christ the redeemer in rio de janei

christ the redeemer in rio de janeiro
History
The idea of erecting a large statue atop Corcovado was first suggested in the mid-1850s,when Catholic priest Pedro Maria Boss requested financing from Princess Isabel to build a large religious monument. Princess Isabel did not think much of the idea and it was dismissed in 1889, when Brazil became a republic with laws mandating the separation of church and state. The second proposal for a landmarkstatue on the mountain was made in 1920 by the Catholic Circle of Rio. The group organized an event called Semana do Monumento ("Monument Week") to attract donations and collect signatures to support the building of the statue. The donations came mostly from Brazilian Catholics. The designs considered for the "Statue of the Christ" included a representation of the Christian cross, a statue of Jesus with aglobe in his hands, and a pedestal symbolizing the world. The statue of Christ the Redeemer with open arms, a symbol of peace, was chosen. Local engineer Heitor da Silva Costa designed the statue; it was sculpted by Polish-French sculptorPaul Landowski. A group of engineers and technicians studied Landowski's submissions and the decision was made to build the structure out of reinforced concrete (designed by Albert Caquot) instead of steel, more suitable for the cross-shaped statue. The outer layers are soapstone, chosen for its enduring qualities and ease of use. Construction took nine years, from 1922 to 1931 and cost the equivalent of US$250,000 ($3,300,000 in 2014). The monument was opened on October 12, 1931.The statue was meant to be lit by a battery of floodlights triggered remotely by shortwave radio pioneer Guglielmo Marconi, stationed 5,700 miles (9,200 km) away in Rome, but poor weather affected the signal and it had to be lit by workers in Rio.
In October 2006, on the statue's 75th anniversary, Archbishop of Rio Cardinal Eusebio Oscar Scheid consecrated a chapel (named after the patron saint of Brazil—Nossa Senhora Aparecida, or "Our Lady of the Apparition,") under the statue. This allows Catholics to hold baptisms and weddings there.
Christ the Redeemer
The statue was struck by lightning during a violent electrical storm on Sunday, February 10, 2008, and suffered some damage on the fingers, head and eyebrows. A restoration effort was put in place by the Rio de Janeiro state government to replace some of the outer soapstone layers and repair the lightning rods installed on the statue.
On April 15, 2010, graffiti was sprayed on the statue's head and right arm. Mayor Eduardo Paes called the act "a crime against the nation" and vowed to jail the vandals, even offering a reward of R$ 10,000 for any information that might lead to an arrest. The Military Police eventually identified house painter Paulo Souza dos Santos as the suspect of the act of vandalism.

Results (Thai) 1:

พระเยซูคริสต์ใน Rio de Janeiro

ประวัติศาสตร์ความคิดของการก่อสร้างรูปปั้นขนาดใหญ่บนยอด Corcovado ได้รับการแนะนำครั้งแรกในช่วงกลางยุค 1850, เมื่อพระสงฆ์คาทอลิก pedro เจ้านาย maria ขอเงินทุนจากเจ้าหญิงอิซาเบลที่จะสร้างอนุสาวรีย์ทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ เจ้าหญิงอิซาเบลไม่คิดว่ามากของความคิดและมันได้รับการยอมรับใน 1889เมื่อกลายเป็นสาธารณรัฐบราซิลกับกฎหมายอิงการแยกของคริสตจักรและรัฐ ข้อเสนอที่สองสำหรับ landmarkstatue บนภูเขาที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1920 โดยวงกลมคาทอลิกของ rio กลุ่มจัดงานท​​ี่เรียกว่า Semana Monumento ทำ ("อนุสาวรีย์สัปดาห์") เพื่อดึงดูดการบริจาคและรวบรวมลายเซ็นที่จะสนับสนุนการสร้างรูปปั้นเงินบริจาคส่วนใหญ่มาจากคาทอลิกบราซิล การออกแบบการพิจารณาให้ "รูปปั้นของพระเยซูคริสต์" รวมถึงการเป็นตัวแทนของคริสเตียนข้ามรูปปั้นของพระเยซูที่มี aglobe ในมือของเขาและฐานสัญลักษณ์โลก รูปปั้นพระเยซูคริสต์ที่มีแขนเปิดเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุขที่ได้รับเลือก costa วิศวกร Heitor ดาซิลวาในท้องถิ่นได้รับการออกแบบรูปปั้น;มันถูกแกะสลักโดยขัด-ฝรั่งเศส Landowski sculptorpaul กลุ่มวิศวกรและช่างเทคนิคที่มีการศึกษาการส่ง Landowski และตัดสินใจที่จะสร้างโครงสร้างออกจากคอนกรีตเสริมเหล็ก (ออกแบบโดย albert caquot) แทนเหล็กที่เหมาะสมมากขึ้นสำหรับรูปปั้นข้ามที่มีรูปร่าง ชั้นนอกเป็นสบู่, เลือกสำหรับคุณภาพยั่งยืนและความสะดวกในการใช้งานการก่อสร้างใช้เวลาเก้าปี 1922-1931 และค่าใช้จ่ายของเราเทียบเท่า 250,000 ดอลลาร์ (3,300,000 $ ในปี 2014) อนุสาวรีย์เปิด 12 ตุลาคม, รูปปั้น 1931.the มีความหมายที่จะใช้ไฟจากแบตเตอรี่ของไฟจุดชนวนจากระยะไกลโดยผู้บุกเบิกวิทยุเอฟเอ็ม Guglielmo Marconi, ประจำ 5,700 ไมล์ (9,200 กิโลเมตร) ในกรุงโรมแต่สภาพอากาศที่ไม่ดีได้รับผลกระทบของสัญญาณและมันจะต้องถูกจุดไฟโดยแรงงานใน rio.
ในตุลาคม 2006 ในวันครบรอบ 75 รูปปั้นของอาร์คบิชอปของ rio พระคาร์ดินัล Eusebio oscar Scheid ถวายวิหาร (ตั้งชื่อตามนักบุญอุปถัมภ์ของบราซิล-โนสซ่า senhora Aparecida หรือ "ผู้หญิงของเราผี") ภายใต้รูปปั้น นี้จะช่วยให้คาทอลิกจะถือศีลและงานแต่งงานมี. พระเยซูคริสต์

รูปปั้นถูกฟ้าผ่าในช่วงพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงที่อาทิตย์ 10 กุมภาพันธ์, 2008, และประสบความเสียหายบางส่วนที่นิ้วหัวและคิ้ว ความพยายามฟื้นฟูถูกขังอยู่ในสถานที่โดย Rio de Janeiro หน่วยงานภาครัฐจะเข้ามาแทนที่บางส่วนของชั้นนอกสบู่และซ่อมแซมแท่งฟ้าผ่าที่ติดตั้งในรูปปั้น.
ที่ 15 เมษายน 2010,กราฟฟิตีพ่นบนหัวของรูปปั้นและแขนขวา Eduardo Paes นายกเทศมนตรีที่เรียกว่าการกระทำ "อาชญากรรมต่อประเทศชาติ" และสาบานว่าจะคุกป่าเถื่อนแม้เสนอรางวัลของ r 10,000 ดอลลาร์สำหรับข้อมูลใด ๆ ที่อาจนำไปสู่​​การจับกุม ทหารตำรวจในที่สุดก็ระบุบ้านจิตรกร paulo ซ่า santos dos ฐานะผู้ต้องสงสัยของการกระทำป่าเถื่อน.

Results (Thai) 2:

คริสต์มหาไถ่ในริโอเดอจาเนโร
ประวัติ
ความคิดของ erecting รูปปั้นขนาดใหญ่บนยอด Corcovado แนะแรกในที่กลาง-1850s เมื่อนักบวชคาทอลิกเปโดรมาเรียบอสร้องขอเงินจากเจ้าหญิง Isabel เพื่อสร้างอนุสาวรีย์ทางศาสนาขนาดใหญ่ เจ้าหญิง Isabel ได้ไม่คิดมากความคิด และมันถูกไล่ในจาก 1889 เมื่อบราซิลกลายเป็น สาธารณรัฐทั้งแยกของคริสตจักรและสถานะการบังคับกฎหมาย ข้อเสนอที่สองสำหรับ landmarkstatue บนภูเขาทำในปี 1920 โดยวงคาทอลิกของริโอ กลุ่มการจัดการเหตุการณ์ที่เรียกว่าออกทำอนุสาวรีย์วิคโต ("อนุสาวรีย์สัปดาห์") เพื่อดึงดูดการบริจาค และรวบรวมลายเซ็นเพื่อสนับสนุนการสร้างรูปปั้น บริจาคที่มาจากคาทอลิกบราซิลส่วนใหญ่ การออกแบบที่พิจารณาสำหรับการ "รูปปั้นของคริสต์" รวมตัวแทนของคริสเตียนกางเขน รูปปั้นพระเยซู มี aglobe ในมือของเขา และเชิงสัญลักษณ์โลก รูปปั้นพระเยซูถูกเลือกมหาไถ่ ด้วยอาวุธเปิด เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข รูปปั้น ออกแบบภายในวิศวกร Heitor da Silva คอสตา มันเป็น sculpted โดยฝรั่งเศสโปแลนด์ sculptorPaul Landowski กลุ่มวิศวกรและช่างเทคนิคศึกษาของ Landowski ส่ง และตัดสินใจที่จะสร้างโครงสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็ก (ออกแบบ โดยอัลเบิร์ท Caquot) แทนเหล็ก เหมาะสำหรับปั้นรูปขน ชั้นนอกเป็นหินสบู่ที่ทำ เลือกคุณภาพยั่งยืนและง่ายต่อการใช้ ก่อสร้างใช้เวลา 9 ปี จากค.ศ. 1922 ถึง 1931 และต้นทุนเทียบเท่าของสหรัฐอเมริกา $250000 (3,300,000 $ ในปี 2014) เปิดอนุสาวรีย์ในวันที่ 12 ตุลาคม รูปปั้น 1931.The ที่หมายถึงจะสว่าง โดยแบตเตอรี่ของ floodlights ที่ทริกเกอร์จากระยะไกล โดยผู้บุกเบิกวิทยุเอฟเอ็มวิลเลียม Marconi ประจำ 5,700 ไมล์ (9,200 กิโลเมตร) ไปในกรุงโรม แต่สัญญาณที่ได้รับผลกระทบของสภาพอากาศไม่ดี และจะมีการถูกแสง โดยคนงานในริโอ
ใน 2549 ตุลาคม ในวันครบรอบของรูปปั้นที่ 75 ปี อาร์ชบิชอปแห่งของริโอคาร์ Eusebio ออสการ์ Scheid อุทิศให้โบสถ์ (ตั้งชื่อตามนักบุญสมาชิกของบราซิล — Nossa Senhora Aparecida หรือ "เลดี้ของ the Apparition ) ภายใต้รูปปั้น ให้ชาวคาทอลิกที่จะ baptisms และมีงานแต่งงาน
คริสต์ที่มหาไถ่
รูปปั้นหลงฟ้าผ่าระหว่างพายุไฟฟ้ารุนแรงวันอาทิตย์ 10 กุมภาพันธ์ 2008 และรับความเดือดร้อนความเสียหายบางอย่าง บนนิ้วมือ หัวคิ้ว ความพยายามคืนค่าถูกเก็บไว้ โดยรัฐบาลของรัฐริโอเดอจาเนโรเพื่อแทนบางส่วนของชั้นหินสบู่ที่ทำภายนอก และซ่อมแซมก้านฟ้าผ่าติดตั้งบนรูปปั้น
เมื่อ 15 เมษายน 2010 ถูกพ่นกราฟฟิตีหัวและแขนขวาของรูปปั้น นายกเทศมนตรี Paes พงษ์ศิริบัญญัติเรียกว่า "อาชญากรรมกับประเทศ" และ vowed ไปคุกแวนดัล แม้การเสนอรางวัลของ R$ 10000 สำหรับข้อมูลที่อาจนำไปสู่การจับกุม ตำรวจทหารระบุจิตรกรบ้านเปา Souza ดอสซานโตสเป็นผู้ต้องสงสัยของการกระทำป่าเถื่อนในที่สุด

Results (Thai) 3:

