This study was designed to determin

This study was designed to determine the effect of problem solving method with PowerPoint on SS II physics students’ academic achievement in refraction of light waves in Ilorin Kwara State. Two Research questions were raised and two Null hypotheses were tested. The study adopted a pre-test and posttest control and experimental group design. The representatives sample size for the study comprises of one hundred and twelve (112) Physics students selected using purposive sampling techniques from three (3) senior secondary schools in Ilorin, Kwara State. The Researcher taught the experimental group Refraction of light waves using problem solving method with power point, while the control group was exposed to problem solving method using traditional approach. The instrument for data collection was 50-items multiple-choice tagged Achievement Test on Refraction of Light Waves (ATRLW) reflecting the content in the lesson note. A reliability coefficient of 0.785 was obtained using Pearson’s moment correlation coefficient(r). The data was analyzed statistically using independent sample t-test and the statistical results accepted the null hypothesis of the study. The study revealed that using problem solving method with power point and problem solving method with traditional approach both enhances SS II physics student academic achievement in refraction of light waves, also there was no discrimination of the academic achievement of male and female students when taught with problem solving method using power point. The use of problem solving method with power point has an essential effect on male and female students. The study also revealed that problem solving method generally enhances students’ ability in solving problem in physics. It was concluded that problem solving-ability in students is a critical variable of students’ academic achievement in refraction of light waves

Results (Thai) 1:

การศึกษาครั้งนี้ได้รับการออกแบบเพื่อศึกษาผลของวิธีการแก้ปัญหากับ PowerPoint บนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน SS II ฟิสิกส์ของนักเรียนในการหักเหของคลื่นแสงใน Ilorin ควารารัฐ คำถามสองงานวิจัยถูกยกขึ้นและสองสมมติฐานได้รับการทดสอบ การศึกษานำการทดสอบก่อนและหลังการทดลองการควบคุมและการออกแบบกลุ่มทดลอง ผู้แทนขนาดของกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาประกอบด้วย 112 (112) นักเรียนฟิสิกส์ที่เลือกใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงจากสาม (3) โรงเรียนมัธยมอาวุโสใน Ilorin รัฐควารา นักวิจัยการสอนกลุ่มทดลองการหักเหของคลื่นแสงโดยใช้วิธีการที่มีการจุดไฟการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มควบคุมได้สัมผัสกับวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็น 50 รายการหลายทางเลือกที่ติดแท็กแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ในการหักเหของคลื่นแสง (ATRLW) สะท้อนให้เห็นถึงเนื้อหาในหมายเหตุบทเรียน สัมประสิทธิ์ความน่าเชื่อถือของ 0.785 ได้จากการใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (R) การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระ t-test และผลทางสถิติยอมรับสมมติฐานของการศึกษา ผลการศึกษาพบว่าการใช้วิธีการที่มีการจุดไฟและวิธีการแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบดั้งเดิมในการแก้ปัญหาทั้งช่วยเพิ่มเอสเอส II ฟิสิกส์ของนักเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในหักเหของคลื่นแสงนอกจากนี้ยังมีการเลือกปฏิบัติของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชายและหญิงเมื่อการเรียนการสอนที่มีปัญหา แก้วิธีการใช้จุดไฟ การใช้วิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจุดไฟมีผลกระทบสำคัญในนักเรียนชายและหญิง การศึกษายังพบว่าวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปจะช่วยเพิ่มความสามารถของนักเรียนในการแก้ปัญหาในวิชาฟิสิกส์ ก็สรุปได้ว่าการแก้ปัญหาความสามารถของนักเรียนเป็นตัวแปรที่สำคัญของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในการหักเหของคลื่นแสง

Results (Thai) 2:

