Commanders don’t directly and objec

Commanders don’t directly and objectively measure cohesion. Instead, commanders measure combat effectiveness: how many qualified on their assigned weapon, how many on medical profile or non deployable, and how many people are qualified on their Mission Essential Task List (METL) tasks: individual, platoon and team level tasks that support the higher headquarters missions. These are quantifiable metrics that generally translate into combat effectiveness. Researchers, however, have a myriad of ways to measure cohesion depending on what field is doing the research. Saying that social scientists measuring cohesion is “silly” undermines the entire argument. Researchers have long been interested in cohesion. Commanders measure effectiveness.

The author makes a big deal about the difference between task cohesion and social cohesion. Research suggests that task cohesion is more important to combat effectiveness than social cohesion. Task cohesion in the military and military social solidarity are actually two separate issues. If there is a lack of social cohesion in these all-male units as Simons suggests there is, it stems from a lack of trust in members of the group. The implication then is that the lack of social cohesion in these groups should negatively affect their ability to accomplish their wartime mission.

Simons is actually raising a larger sociological question beyond task cohesion. According to Emile Durkheim, one of sociology’s founding scholars, social cohesion or solidarity comes in two forms: mechanical and organic. Mechanical solidarity comes from minimizing differences and maximizing devotion to the common cause. This is the way solidarity has been understood as the glue that holds traditional societies together. The non-combat arms military has arguably been integrated into what Durkheim would call organic solidarity – a cohesion which is achieved through mutual dependence and belief in a common orientation toward the world around them. Organic solidarity is the glue that holds modern societies together and is based on interlocking dependencies. It does not depend on group similarity or lack of diversity as in mechanical solidarity. It is better suited to complex groups with high levels of specialization and division of labor, such as the military. By any metric, the all-volunteer force is a more combat effective force than any force that has come before us.

For a modern military unit to be cohesive, we need teammates to trust one another, to be dependent upon one another, and to be united in a common cause. We need organic solidarity and task cohesion. These requirements are not mutually exclusive to homogenous groups such as all-male combat arms units. Historically, the common cause of fighting the nation’s wars has been a predominately male enterprise. It does not follow, however, that just because this domain has been historically male that it is necessarily contingent upon it remaining male for it to exist. There is nothing inherent in being female that negates unit cohesion – not even sexual attraction, which happens and isn’t nearly the crisis that Simons seems to think it is. Simons is right that there is more to being a functional member of a team than meeting a physical standard. But there is also nothing that says women cannot be a strong, functional, integral part of the combat team, either.

We need to stop acting like women are some kind of aliens who cause men to become hormone-driven Neanderthals and expect professionalism out of both our men and women. We need to stop presuming that women in the military are synonymous with problems. We need all soldiers to treat female soldiers based on what they are: soldiers who happen to be female and focus on building trust between teammates regardless of gender. Is it an ideal? Sure. But it’s one that’s both reachable and attainable.

Results (Thai) 1:

ผู้บัญชาการไม่ตรง และเป็นกลางที่วัดทำงานร่วมกัน แทน ผู้บัญชาการวัดประสิทธิภาพต่อสู้: จำนวนผู้ที่มีอาวุธที่กำหนดของพวกเขา วิธีหลายโปรไฟล์ทางการแพทย์ หรือไม่ต่อ และคนที่มีคุณสมบัติในงานภารกิจสำคัญงานรายการ (METL): ละ พลาทูนและทีมงานระดับงานที่สนับสนุนภารกิจของสำนักงานใหญ่สูงกว่า ตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่โดยทั่วไปแปลเป็นประสิทธิภาพการต่อสู้เหล่านี้ได้ นักวิจัย อย่างไรก็ตาม มีวิธีการวัดการทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับฟิลด์ทำการวิจัยมากมาย ว่า ที่นักสังคมทำงานร่วมกันที่วัดเป็นอาร์กิวเมนต์ทั้งหมดทำลาย "โง่" นักวิจัยได้รับการสนใจในการทำงานร่วมกัน ผู้บัญชาการวัดประสิทธิภาพผู้เขียนทำให้เรื่องใหญ่เกี่ยวกับงานทำงานร่วมกันและสามัคคีสังคมแตกต่างกัน วิจัยชี้ให้เห็นว่า งานทำงานร่วมกันเป็นสำคัญเพื่อประสิทธิภาพการต่อสู้กว่าสามัคคีสังคม งานทำงานร่วมกันในความเป็นปึกแผ่นทางสังคมทหาร และทหารจริงปัญหาแยกต่างหากที่สอง ถ้าไม่มีการขาดความสามัคคีสังคมในหน่วยงานเหล่านี้ทั้งหมดชายเป็นไซมอนแนะนำมี มันเกิดจากการขาดความเชื่อถือในสมาชิกของกลุ่ม ชัดเจนแล้วไม่ว่า การขาดความสามัคคีสังคมในกลุ่มเหล่านี้ควรส่งผลความสามารถในการทำภารกิจในยามสงครามของพวกเขาไซมอนเป็นจริงระดมคำถามนิทรรศการขนาดใหญ่นอกเหนือจากงานทำงานร่วมกัน ตามภาพ Durkheim ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่งของการก่อตั้งนักวิชาการ สามัคคีสังคมหรือเอกภาพมาในสองรูปแบบ: เครื่องจักรกล และสารอินทรีย์ เอกภาพเชิงกลมาลดความแตกต่าง และการเพิ่มกับสาเหตุทั่วไป วิธีการอันได้รับความเข้าใจเป็นกาวที่มีสังคมแบบดั้งเดิมกันอยู่ ทหารแขนไม่มีเนื้อหาถูกรวมเข้าที่ Durkheim จะเรียกอินทรีย์เอกภาพ – ทำงานร่วมกันซึ่งเป็นผลมาจากการพึ่งพาซึ่งกันและกันและความเชื่อในแนวทั่วไปต่อโลกรอบตัวพวกเขา อินทรีย์เป็นปึกแผ่นเป็นกาวที่มีสังคมสมัยใหม่เข้าด้วยกัน และใช้ประสานสัมพันธ์ มันไม่ขึ้นกับกลุ่มความคล้ายคลึงหรือการขาดความหลากหลายในเอกภาพกลการ มันจะดีกว่าเหมาะกับกลุ่มที่ซับซ้อนมีความเชี่ยวชาญและแบ่งงาน เช่นทหาร โดยการวัดใด ๆ แรงอาสาสมัครทั้งหมดเป็นแรงที่มีประสิทธิภาพต่อสู้มากขึ้นกว่าแรงที่มีมาก่อนเราสำหรับหน่วยทหารทันสมัยจะเหนียว เราต้องการเพื่อนไว้ใจคนอื่น ขึ้นอยู่กับคนอื่น และถูกสหรัฐในสาเหตุทั่วไป เราต้องทำงานร่วมกันเป็นปึกแผ่นและงานที่อินทรีย์ ข้อกำหนดเหล่านี้ร่วมกันกับกลุ่มเป็นเนื้อเดียวกันเช่นหน่วยทั้งหมดชายต่อสู้แขนไม่ได้ อดีต สาเหตุของการต่อสู้สงครามของประเทศได้เป็นองค์กรเน้นชาย มันไม่ทำตาม อย่างไรก็ตาม ที่เนื่องจากโดเมนนี้ได้ถูกชายในอดีตที่ว่าจำเป็นต้องผูกพันกับมันที่เหลือชายมันอยู่ ไม่มีอะไรแฝงอยู่ในการเป็นเพศหญิงที่ช่วยขจัดหน่วยทำงานร่วมกัน – ไม่แม้แต่เพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดขึ้น และไม่ใช่วิกฤตที่ไซมอน คิดเป็นเกือบ ไซมอนเหมาะที่มีสมาชิกทำงานของทีมงานกว่าประชุมมาตรฐานทางกายภาพ แต่ยังมีอะไรที่บอกว่า ผู้หญิงไม่แข็งแรง ทำงาน เป็นส่วนหนึ่งของทีมต่อสู้ อย่างใดอย่างหนึ่งเราต้องหยุดทำหน้าที่เหมือนผู้หญิงเป็นคนต่างด้าวที่ทำให้ผู้ชายกลายเป็น ยุคขับฮอร์โมน และคาดหวังความเป็นมืออาชีพจากทั้งชายและหญิงของเรา เราต้องหยุด presuming ที่ผู้หญิงในกองทัพมีปัญหา เราต้องการทหารทั้งหมดการรักษาทหารหญิงอิงคืออะไร: ทหารที่เกิดขึ้นจะเป็นผู้หญิง และเน้นการสร้างความไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมทีมโดยไม่คำนึงถึงเพศ ด้วย จะเหมาะหรือเปล่า แน่ใจ แต่มันเป็นหนึ่งที่สามารถเข้าถึง และสามารถทำให้สำเร็จ

