Cities like New York, London, and P

Cities like New York, London, and Paris have all had to deal with thousands of cars running through their streets each day. Traffic congestion is a big problem for everyone within the city. The main reasons why traffic congestion occurs are more cars, poor road management, and poor practices on behalf of employers.
One of the main reasons why there’s more congestion is due to more cars on the road. The adult population is increasing and therefore more people want their own personal transport to get around with. As the number of cars increase the chance of congestion also increases. It’s why in smaller towns and villages congestion is almost unheard of.

This is coupled with a lack of proper infrastructure. Councils and national governments fail to act on the looming threat of heavy congestion until it happens. The city doesn’t expand along with an increasingly car reliant population. A single street with a lane on each side before might not suffice in ten years after the population has increased. Authorities often fail to convert this into a dual carriageway.
Alternate routes are also a problem. Cities have limited capacity to expand due to poor funding and planning restrictions preventing building on green belt spaces. Cities are forced to work with the routes they already have. If they can’t increase the number of lanes it leads to congestion.
Employers can also play a part in dealing with congestion. Congestion almost always happens when people are travelling to and from work. Traffic congestion has eased in recent years as a result of growing unemployment and the introduction of more flexible work hours.
By adhering to the traditional 9-5 routines, there’s a greater chance of congestion. Everyone has to travel to and from work at the same time each day.
A lack of public transport, or poor public transport options, will also cause problems. If there isn’t enough buses, trams, or local trains people are forced to take their cars to work. The ratio of passengers to vehicles decreases, whereas if they were able to take the bus people would feel less of a need to drive their cars.
In many places, commuters are forced away from public transport by the private companies which run them. Increasing fare prices, especially on the trains, make driving a car with its associated high fuel costs cheaper than public transport. By pushing people back to their cars again they only exasperate the congestion problem.
In conclusion, congestion is mainly caused by a desire for people to drive their cars coupled with a failure by local government to act. If they invested in more affordable public transport options and a better infrastructure the incidence of congestion would decrease in major cities.

Results (Thai) 1:

เมือง เช่นนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีสมีทั้งหมดได้จัดการกับหลักพันของรถยนต์ที่ทำงานผ่านถนนของพวกเขาแต่ละวัน จราจรที่ติดขัดเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคนในเมือง เหตุผลหลักที่ทำไมจราจรที่ติดขัดเกิดมีรถยนต์เพิ่มเติม จัดการถนนไม่ดี และปฏิบัติดีในนามของนายจ้างหนึ่งของหลักการเหตุผลเหตุผลมีเป็นแออัดมากเนื่องจากรถยนต์เพิ่มเติมบนถนน เพิ่มประชากรผู้ใหญ่ และดังนั้น คนต้องการขนส่งของตนเองบุคคลจะเดินด้วย ขณะที่จำนวนรถยนต์เพิ่มขึ้นโอกาสแออัด ยังเพิ่ม ทำไมในเมืองเล็ก ๆ และหมู่บ้านแออัดเกือบได้ยินของนี้จะควบคู่กับการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม สภาและรัฐบาลแห่งชาติไม่สามารถดำเนินการกับภัยคุกคาม looming ของแออัดอย่างหนักจนกระทั่งมันเกิดขึ้น เมืองไม่ขยายตามด้วยการขึ้นรถพึ่งประชากร ถนนเดียวกับเลนในแต่ละด้านก่อนอาจไม่พอใน 10 ปีหลังจากมีเพิ่มประชากร เจ้าหน้าที่มักจะไม่แปลงนี้เป็นถนนที่สองการติดเส้นทางอื่นมีปัญหา เมืองมีจำกัดกำลังขยายเงินทุนต่ำและข้อจำกัดในการวางแผนป้องกันไม่ให้สร้างบนพื้นที่สีเขียวในแถบ เมืองถูกบังคับให้ทำงานกับเส้นทางที่พวกเขาได้ ถ้าพวกเขาไม่สามารถเพิ่มจำนวนถนนหนทางที่จะนำไปสู่การแออัดนายจ้างสามารถเล่นเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับแออัด แออัดมักเกิดขึ้นเมื่อคนเดินทางไป และกลับ จากทำงาน จราจรที่ติดขัดได้บรรเทาในปีที่ผ่านมาจากการเติบโตการว่างงานและการแนะนำของชั่วโมงทำงานยืดหยุ่นมากขึ้นโดยยึดมั่นในคำสั่งดั้งเดิม 9-5 มีโอกาสมากขึ้นแออัด ทุกคนได้เดินทางไป และกลับ จากทำงานในเวลาเดียวกันแต่ละวันการขาดระบบขนส่งสาธารณะ หรือตัวเลือกการขนส่งสาธารณะไม่ดี จะทำให้เกิดปัญหา ถ้าไม่เพียงพอสำหรับรถบัส ท่อง หรือรถไฟท้องถิ่นคนถูกบังคับให้ใช้รถในการทำงานของพวกเขา อัตราส่วนของผู้โดยสารเพื่อยานพาหนะลดลง ในขณะที่ถ้าพวกเขาสามารถใช้ คนรถจะรู้สึกน้อยต้องขับรถของพวกเขาในสถานต่าง ๆ ผู้ถูกบังคับจากระบบขนส่งสาธารณะ โดยบริษัทเอกชนซึ่งเรียกใช้ ราคาค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถไฟ ได้ขับรถที่ มีความเชื่อมโยงน้ำมันแพงถูกกว่าขนส่งสาธารณะ โดยการผลักดันคนกลับรถยนต์ของพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาเพียง exasperate ปัญหาแออัดเบียดเบียน แออัดส่วนใหญ่เกิดจากความปรารถนาสำหรับคนขับรถของตนควบคู่กับความล้มเหลว โดยรัฐบาลท้องถิ่นดำเนินการ ถ้าจะลงทุนในราคาไม่แพงระบบขนส่งสาธารณะตัวเลือกเพิ่มเติมและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี จะลดอุบัติการณ์ของแออัดในเมืองใหญ่