การศึกษานี้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของวิธีการแก้ปัญหากับ PowerPoint ใน SS II นักเรียนฟิสิกส์ความสำเร็จทางวิชาการในการหักเหของคลื่นแสงใน Ilorin Kwara State สองคำถามวิจัยถูกยกขึ้นและสองสมมติฐานสมมติฐานได้รับการทดสอบ. การศึกษาใช้การทดสอบก่อนและการควบคุม posttest และการออกแบบกลุ่มทดลอง ขนาดตัวอย่างตัวแทนสำหรับการศึกษาประกอบด้วย๑๑๒ (๑๑๒) นักเรียนฟิสิกส์เลือกใช้เทคนิคการสุ่มตัวอย่าง purposive จากสาม (3) โรงเรียนมัธยมศึกษาใน Ilorin, Kwara State นักวิจัยได้สอนกลุ่มทดลองการหักเหของคลื่นแสงโดยใช้วิธีการแก้ปัญหาที่มีจุดพลังงานในขณะที่กลุ่มควบคุมได้รับการสัมผัสกับวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิม เครื่องมือสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลถูก๕๐-รายการที่ถูกแท็กหลายตัวเลือกการทดสอบความสำเร็จในการหักเหของคลื่นแสง (ATRLW) สะท้อนให้เห็นถึงเนื้อหาในบทเรียน ค่าสัมประสิทธิ์ความน่าเชื่อถือของ๐.๗๘๕ได้รับโดยใช้สัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาของเพียร์สัน (r) ข้อมูลได้รับการวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้ตัวอย่างการทดสอบ t อิสระและผลทางสถิติที่ยอมรับสมมติฐานของการศึกษา. การศึกษาเปิดเผยว่าการใช้วิธีการแก้ปัญหาที่มีจุดพลังงานและวิธีการแก้ปัญหาที่มีวิธีการแบบดั้งเดิมทั้งช่วยเพิ่มความสำเร็จทางวิชาการของนักศึกษาฟิสิกส์ของ SS II ในการหักเหของคลื่นแสง, ยังไม่มีการเลือกปฏิบัติของการศึกษา ความสำเร็จของนักเรียนชายและหญิงเมื่อสอนด้วยวิธีการแก้ปัญหาโดยใช้จุดพลังงาน การใช้วิธีการแก้ปัญหาที่มีจุดพลังงานมีผลกระทบที่สำคัญต่อนักเรียนชายและหญิง การศึกษายังเปิดเผยว่าวิธีการแก้ปัญหาโดยทั่วไปช่วยเพิ่มความสามารถของนักเรียนในการแก้ปัญหาในฟิสิกส์. มันเป็นข้อสรุปว่าการแก้ปัญหา-ความสามารถในนักเรียนเป็นตัวแปรที่สำคัญของความสำเร็จทางวิชาการของนักเรียนในการหักเหของคลื่นแสง

Results (Thai) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้ PowerPoint ในการแก้ปัญหาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ของนักเรียน SS-ii ภายใต้การหักเหของแสง สองปัญหาการวิจัยที่นำเสนอและสองสมมติฐานที่ไม่ถูกต้องได้รับการทดสอบ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 112 นักเรียนฟิสิกส์ที่ได้รับเลือกจากโรงเรียนมัธยมอาวุโสในอิลลินอยส์ นักวิจัยได้สอนกลุ่มทดลองด้วยวิธีการแก้ปัญหาจุดพลังงานและกลุ่มควบคุมได้รับการสอนแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบทดสอบ ATRW ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเนื้อหาของบันทึกย่อในชั้นเรียน ค่าสัมประสิทธิ์ของความน่าเชื่อถือคือ 0.785 ได้โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test แบบอิสระ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีจุดพลังงานและวิธีการแบบดั้งเดิมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของ SS II ฟิสิกส์นักเรียนในการหักเหของแสง ในขณะเดียวกันนักเรียนชายและหญิงมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่แตกต่างกันเมื่อใช้วิธีการสอนเพื่อแก้ปัญหาด้วยพลังจุด การใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบไดนามิกที่มีอิทธิพลสำคัญต่อนักเรียนชายและหญิง นอกจากนี้ยังพบว่าวิธีการแก้ปัญหาโดยทั่วไปช่วยเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาทางกายภาพของนักเรียน ผลการศึกษาพบว่าความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนภายใต้การหักเหของแสง