Results (Thai) 2:

ผู้บัญชาการไม่ได้โดยตรงและอคติวัดการทำงานร่วมกัน แทนผู้บัญชาการวัดประสิทธิภาพการต่อสู้: วิธีการหลายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในอาวุธที่ได้รับมอบหมายหลายวิธีในโปรไฟล์ทางการแพทย์หรือไม่ deployable และวิธีการที่หลายคนมีคุณสมบัติในภารกิจของพวกเขาที่สำคัญรายการงาน (METL) งาน: แต่ละหมวดและระดับทีมงานที่สนับสนุน สูงกว่าภารกิจที่สำนักงานใหญ่ เหล่านี้เป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่มักแปลเป็นประสิทธิภาพการต่อสู้ นักวิจัย แต่มีมากมายหลายวิธีในการวัดการทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับสิ่งสนามจะทำวิจัย นักวิทยาศาสตร์บอกว่าการทำงานร่วมกันทางสังคมวัดคือ "โง่" ทำลายอาร์กิวเมนต์ทั้งหมด นักวิจัยได้รับการสนใจในการทำงานร่วมกัน ผู้บัญชาการวัดประสิทธิภาพ. ผู้เขียนทำให้เรื่องใหญ่เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการทำงานร่วมกันและการทำงานร่วมกันงานสังคม วิจัยชี้ให้เห็นว่างานการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญมากในการต่อสู้กับความมีประสิทธิภาพกว่าการทำงานร่วมกันทางสังคม การทำงานร่วมกันในงานทหารและทหารเป็นปึกแผ่นทางสังคมเป็นจริงสองประเด็นที่แยกต่างหาก หากมีการขาดการติดต่อกันทางสังคมในหน่วยทุกเพศชายเหล่านี้เป็นไซมอนส์แสดงให้เห็นนั่นคือมันเกิดจากการขาดความไว้วางใจในสมาชิกของกลุ่ม ความหมายแล้วก็คือการขาดการติดต่อกันทางสังคมในกลุ่มคนเหล่านี้ในเชิงลบควรส่งผลกระทบต่อความสามารถในการบรรลุภารกิจสงครามของพวกเขา. ไซมอนส์เป็นจริงเพิ่มคำถามสังคมวิทยาที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่งานการทำงานร่วมกัน ตามที่ Emile Durkheim หนึ่งของนักวิชาการผู้ก่อตั้งสังคมวิทยาของการทำงานร่วมกันทางสังคมหรือความเป็นปึกแผ่นมาในสองรูปแบบ: กลและอินทรีย์ ความเป็นปึกแผ่นวิศวกรรมมาจากการลดความแตกต่างและการเพิ่มประสิทธิภาพการทุ่มเทให้กับสาเหตุที่พบบ่อย นี้จะเป็นปึกแผ่นทางได้รับการเข้าใจว่าเป็นกาวที่ยึดสังคมดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ทหารไม่ใช่ Combat Arms ได้รับเนื้อหาที่รวมเข้ากับสิ่งที่ Durkheim จะเรียกความเป็นปึกแผ่นอินทรีย์ - การทำงานร่วมกันซึ่งสามารถทำได้โดยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและความเชื่อในการวางแนวทางร่วมกันที่มีต่อโลกรอบตัวพวกเขา