Traditions and Rituals:Joe and his

Traditions and Rituals:

Joe and his family, even though they live in the United States, still carry out many of their culture's beliefs when a person dies. Like as in Christianity, they do have a funeral service for the deceased. At the funeral service that make offerings to a temple. For example, they make food for the monks. They carry out a funeral chant (which he couldn't really explain this chant in English). The guest of the funeral will bring cash as an offering to the family and the temple. This cash will help pay for the funeral, since most families are rather poor in Thailand. The amount of money you bring will depend on two things. One is how well off you and your family are as a whole. Two, how close you are to the deceased. Joe said that it ranges from four dollars to hundreds and even thousands of dollars. But as he mentioned above that Thailand people are very poor. That even five dollars is a lot of money to make at a job for one day. The Buddhist do believe in cremation. An example of this that Joe mentioned was when his grandmother died. They cremated her body and then divided up the remains of her ashes to the offspring. They were then suppose to do with her ashes as they wish.

Beliefs For Comfort and Pain:

Joe's belief is that if that person who has passed away was a good person throughout their lifetime then that person will go to a comfortable place and will be happy. Joe's culture has a merit system which allows them to loss or gain merit points. Joe used the example of a sand pile. If you do good things throughout your life then the sand pile will get bigger. If you do bad things then your pile will become smaller. The good things are like treating other people well, not killing even an insect or animal. If they thought that person was not a good person then this is very disturbing. The individual who is deceased will end up in an uncomfortable place after death.

Life After Death:

As Joe mentioned above, they are on merit system. In their current life they gain or lose merit points. When you die you will be reborn into another being. Depending on how many merits you have will determine what you will come back as. It is on an "animal scale". For example, a fly is the lowest on the scale and the highest is a human being. So your goal is to return as another human being. I was kind of confused about this merit system. I didn't know who keep track of the merits. Joe confirmed that nobody keeps track but you know if you have been a good person or not. Joe said that if someone feels that they were not a good person and want to earn merits than on New Years Day, they can set an animal free or something like that.

Healthy and Unhealthy Grief:

Joe's believe is more personal. He believes that healthy grief is remember someone who has passed away, here and there. If you think about them too much then that is unhealthy. For example, Joe thought about a friend who died when he was in school. He started have nightmares because he was thinking about them too much. He also believes that if you remember the good times about that person then that is healthy grief.

Private and Public Grief:

Joe's public and private grief is very similar to the way males from the United States grieve. Joe does not show that he is sad in front of anyone. But when he is alone he will be sad and will cry. They also do not talk about their grieve to anyone. They will remember someone and talk about that person but will not show any emotions.

Group Support:

Joe believes that group support would be very helpful for the grieving process. That group support would be a time to let out his emotions and a time to talk about the loss. Joe said that group support would help the grief go by faster.

What I Have Learned From the Interview:

What I have learned from the interview with Joe is that we a very similar but yet very different. I was most interested in the merit system they go by. This seems to me unusual but then again not. I was raised to be a descent, caring, and loving person. But the way I am is not put on a scale. We just have to live with the way we are and hope that we will go to heaven. The gender differences are very similar. That men are not allowed to show emotions. That they need to be strong for the rest of the family. I really thought this assignment was very interesting to me. I like learning about other cultures and their beliefs. This makes me realize that we are all, no matter what culture or religion we come from, similar but yet different.

Results (Thai) 1:

ประเพณีและพิธีกรรม:

โจและครอบครัว แม้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ยังคงดำเนินความเชื่อวัฒนธรรมของพวกเขามากมายเมื่อผู้ตาย เช่นในศาสนาคริสต์ พวกเขามีบริการงานศพสำหรับผู้เสียชีวิต ที่บริการงานศพที่จัดทำเพื่อวัด ตัวอย่าง ที่ทำอาหารสำหรับพระสงฆ์ พวกเขาดำเนินการ chant ศพ (ที่เขาไม่สามารถจริง ๆ อธิบายนี้ chant ในภาษาอังกฤษ) แขกในงานศพจะนำเงินสดเป็นให้ครอบครัวและวัด เงินสดนี้จะช่วยให้การชำระค่าจ้างสำหรับงานศพ เนื่องจากครอบครัวส่วนใหญ่จะค่อนข้างยากจนในประเทศไทย จำนวนเงินที่คุณนำจะขึ้นอยู่กับสองสิ่ง คือจากวิธีการที่ดี และครอบครัวของคุณมีทั้งหมด 2 วิธีปิดคุณได้ชีวิต โจกล่าวว่า ก็ตั้งแต่สี่ดอลลาร์กับหลายร้อยหลายพันดอลลาร์ แต่ ตามที่เขากล่าวว่า คนไทยจะดีมาก ที่แม้แต่ห้าดอลลาร์เป็นเงินต้องที่งานสำหรับหนึ่งวันเป็นจำนวนมาก พระพุทธศาสนาเชื่อว่าในการเผาศพ ตัวอย่างนี้ที่กล่าวถึงโจถูกเมื่อยายของเขาเสียชีวิต พวกเขา cremated ร่างกายของเธอแล้ว หารค่าของเธอขี้เถ้าเพื่อลูกหลาน แล้วพวกเขาได้คิดว่า จะทำกับขี้เถ้าของเธอ ตามที่เขาต้อง

