One person has only one life, thus

One person has only one life, thus one may wants to live this life to the full, supreme happiness. Hence, choosing a right place to live is part of reaching their most optimal peak of life. There are only two outstanding options: countryside and city. Countryside offers quiet life while city provides many aspects of livings. Indeed, these two places have their own advantages, and they should be presented in this essay.

Firstly, for those who prefer peace and quiet life, countryside is a best place. Away from the crowded society, this is the place where silent moment is its special features and no significant disturbance can threaten. People can live in their house, sleep until they want to get up and do anything on their own wills, without any concern onto related issues. There would be no, or at least not regularly, concert to be held at countryside, sound of crowded vehicles running on the road and unexpected visit by unrecognizable guests. At the countryside, the preservation of environment is at high regard. Thus, people can breathe the fresh air every day. Consequently, countryside is the most ideal place for people who want healthy atmosphere and peaceful aspect of living.

On the other side, city is a place of every kind of opportunities. Education, employment, entertainment and many other art of living can be found throughout the city. Moreover, the 24-hour services - such as health care service, shopping - can be found at any possibly reachable urban areas. When special events arrive, huge festivals are being celebrated with loud music, massive parades, various food supply and many other forms of entertainment. The even greater benefit of living in the city is of the chance of receiving fast and rapid updates of technology. While technology role in the society advancement is becoming larger, urban area is a place of every technological debuts, renovation and innovation introductions and improvement of older facilities. To conclude, people will feel that they are too small to live in the city as everything is exceeding expectation.

In summary, both countryside and city has their own values and they offer different services. Countryside is place for relaxing one`s soul whereas city is a place to boost the spirit of living. For me, I will choose to live in the city because at my 20s, I do want to keep up with every breakthrough of technologies because it is the meaning of my life.

Results (Thai) 1:

คนมีชีวิตเดียว ดังนั้น หนึ่งอาจต้องการที่จะใช้ชีวิตนี้สุขสูงสุด เต็ม ดังนั้น เลือกเหมาะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าถึงสูงสุดความเหมาะสมของชีวิต มีเพียงสองตัวเลือกที่โดดเด่น: ชนบทและเมือง ชนบทมีชีวิตที่เงียบสงบในขณะเมืองหลายด้านของท่าน แน่นอน สองสถานมีข้อได้เปรียบของตนเอง และพวกเขาควรนำเสนอในบทความครั้งนี้ ประการแรก สำหรับผู้ที่ต้องการชีวิตสงบ ชนบทเป็นสุด จากสังคมแออัด นี้เป็นสถานที่เงียบขณะคุณลักษณะพิเศษ และสามารถคุกคามรบกวนอย่างมีนัยสำคัญ คนสามารถอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา นอนจนพวกเขาต้องลุกขึ้น มาทำอะไรบน wills ตัวเอง โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ ลงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะมี ไม่ หรืออย่างน้อยไม่สม่ำเสมอ ชมคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นที่ชนบท เสียงของยานพาหนะแออัด บนท้องถนน และไม่คาดคิดโดยไม่รู้จัก ในชนบท การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นที่เคารพ ดังนั้น คนสามารถหายใจอากาศบริสุทธิ์ทุกวัน ดังนั้น ชนบทเป็นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบรรยากาศสุขภาพและด้านดีของชีวิต อีกด้านหนึ่ง เมืองเป็นสถานที่ทุกชนิดของโอกาส การศึกษา งาน บันเทิง และศิลปะอื่น ๆ ของชีวิตสามารถพบทั่วทั้งเมือง นอกจากนี้ บริการตลอด 24 ชั่วโมง - เช่นบริการสุขภาพ ช้อปปิ้ง - สามารถพบได้ในพื้นที่เมืองอาจสามารถเข้าถึง เมื่อมีกิจกรรมพิเศษ เทศกาลใหญ่เป็นการเฉลิมฉลองกับเสียงดนตรี ขบวนพาเหรดใหญ่ จัดหาอาหารต่าง ๆ และฟอร์มอื่น ๆ ของความบันเทิง ประโยชน์ของการใช้ชีวิตในเมืองยิ่งเป็นโอกาสของการได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว และอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ในขณะที่บทบาทของเทคโนโลยีในการก้าวหน้าของสังคมเป็นใหญ่ เมืองเป็นสถานที่มีการเปิดตัวเทคโนโลยีทุก ปรับปรุง และเปิดตัวนวัตกรรมและปรับปรุงของเก่า เพื่อสรุป คนจะรู้สึกว่า จะเล็กเกินกว่าจะอยู่ในเมืองทุกอย่างไม่เกินความคาดหวัง ในสรุป ชนบทและเมืองที่มีค่าของตนเอง และมีบริการต่าง ๆ ชนบทเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนของจิตใจในขณะที่การเมืองเป็นสถานที่เพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณของชีวิต สำหรับฉัน ฉันจะเลือกอาศัยอยู่ในเมืองเนื่องจากในวัย 20 ของฉัน ฉันต้องการให้ค่ากับทุกความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเนื่องจากเป็นความหมายของชีวิต