Results (Thai) 2:

เมืองเช่นนิวยอร์ก, ลอนดอนและปารีสมีทั้งหมดมีการจัดการกับหลายพันคันวิ่งผ่านถนนของพวกเขาในแต่ละวัน การจราจรที่ติดขัดเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคนที่อยู่ในเมือง เหตุผลหลักว่าทำไมการจราจรแออัดเกิดขึ้นมีรถยนต์มากขึ้น, การจัดการถนนที่ไม่ดีและการปฏิบัติที่ไม่ดีในนามของนายจ้าง.
หนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมมีความแออัดมากขึ้นเป็นเพราะรถยนต์มากขึ้นบนท้องถนน ประชากรผู้ใหญ่จะเพิ่มขึ้นและทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องการการขนส่งส่วนบุคคลของตัวเองที่จะได้รับรอบกับ ขณะที่จำนวนรถยนต์เพิ่มโอกาสของความแออัดนอกจากนี้ยังเพิ่ม มันเป็นเหตุผลที่ในเมืองเล็ก ๆ และหมู่บ้านแออัดไม่เคยได้ยินเกือบ. นี้ควบคู่ไปกับการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เทศบาลและรัฐบาลแห่งชาติล้มเหลวในการดำเนินการกับภัยคุกคามที่ปรากฏจากความแออัดหนักจนกว่ามันจะเกิดขึ้น เมืองที่ไม่ได้ขยายไปพร้อมกับรถมากขึ้นประชากรพึ่งพา ถนนเดียวกับช่องทางในแต่ละด้านก่อนที่อาจจะไม่พอเพียงในรอบสิบปีหลังจากที่มีจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่มักจะล้มเหลวในการแปลงนี้เป็นถนนสองเลน. เส้นทางอื่นนอกจากนี้ยังมีปัญหา เมืองมีความสามารถ จำกัด ในการขยายเนื่องจากเงินทุนที่ไม่ดีและข้อ จำกัด ในการวางแผนการป้องกันอาคารบนพื้นที่สีเขียว เมืองถูกบังคับให้ทำงานกับเส้นทางที่พวกเขามีอยู่แล้ว หากพวกเขาไม่สามารถเพิ่มจำนวนของช่องทางที่จะนำไปสู่ความแออัด. นายจ้างยังสามารถเล่นเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับความแออัด แออัดมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนจะเดินทางไปและกลับจากทำงาน การจราจรที่ติดขัดได้ผ่อนคลายลงในปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตของการว่างงานและการแนะนำของชั่วโมงการทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น. โดยยึดมั่นในการปฏิบัติแบบดั้งเดิม 9-5 มีโอกาสมากขึ้นจากความแออัด ทุกคนมีที่จะเดินทางไปและกลับจากทำงานในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน. ขาดการขนส่งสาธารณะหรือตัวเลือกการขนส่งสาธารณะที่ไม่ดีก็จะทำให้เกิดปัญหา หากมีไม่เพียงพอรถเมล์รถรางหรือรถไฟท้องถิ่นคนถูกบังคับให้ใช้รถของพวกเขาในการทำงาน อัตราส่วนของผู้โดยสารยานพาหนะลดลงในขณะที่ถ้าพวกเขาสามารถใช้คนรถบัสจะรู้สึกน้อยกว่าความต้องการที่จะขับรถของพวกเขา. ในหลาย ๆ สถานที่ผู้โดยสารถูกบังคับออกจากระบบขนส่งสาธารณะโดย บริษัท เอกชนที่เรียกพวกเขา การเพิ่มขึ้นของราคาค่าโดยสารโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนรถไฟให้ขับรถกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องราคาถูกกว่าการขนส่งสาธารณะ โดยการผลักดันคนกลับไปที่รถของพวกเขาอีกครั้งพวกเขาเท่านั้นที่ทำให้โกรธปัญหาความแออัด. โดยสรุปความแออัดส่วนใหญ่เกิดจากความปรารถนาสำหรับคนที่จะขับรถของพวกเขาควบคู่ไปกับความล้มเหลวของรัฐบาลท้องถิ่นที่จะทำหน้าที่ ถ้าพวกเขาเลือกลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะที่ราคาไม่แพงมากและมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าอุบัติการณ์ของความแออัดจะลดลงในเมืองใหญ่