ความเชื่อสำหรับความสะดวกสบายและความเจ็บปวด:

โจเชื่อว่าถ้าคนที่ผ่านไปเป็นคนดีตลอดชีวิตของพวกเขา แล้วคนที่จะไปพัก และยินดีที่จะ วัฒนธรรมของโจมีระบบค่าตอบแทนซึ่งช่วยให้การสูญเสีย หรือได้รับคะแนนบุญ โจใช้ตัวอย่างของกองทราย ถ้าคุณทำสิ่งที่ดีตลอดชีวิตของคุณ แล้วกองทรายจะดูใหญ่ ถ้าคุณทำสิ่งไม่ดี แล้วของคุณกองจะเป็นขนาดเล็ก เป็นสิ่งดีเช่นรักษาผู้อื่นได้ดี ไม่ฆ่าแม้แต่แมลงหรือสัตว์ ถ้าพวกเขาคิดว่า คนไม่ใช่คนดี แล้วนี้เป็นการรบกวนมาก บุคคลที่ลดลงจะสิ้นสุดในความอึดอัดหลังความตาย

ชีวิตหลังความตาย:

ชนโจ มีระบบค่าตอบแทน ในชีวิตปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาได้รับ หรือเสียคะแนนบุญ เมื่อคุณตาย คุณจะแห้งเป็นการอื่น ขึ้นอยู่กับบุญหลายวิธีที่คุณมีจะกำหนดสิ่งที่คุณจะมากลับเป็น มันอยู่ "ระดับสัตว์" ตัวอย่าง แมลงวันได้ต่ำสุดบนมาตราส่วนและสูงสุดคือ มนุษย์ ดังนั้น เป้าหมายของคุณคือการ กลับเป็นมนุษย์อีก ผมสับสนเกี่ยวกับระบบนี้บุญประการ ผมไม่ทราบที่เก็บติดตามของบุญ โจยืนยันว่า ไม่มีใครช่วยติดตาม แต่คุณรู้ว่าถ้าได้คนดี หรือไม่ โจกล่าวว่า ถ้าบุคคลรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้คนดี และต้องการได้บุญกว่าในวันปีใหม่ พวกเขาสามารถตั้งสัตว์ฟรีหรือบางสิ่งบางอย่างเช่นนั้น

เพื่อสุขภาพและความเศร้าโศกไม่แข็งแรง:

โจเชื่อว่า เป็นส่วนตัว เขาเชื่อว่า ความเศร้าโศกเพื่อสุขภาพจะจำคนที่ผ่านไป ที่นี่และมีการ ถ้าคุณคิดว่า เกี่ยวกับพวกเขามากเกินไป แล้วก็ไม่แข็งแรง ตัวอย่าง โจคิดเกี่ยวกับเพื่อนที่เสียชีวิตเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียน เขาเริ่มมีการฝันร้าย เพราะเขาคิดเกี่ยวกับพวกเขามากเกินไป เขายังเชื่อว่า ถ้าคุณจำดี ๆ เกี่ยวกับคนที่ แล้วนั่นคือความเศร้าโศกเพื่อสุขภาพ

ส่วนตัว และสาธารณะความเศร้าโศก:

ความเศร้าโศก และเอกชนโจจะคล้ายกับแบบน้ำตาตกในเพศชายจากสหรัฐอเมริกา โจแสดงว่า คงจะเศร้าหน้าทุกคน แต่เมื่อเขาอยู่ คนเดียวเขาจะเศร้า และจะร้องไห้ พวกเขายังไม่พูดถึงความโศกเศร้าให้กับทุกคน พวกเขาจะจดจำคน และพูดคุยเกี่ยวกับบุคคลนั้น แต่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

