In this form of aphasia the ability

In this form of aphasia the ability to grasp the meaning of spoken words and sentences is impaired, while the ease of producing connected speech is not very affected. Therefore Wernicke’s aphasia is also referred to as ‘fluent aphasia’ or ‘receptive aphasia’.

Reading and writing are often severely impaired. As in other forms of aphasia, individuals can have completely preserved intellectual and cognitive capabilities unrelated to speech and language.

Persons with Wernicke’s aphasia can produce many words and they often speak using grammatically correct sentences with normal rate and prosody. However, often what they say doesn’t make a lot of sense or they pepper their sentences with non-existent or irrelevant words. They may fail to realize that they are using the wrong words or using a non-existent word and often they are not fully aware that what they say doesn’t make sense.

Patients with this type of aphasia usually have profound language comprehension deficits, even for single words or simple sentences. This is because in Wernicke’s aphasia individuals have damage in brain areas that are important for processing the meaning of words and spoken language. Such damage includes left posterior temporal regions of the brain, which are part of what is knows as Wernicke’s area, hence the name of the aphasia.

Wernicke’s aphasia and Wernicke’s area are named after the German neurologist Carl Wernicke who first related this specific type of speech deficit to a damage in a left posterior temporal area of the brain.

Results (Thai) 1:

ในรูปแบบของ aphasia นี้ ความสามารถในการเข้าใจความหมายของคำพูดและประโยคจะพิการ ในขณะที่เชื่อมต่อในการผลิต เสียงไม่ได้รับผลกระทบมาก ดังนั้น ของเวอร์นิเก aphasia ยังได้อ้างถึง 'คล่อง aphasia' หรือ 'aphasia เปิดกว้าง'อ่านและการเขียนมักบกพร่องรุนแรง ในรูปแบบอื่น ๆ ของ aphasia บุคคลสามารถมีสมบูรณ์รักษาความสามารถทางปัญญา และองค์ความรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพูดและภาษาไว้คนของเวอร์นิเก aphasia สามารถผลิตคำจำนวนมาก และพวกเขามักจะพูดด้วยประโยคคึกราคาปกติและ prosody อย่างไรก็ตาม มักจะว่า ไม่ได้ทำให้มีความรู้สึก หรือพวกเขาพริกไทยของประโยค ด้วยคำที่ไม่มีอยู่ หรือไม่เกี่ยวข้อง พวกเขาอาจไม่ตระหนักว่า มีการใช้คำผิด หรือใช้คำที่ไม่มีอยู่ และมักจะไม่ตระหนักว่า สิ่งที่เขาพูดไม่เป็นเรื่องAphasia ชนิดนี้ผู้ป่วยมักจะมีภาษาที่ลึกซึ้งเข้าใจการขาดดุล แม้สำหรับคำเดี่ยวหรือประโยคง่าย ๆ นี้เป็น เพราะในของเวอร์นิเก aphasia บุคคลที่มีความเสียหายในพื้นที่สมองที่สำคัญสำหรับการประมวลผลความหมายของคำและภาษาพูด ความเสียหายดังกล่าวรวมซ้ายหลังภูมิภาคที่ขมับของสมอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งรู้เป็นเวอร์นิเกของพื้นที่ ดังนั้นชื่อของ aphasia การของเวอร์นิเก aphasia และบริเวณเวอร์นิเกเป็นชื่อหลังจากแพทย์เยอรมัน Carl เวอร์นิเกที่แรก กับชนิดนี้ของดุลเสียงในความเสียหายในพื้นที่หลังขมับซ้ายของสมอง

Results (Thai) 2:

ในรูปแบบของความพิการทางสมองความสามารถในการเข้าใจความหมายของคำพูดและประโยคนี้เป็นความบกพร่องในขณะที่ความสะดวกในการผลิตการพูดการเชื่อมต่อที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นความพิการทางสมองของ Wernicke ยังเรียกว่าเป็น 'ความพิการทางสมองได้อย่างคล่องแคล่ว' หรือ 'ความพิการทางสมองอ่อนไหว'. การอ่านและการเขียนมักจะมีความบกพร่องอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับในรูปแบบอื่น ๆ ของความพิการทางสมองประชาชนสามารถเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ความสามารถทางปัญญาและองค์ความรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพูดและภาษา. บุคคลที่มีความพิการทางสมองของ Wernicke สามารถผลิตหลายคำและพวกเขามักจะพูดโดยใช้ประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ที่มีอัตราปกติและฉันทลักษณ์ แต่มักจะบอกว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำให้ความรู้สึกมากหรือพวกเขาพริกไทยประโยคด้วยคำพูดที่ไม่มีอยู่จริงหรือไม่เกี่ยวข้อง พวกเขาอาจจะไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขาจะใช้คำผิดหรือใช้คำที่ไม่มีอยู่จริงและบ่อยครั้งที่พวกเขาไม่ได้ตระหนักดีว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ทำให้รู้สึก. ผู้ป่วยที่มีประเภทของความพิการทางสมองนี้มักจะมีการขาดดุลที่ลึกซึ้งภาษาเข้าใจแม้ คำเดียวหรือประโยคง่ายๆ นี้เป็นเพราะใน Wernicke ของบุคคลที่พิการทางสมองมีความเสียหายในพื้นที่ของสมองที่มีความสำคัญสำหรับการประมวลผลความหมายของคำและภาษาพูด ความเสียหายดังกล่าวรวมถึงซ้ายภูมิภาคหลังชั่วคราวของสมองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่รู้ว่าเป็นพื้นที่ของ Wernicke เพราะฉะนั้นชื่อของความพิการทางสมองได้. พิการทางสมองของ Wernicke และพื้นที่ของ Wernicke ถูกตั้งชื่อตามนักประสาทวิทยาชาวเยอรมันคาร์ล Wernicke คนแรกที่เกี่ยวข้องกับประเภทนี้โดยเฉพาะในการพูด การขาดดุลจะเกิดความเสียหายในบริเวณขมับซ้ายหลังของสมอง