียนได้แบบต้อง isolette ก่อให้เกิด 82% ของทารกเหล่านี้ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน ๆ เชนและเฉิง ( 2006 ) พบ
ที่สายทารกคลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงสูงของการการผูกประโยคไปโรงพยาบาล hypothermia กว่าเทอม
ทารก ( 2.5% และ 0.2% ) สายทารกเกิดก่อนกำหนดและมีอุปสรรค epidermal อ่อนสูงกว่าอัตราส่วนของพื้นที่ผิวต่อน้ำหนักแรกคลอดมากกว่าทารก
ในระยะนี้ไว้ ทำให้ประชากรมีแนวโน้มที่จะมีความเย็น ( มอลลี่ et al . , 2010 ) .
สายทารกเกิดก่อนกำหนดที่ยังมีเนื้อเยื่อไขมันสีขาวน้อยกว่าสำหรับฉนวนกันความร้อนและการสะสมของเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลน้อยลง , ทำให้ทารกน้อย
สามารถสร้างความร้อนจาก brownadipose เนื้อเยื่อเป็นในระยะทารกทำ
ระเบียบความร้อน ( Engle et al . , 2007 )