ความเป็นปึกแผ่นอินทรีย์เป็นกาวที่ยึดสังคมสมัยใหม่เข้าด้วยกันและอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาที่เชื่อมต่อกัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคล้ายคลึงกันกลุ่มหรือขาดความหลากหลายในความสมัครสมานเป็นกล มันจะดีกว่าเหมาะกับกลุ่มที่ซับซ้อนที่มีระดับสูงของความเชี่ยวชาญและการแบ่งงานเช่นทหาร โดยตัวชี้วัดใดที่กำลังอาสาสมัครทั้งหมดเป็นมากขึ้นต่อสู้แรงที่มีประสิทธิภาพกว่าการบังคับใด ๆ ที่มีมาก่อนเรา. สำหรับหน่วยทหารที่ทันสมัยที่จะเหนียวเราต้องเพื่อนร่วมทีมให้ความไว้วางใจอีกคนหนึ่งที่จะขึ้นอยู่กับอีกคนหนึ่งและ จะพร้อมใจในสาเหตุที่พบบ่อย เราจำเป็นต้องมีความเป็นปึกแผ่นอินทรีย์และงานการทำงานร่วมกัน ความต้องการเหล่านี้ไม่ได้พิเศษร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นเนื้อเดียวกันเช่นทุกเพศชายหน่วยรบแขน ในอดีตสาเหตุที่พบบ่อยของการต่อสู้สงครามของประเทศที่ได้รับการเป็นองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่าเพศชาย มันไม่เป็นไปตาม แต่ที่เพียงเพราะโดเมนนี้ได้รับในอดีตชายว่ามันจำเป็นต้องผูกพันกับมันเหลือชายให้มันอยู่ สถานที่น่าสนใจไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นและไม่ได้เกือบวิกฤตที่ไซมอนส์ดูเหมือนจะคิดว่ามันเป็น - ไม่มีอะไรที่เป็นธรรมชาติในเพศหญิงที่ขัดแย้งกับการทำงานร่วมกันเป็นหน่วย ไซมอนส์เป็นสิทธิที่มีมากขึ้นในการเป็นสมาชิกการทำงานของทีมงานกว่าการประชุมมาตรฐานทางกายภาพ แต่ยังมีอะไรที่บอกว่าผู้หญิงไม่สามารถเป็นที่แข็งแกร่งและการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานการต่อสู้อย่างใดอย่างหนึ่ง. เราจำเป็นต้องหยุดทำตัวเหมือนผู้หญิงเป็นชนิดของคนต่างด้าวที่ให้คนที่จะกลายเป็นยุคฮอร์โมนที่ขับเคลื่อนด้วยและคาดว่าเป็นมืออาชีพออกมาบางส่วน ทั้งชายและหญิงของเรา เราจำเป็นต้องหยุดทะนงว่าผู้หญิงในกองทัพมีความหมายเหมือนที่มีปัญหา เราจำเป็นต้องมีทหารทั้งหมดในการรักษาทหารหญิงขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขา: ทหารที่เกิดขึ้นจะเป็นเพศหญิงและมุ่งเน้นการสร้างความไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมทีมไม่คำนึงถึงเพศ มันเหมาะ? แน่ใจ แต่ก็เป็นหนึ่งที่ทั้งสามารถเข้าถึงได้และบรรลุได้