Results (Thai) 3:

เมืองเช่นนิวยอร์ก , ลอนดอนและปารีสจึงต้องจัดการกับพัน รถวิ่งผ่านถนนของพวกเขาในแต่ละวัน ปัญหาการจราจรเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกคนภายในเมือง เหตุผลหลักว่าทำไมปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นจะคันมากขึ้น การจัดการ ถนนไม่ดี และแนวทางปฏิบัติที่ดีในนามของนายจ้าง .
หนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมมีความแออัดมากขึ้น เนื่องจากรถยนต์บนท้องถนน ประชากรผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้คนมากขึ้นต้องการการขนส่งส่วนบุคคลของพวกเขาเองที่จะได้รับรอบ ๆด้วย เป็นหมายเลขของรถยนต์ที่เพิ่มโอกาสของการจราจรติดขัดนอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้น นั่นคือเหตุผลที่ในเมืองเล็กและหมู่บ้านติดขัดเกือบ unheard .

นี้ควบคู่กับการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เทศบาลและรัฐบาลล้มเหลวในการกระทำที่ปรากฏการคุกคามของความแออัดหนักจนกว่ามันจะเกิดขึ้น เมืองไม่ได้ขยายไปพร้อมกับรถมากขึ้นพึ่งพาประชากร ถนนที่มีเลนเดียวในแต่ละด้านก่อน อาจจะไม่เพียงพอในสิบปีหลังจากมีประชากรเพิ่มมากขึ้นเจ้าหน้าที่มักจะล้มเหลวที่จะแปลงเป็นเลนคู่
เส้นทางอื่นก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เมืองมีความจุ จำกัด ขยายจากเดิมที่ยากจน และการวางแผนการป้องกันจำกัดอาคารเป็นเข็มขัดสีเขียว เมืองที่ถูกบังคับให้ทำงานกับเส้นทางที่พวกเขามีอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถเพิ่มจำนวนเลนมันพาไป
ติดขัดนายจ้างยังสามารถเล่นเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับความแออัด ความแออัดที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีคนเดินทางไปและกลับจากทำงาน การจราจรที่ติดขัดได้ผ่อนคลายลงใน ปี ล่าสุด ผลของการว่างงานและการแนะนำของชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น .
โดยยึดมั่นในแบบดั้งเดิม 9-5 ตามปกติ มันเป็นโอกาสที่ติดขัดทุกคนจะต้องเดินทางไปและกลับจากทำงานในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน การขาดระบบขนส่งสาธารณะ หรือยากจนการขนส่งสาธารณะตัวเลือก ก็จะก่อให้เกิดปัญหา ถ้าไม่พอรถบัส รถราง หรือรถไฟท้องถิ่นเป็นคนบังคับให้ใช้รถทำงาน อัตราส่วนของผู้โดยสารยานพาหนะลดลง ในขณะที่หากพวกเขาสามารถที่จะใช้รถบัส ผู้คนจะรู้สึกน้อยต้องขับรถ .
ในหลายสถานที่ผู้โดยสารถูกบังคับให้ห่างจากการขนส่งสาธารณะ โดย บริษัท เอกชนที่ใช้พวกเขา การเพิ่มราคาค่าโดยสาร โดยเฉพาะบนรถไฟ ทำให้การขับรถกับของที่เกี่ยวข้องสูงเชื้อเพลิงต้นทุนถูกกว่าการขนส่งสาธารณะ โดยให้คนกลับไปที่รถยนต์ของตนอีกครั้ง พวกเขาเพียง แต่ทำให้ฉุนเฉียวติดขัดปัญหา .
สรุปความแออัดส่วนใหญ่เกิดจากความปรารถนาสำหรับคนที่จะขับรถคู่กับความล้มเหลว โดยรัฐบาลท้องถิ่นที่จะทำ ถ้าจะลงทุนในตัวเลือกการขนส่งสาธารณะมากขึ้น และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะลดอุบัติการณ์ของความแออัดในเมืองใหญ่ .