Christ พระมหาไถ่ใน Rio de Janeiro

ประวัติความคิดของ erecting รูปปั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านบนสุด Corcovado เป็นที่แนะนำ ใน -1850 กลางเมื่อเห็น Maria หัวหน้านักบวชนิกายคาทอลิกที่ร้องขอทางการเงินจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงอิซาเบลเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานทางศาสนาขนาดใหญ่ที่เป็นครั้งแรก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงอิซาเบลก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับความคิดและมันก็เป็นอีกครั้งในปี 1889เมื่อบราซิลกลายเป็นสาธารณรัฐที่มีกฎหมายทำให้การแยกโบสถ์และรัฐ ข้อเสนอที่สองสำหรับ landmarkstatue ที่ตั้งอยู่บน ภูเขา ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1920 โดยคาทอลิกวงกลมของ Rio กลุ่มที่จัดการแข่งขันที่เรียกว่า semana ทำ monumento ("อนุสรณ์สัปดาห์”)เพื่อดึงดูดความสนใจและการบริจาคเก็บรวบรวมรายชื่อเพื่อสนับสนุนการสร้างรูปปั้นที่บริจาคที่มามากจากบราซิลคาทอลิกด้วยกัน การออกแบบที่ได้รับการพิจารณาสำหรับ" Statue of Christ "รวมถึงการเป็นตัวแทนของชาวคริสต์ที่ข้ามผ่านรูปปั้นของพระเยซูกับ aglobe ในมือของเขาและขาตั้งที่ซึ่งโลก Statue of Christ พระมหาไถ่โดยเปิดให้บริการสัญลักษณ์แห่ง สันติภาพ ได้รับเลือก heitor ดาซิลวา,คอวิศวกรในท้องถิ่นได้รับการออกแบบรูปปั้นที่มันเป็นประติมากรรมโดย polish-french sculptorpaul landowski กลุ่มของช่างเทคนิควิศวกรและศึกษาการส่งผลงานของ landowski และการตัดสินใจที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างโครงสร้างออกจากคอนกรีตเสริมเหล็ก(ได้รับการออกแบบโดยอัลเบิร์ต caquot )แทนการผลิตเหล็กกล้ามากมีความเหมาะสมสำหรับ Statue of cross - มีรูปร่างที่ ชั้นซับในด้านนอกที่มีหินจำพวกแป้งชนิดหนึ่งลื่นคล้ายสบู่เลือกไว้สำหรับใช้งานได้ง่ายและ คุณภาพ เหนือกาลเวลาของใช้การก่อสร้างใช้เก้าปี 1922 กับ 1931 จากต้นทุนและมีค่าเท่ากับการ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ($ 3,300,000 ใน 2014 ) อนุสรณ์สถานที่ได้เปิดให้บริการบนวันที่ 12 ตุลาคม 1931 .รูปปั้นที่ตั้งใจจะมีแสงไฟส่องสว่างจากแบตเตอรี่ของ floodlights เกิดขึ้นจากระยะไกลโดยนานาชาติ Guglielmo Marconi Pioneer วิทยุคลื่นสั้นประจำการอยู่ 5,700 ไมล์( 9,200 กิโลเมตร)อยู่ห่างออกไปใน Rome ในแต่น่าสงสาร สภาพ อากาศได้รับผลกระทบที่สัญญาณและได้ให้มีแสงสว่างโดยคนงานในรีโอ.
ในเดือนตุลาคม 2006 ที่มีรูปปั้นของ 75 เท่านั้นวันครบรอบ,อาร์คของ Rio จตุรทิศ eusebio Oscar scheid ถวายที่โบสถ์(ชื่อหลังจากที่อุทิศแด่ Patron Saint ของบราซิล - Nossa Sra do Carmo senhora (,หรือ"ของเราเลดี้ของปิศาจ,")ตามรูป. โรงแรมแห่งนี้ช่วยให้คาดเดาค้างไว้เพื่อการจัดงานแต่งงานและมี baptisms .

ตามมาตรฐานที่พระมหาไถ่คริสต์รูปปั้นถูกฟ้าผ่าในระหว่างเกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงในวันอาทิตย์ที่ 10 เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 และรับความเสียหายบางส่วนบนนิ้วที่คิ้วและหัว การปรับปรุงความพยายามที่จะถูกจัดให้อยู่ในสถานที่โดย Rio de Janeiro รัฐบาลแห่งรัฐที่จะใส่ชั้นหินจำพวกแป้งชนิดหนึ่งลื่นคล้ายสบู่ด้านนอกที่บางส่วนและการซ่อมแซมเส้นสายฟ้าแลบที่ติดตั้งใน Statue of .
บนวันที่ 15 เมษายน 2010Graffiti Bar คือฉีดลงบนแขนของ Statue of ที่หัวและทางด้านขวา นายกเทศมนตรี Eduardo VII paes เรียกว่าการกระทำที่"ความผิดที่มีต่อประเทศชาติ"และปฏิญาณไว้ไปยังเรือนจำ Romans , Vandals , Visigoths และได้รางวัลที่จัดให้บริการของ R $ 10 , 000 สำหรับข้อมูลใดๆที่อาจนำไปสู่การจับกุม ตำรวจทหารที่ในท้ายที่สุด Paulo Souza Dos Santos ก็คือช่างทาสีเป็นผู้ต้องหาของการกระทำของความป่าเถื่อน.