Results (Thai) 3:

ผู้บัญชาการไม่ตรง และทางวัดสามัคคี . แทน ผู้บัญชาการรบประสิทธิผลวัดหลายวิธีที่พวกเขาได้รับมอบหมายคุณสมบัติอาวุธกี่ประวัติทางการแพทย์ หรือ ไม่ซื้อ และวิธีที่หลายคนมีคุณสมบัติในภารกิจที่สำคัญงานรายการ ( METL ) งานแต่ละหมวด และทีมงานงานระดับที่สนับสนุนภารกิจของสำนักงานสูง เหล่านี้จะถูกวัดโดยทั่วไปนั้นแปลว่าประสิทธิผลของการต่อสู้ นักวิจัย , อย่างไรก็ตาม , มีหลายวิธีที่จะวัดระดับขึ้นอยู่กับสนามที่ทำวิจัย สังคมนักวิทยาศาสตร์บอกว่าวัดนี้เอง " โง่ " อาร์กิวเมนต์ทั้งหมด นักวิจัยได้มีความสนใจในการทำงานร่วมกัน . ผู้บัญชาการวัดประสิทธิผลผู้เขียนทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างกลุ่มงานและการทำงานร่วมกันของสังคม งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทำงานร่วมกัน งานสำคัญในการต่อสู้กับประสิทธิผลมากกว่าการทำงานร่วมกันทางสังคม งานสามัคคีในทางทหารและความเป็นปึกแผ่นทางสังคม ทหารเป็นสองประเด็นที่แยกต่างหาก ถ้าไม่มีความสามัคคีในสังคม หน่วยเหล่านี้ชายทั้งหมดเป็น Simons แนะนำนั้น มันเกิดจากการขาดความไว้วางใจของสมาชิกในกลุ่ม ความหมายโดยนัยแล้วคือ การขาดความสามัคคี สังคมในกลุ่มเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการบรรลุภารกิจสงครามของพวกเขาอินเทอร์เน็ตเป็นจริงขนาดใหญ่คำถามนอกเหนือจากการเพิ่มจำนวนงาน ตามมิล เดอร์ไคม์ หนึ่งของสังคมวิทยาการนักวิชาการ สามัคคี สังคมสมานฉันท์ หรือมาในสองรูปแบบ : เครื่องจักรกล และอินทรีย์ เครื่องกลสมานฉันท์มาจากการลดความแตกต่างและเพิ่มความจงรักภักดีกับสาเหตุ นี่เป็นวิธีการสมานฉันท์ได้เข้าใจเป็นกาวที่ถือ หุ้นอยู่ในสังคมแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ไม่มีอาวุธต่อสู้กับทหารได้ถูกรวมเป็น arguably ที่เดิร์กไฮม์จะเรียกความสามัคคีและความสามัคคีอินทรีย์ซึ่งได้จากการพึ่งพาซึ่งกันและกัน และความเชื่อในทิศทางทั่วไปที่มีต่อโลกรอบตัวพวกเขา อินทรีย์สมานฉันท์เป็นกาวที่ถือสังคมสมัยใหม่เข้าด้วยกัน และยึดประสานการพึ่งพา . มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลุ่มความเหมือนหรือการขาดความหลากหลายในทางความสามัคคี มันเหมาะกับกลุ่มที่ซับซ้อนกับระดับสูงของความเชี่ยวชาญและการแบ่งแรงงาน เช่น ทหาร โดยเมตริก , อาสา พลังการต่อสู้มีประสิทธิภาพแรงกว่าแรงที่มาก่อนเราสำหรับหน่วยทหารใหม่จะดูน่าสนใจ เราต้องการเพื่อนร่วมทีมไว้ใจกันและกัน ต้องพึ่งพากัน และเป็นปึกแผ่นในสาเหตุ เราต้องการความสามัคคีอินทรีย์ และกลุ่มงาน ความต้องการเหล่านี้จะไม่ได้พิเศษร่วมกันในกลุ่ม homogenous เช่นชายทั้งหมดอาวุธต่อสู้หน่วย ในอดีต สาเหตุของการต่อสู้สงครามของประเทศมีองค์กรชายเป็นส่วนใหญ่ . มันไม่ได้ตาม แต่นั่นก็เพราะโดเมนนี้มีชายในอดีตที่มันต้องเกิดขึ้นเมื่อมันเหลือชายให้มันอยู่ มีอะไรอยู่ในหน่วยความเป็นหญิงที่ขัดแย้งและไม่ดึงดูดทางเพศซึ่งเกิดขึ้นและไม่ได้เกือบวิกฤตที่ Simons ดูเหมือนจะคิดว่ามันเป็น ไซมอนถูกว่ามีมากกว่าที่จะเป็นหน้าที่สมาชิกของทีมมากกว่าการประชุมมาตรฐานทางกายภาพ แต่ไม่มีอะไรที่บอกว่า ผู้หญิงไม่แข็งแรง , หน้าที่ , ส่วนหนึ่งของทีมการต่อสู้เหมือนกันเราต้องหยุดทำตัวเหมือนผู้หญิงบางประเภทของคนต่างด้าวที่ทำให้คนเป็นมนุษย์ยุคหิน และคาดหวังความเป็นมืออาชีพจากฮอร์โมนผลักดันของทั้งชายและหญิง เราต้องหยุดทะนงว่าผู้หญิงในทางทหารจะพ้องกับปัญหา เราต้องการทหารเพื่อรักษาหญิงทหารตามสิ่งที่พวกเขาเป็นทหาร ที่เป็นหญิง และมุ่งเน้นไปที่การสร้างความไว้วางใจระหว่างเพื่อนร่วมทีม ไม่ว่าเพศไหน มันเป็นเหมาะ ? แน่นอน แต่ก็เป็นหนึ่งที่ทั้งเข้าถึงได้และบรรลุได้