Results (Thai) 2:

หนึ่งคนมีเพียงหนึ่งชีวิตหนึ่งจึงอาจต้องการที่จะมีชีวิตอยู่นี้ให้เต็มความสุขสูงสุด ดังนั้นการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของถึงจุดสูงสุดที่เหมาะสมที่สุดชีวิตของพวกเขา มีเพียงสองตัวเลือกที่โดดเด่น: ชนบทและเมือง ชนบทมีชีวิตที่เงียบสงบในขณะที่เมืองที่มีหลายแง่มุมของชีวิต อันที่จริงทั้งสองสถานที่มีข้อได้เปรียบของตัวเองและพวกเขาควรจะนำเสนอในบทความนี้. ประการแรกสำหรับผู้ที่ชอบความสงบและชีวิตที่เงียบสงบ, ชนบทเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ห่างจากสังคมที่แออัดนี้เป็นสถานที่ที่เงียบช่วงเวลาที่เป็นคุณสมบัติพิเศษและไม่มีการรบกวนอย่างมีนัยสำคัญสามารถคุกคาม ผู้คนสามารถอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขานอนหลับจนกว่าพวกเขาต้องการได้รับการขึ้นและทำอะไรในความรู้สึกนึกคิดของตัวเองโดยไม่ต้องกังวลไปยังประเด็นที่เกี่ยวข้องใด ๆ จะไม่มีหรืออย่างน้อยไม่สม่ำเสมอคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในชนบท, เสียงของยานพาหนะที่แออัดวิ่งบนท้องถนนและการเข้าชมที่ไม่คาดคิดโดยผู้เข้าพักสามารถจดจำ ในชนบทที่รักษาสิ่งแวดล้อมที่เรื่องสูง ดังนั้นผู้คนสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ทุกวัน ดังนั้นชนบทเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดีและบรรยากาศที่เงียบสงบด้านของชีวิต. ในด้านอื่น ๆ เมืองเป็นสถานที่ของชนิดของทุกโอกาส การศึกษา, การจ้างงาน, บันเทิงและศิลปะอื่น ๆ อีกมากมายของที่อยู่อาศัยที่สามารถพบได้ทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมีบริการตลอด 24 ชั่วโมง - บริการเช่นการดูแลสุขภาพ, ช้อปปิ้ง - สามารถพบได้ที่พื้นที่เขตเมืองใด ๆ อาจจะสามารถเข้าถึงได้ เมื่อมาถึงการจัดกิจกรรมพิเศษ, เทศกาลขนาดใหญ่ที่มีการเฉลิมฉลองด้วยเพลงดังขบวนพาเหรดขนาดใหญ่แหล่งอาหารต่างๆและรูปแบบอื่น ๆ ของความบันเทิง ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของที่อยู่อาศัยในเมืองมีโอกาสที่จะได้รับอย่างรวดเร็วและการปรับปรุงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ในขณะที่บทบาทของเทคโนโลยีในความก้าวหน้าของสังคมจะกลายเป็นขนาดใหญ่ในเขตเมืองเป็นสถานที่เปิดตัวเทคโนโลยีทุกการเปิดตัวการปรับปรุงและการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอายุมากกว่า สรุปคนจะรู้สึกว่าพวกเขามีขนาดเล็กเกินไปที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่ทุกอย่างเกินความคาดหวังคือ. โดยสรุปทั้งในชนบทและเมืองที่มีค่าของตัวเองและพวกเขาให้บริการที่แตกต่างกัน ชนบทเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนในขณะที่จิตวิญญาณ `s เมืองนี้เป็นสถานที่ที่จะเพิ่มจิตวิญญาณของที่อยู่อาศัย สำหรับฉันฉันจะเลือกที่จะอาศัยอยู่ในเมืองเพราะในยุค 20 ของฉันฉันไม่ต้องการที่จะให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทุกคนเพราะมันคือความหมายของชีวิตของฉัน

