THE THEORYEVA is the leading exampl

THE THEORY
EVA is the leading example of a new class of metrics that attempt to measure an underlying concept called residual income. Recognized by economists since the 1770s, residual income is based on the premise that, in order for a firm to create wealth for its owners, it must earn more on its total invested capital than the cost of that capital.1 Whereas traditional accounting net income measures ‘profits’ net of interest expense on debt capital, residual income measures ‘profits’ net of the full cost of both debt and equity capital.

Results (Thai) 2:

ทฤษฎี
EVA เป็นตัวอย่างชั้นนำของชั้นเรียนใหม่ของตัวชี้วัดที่พยายามที่จะวัดเป็นแนวคิดพื้นฐานที่เรียกว่ารายได้ที่เหลือ ได้รับการยอมรับโดยนักเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่ยุค 1770 รายได้ที่เหลือขึ้นอยู่กับหลักฐานที่ว่าในการสั่งซื้อสำหรับ บริษัท เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับเจ้าของของมันก็จะต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินทุนรวมกว่าค่าใช้จ่ายของ capital.1 ในขณะที่รายได้สุทธิทางบัญชีแบบดั้งเดิมว่า เน็ต 'กำไร' มาตรการของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตราสารหนี้สุทธิ 'กำไร' มาตรการรายได้ที่เหลือของค่าใช้จ่ายเต็มรูปแบบของทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน

Results (Thai) 3:

ทฤษฎีอีวาจะนำตัวอย่างของชั้นเรียนใหม่ของตัวชี้วัดที่พยายามวัดต้นแบบแนวคิดที่เรียกว่ารายได้ที่เหลือ ได้รับการยอมรับจากนักเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่ 1750 , รายได้ที่เหลือจะขึ้นอยู่กับหลักฐานว่าในการสั่งซื้อสำหรับ บริษัท ที่จะสร้างความมั่งคั่งให้เจ้าของของมัน มันต้องมีรายได้มากขึ้นในการรวมทุนกว่าต้นทุนของเงินทุนที่ 1 ในขณะที่ดั้งเดิมบัญชีรายได้มาตรการ " กำไร " สุทธิของดอกเบี้ยจ่ายในหนี้ มาตรการ " รายได้ผลกำไรสุทธิของค่าใช้จ่ายเต็มรูปแบบของตราสารหนี้และหุ้นทุน .