Results (Thai) 3:

คนหนึ่งมีเพียงหนึ่งชีวิต ดังนั้นหนึ่งอาจต้องการที่จะใช้ชีวิตนี้เพื่อความสุขสูงสุด Full ดังนั้น การเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่จะอยู่เป็นส่วนหนึ่งของถึงจุดสูงสุดที่เหมาะสมที่สุดของชีวิต มีเพียงสองตัวเลือก : ดีเด่นชนบทและเมือง ชนบทที่มีชีวิตเงียบในขณะที่เมืองมีหลายแง่มุมของสิ่งมีชีวิต . จริงๆ ทั้งสองแห่งมีข้อดีของตัวเองและพวกเขาควรได้รับการเสนอในบทความนี้

ก่อนอื่น สำหรับผู้ที่ชอบความสงบและชีวิตที่เงียบสงบ ทิวทัศน์เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด . ห่างจากสังคมที่แออัด , นี้เป็นสถานที่ที่ ช่วงเวลาเงียบคือคุณลักษณะพิเศษของมันไม่พบการรบกวนสามารถข่มขู่ คนเราอยู่ในบ้าน นอนจนอยากลุกขึ้นมาทำอะไรในความรู้สึกนึกคิดของตนเองโดยไม่มีความกังวลใด ๆลงในประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะไม่มี หรืออย่างน้อยก็เสมอ คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นที่ ชนบท เสียงรถวิ่งบนถนนที่แออัดและการเข้าชมโดย unrecognizable แขก ในชนบท การรักษาสิ่งแวดล้อม ที่นับถือ ดังนั้นผู้คนสามารถหายใจอากาศสดทุกวัน จากนั้นชนบทเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศและลักษณะของชีวิตที่เงียบสงบ

ในด้านอื่น ๆ เมืองที่เป็นสถานที่ของทุกประเภทของโอกาส การศึกษา , การจ้างงาน , บันเทิงและศิลปะอื่น ๆอีกมากมายของชีวิตสามารถพบได้ทั่วเมือง นอกจากนี้ บริการ - บริการ เช่น บริการดูแลสุขภาพช้อปปิ้ง - สามารถพบได้ในพื้นที่ใด ๆ ในเมืองอาจจะเข้าถึงได้ เมื่อมีเหตุการณ์พิเศษมาถึง เทศกาลใหญ่มีการเฉลิมฉลองด้วยเสียงเพลงขนาดใหญ่ , ขบวนพาเหรด , จัดหาและรูปแบบอื่น ๆอีกมากมายของความบันเทิงอาหารต่าง ๆ แม้ประโยชน์ของการใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น เป็นโอกาสที่ได้รับได้อย่างรวดเร็วและการปรับปรุงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในขณะที่บทบาทของเทคโนโลยีในสังคมก้าวหน้าเป็น ขนาดใหญ่ พื้นที่เมืองเป็นสถานที่ของทุกเทคโนโลยี เปิดตัว ปี ๒๕๓๐ และการเผยแพร่นวัตกรรมและการปรับปรุงเครื่องเก่า สรุป คนที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีขนาดเล็กเกินไปที่จะอยู่ในเมืองอย่างเกินความคาดหมาย

สรุปแล้ว