กลุ่มสนับสนุน:

โจเชื่อว่า กลุ่มสนับสนุนจะเป็นประโยชน์มากสำหรับการ grieving สนับสนุนกลุ่มที่จะมีเวลาให้ออกอารมณ์ของเขาและเวลาที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการสูญเสีย โจกล่าวว่า สนับสนุนกลุ่มจะช่วยให้ความเศร้าโศกไปด้วย

ฉันใดได้เรียนรู้จากสัมภาษณ์:

อะไรฉันได้เรียนรู้จากการสัมภาษณ์กับโจว่าเราคล้ายกันมากแต่ยังแตกต่างกันมาก ผมสนใจมากที่สุดในระบบบุญพวกเขาไปด้วย นี้ดูเหมือนว่าผมผิดปกติแต่อีกไม่ ผมขึ้นจะ โคตร ดูแล และรักคน แต่วิธีผมจะไม่มีอยู่ในระดับ เราเพียงแค่ได้อยู่กับทางเรา และหวังว่า เราจะไปสวรรค์ ความแตกต่างเพศจะมีลักษณะคล้าย ที่คนไม่สามารถแสดงอารมณ์ ว่า พวกเขาจำเป็นต้องแข็งแรงที่เหลือของครอบครัว จริง ๆ ผมคิดว่า กำหนดนี้น่าสนใจมากสำหรับฉัน ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นและความเชื่อของพวกเขา ทำให้ฉันตระหนักว่า เราเป็นทั้งหมด ไม่ว่าสิ่งวัฒนธรรมหรือศาสนาเรามาจาก คล้ายแต่ยังแตกต่างกัน

Results (Thai) 2:

ประเพณีและพิธีกรรม: โจและครอบครัวของเขาถึงแม้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินการจำนวนมากของความเชื่อวัฒนธรรมของพวกเขาเมื่อคนตาย เหมือนในศาสนาคริสต์พวกเขาจะมีพิธีศพสำหรับผู้เสียชีวิต ที่ให้บริการงานศพที่ทำให้การเสนอขายที่วัด ตัวอย่างเช่นที่พวกเขาทำอาหารสำหรับพระสงฆ์ พวกเขาดำเนินการสวดศพ (ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้จริงๆอธิบายร้องเพลงนี้ในภาษาอังกฤษ) แขกผู้มีงานศพจะนำเงินสดมาถวายครอบครัวและวัด เงินสดนี้จะช่วยให้จ่ายสำหรับงานศพเนื่องจากครอบครัวส่วนใหญ่จะค่อนข้างยากจนในประเทศไทย จำนวนเงินที่คุณนำมาจะขึ้นอยู่กับสองสิ่ง หนึ่งคือวิธีการที่ดีที่คุณและครอบครัวของคุณมีทั้ง สองวิธีการปิดที่คุณกำลังจะตาย โจบอกว่ามันช่วงจากสี่ดอลลาร์ไปหลายร้อยและหลายพันดอลลาร์ แต่ในขณะที่เขากล่าวว่าคนไทยเป็นที่น่าสงสารมาก ว่าแม้ห้าดอลลาร์เป็นเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ที่งานหนึ่งวัน พุทธศาสนาไม่เชื่อมั่นในการพระราชทานเพลิงศพ เช่นนี้ว่าโจกล่าวคือเมื่อคุณยายของเขาเสียชีวิต พวกเขาเผาร่างของเธอแล้วแบ่งส่วนที่เหลือของขี้เถ้าของเธอไปยังลูกหลาน จากนั้นพวกเขาก็คิดว่าจะทำอย่างไรกับศพของเธอที่พวกเขาต้องการความเชื่อสำหรับความสะดวกสบายและความเจ็บปวด: ความเชื่อของโจคือว่าถ้าคนที่ได้ล่วงลับไปแล้วว่าเป็นคนดีตลอดชีวิตของพวกเขาแล้วคนที่จะไปสถานที่ที่สะดวกสบายและจะมีความสุข . วัฒนธรรมโจมีระบบคุณธรรมซึ่งช่วยให้พวกเขาสูญเสียหรือได้รับคะแนนบุญ โจใช้ตัวอย่างของกองทราย ถ้าคุณทำสิ่งที่ดีตลอดชีวิตของคุณแล้วกองทรายจะได้รับใหญ่ ถ้าคุณทำสิ่งที่ไม่ดีจากนั้นกองของคุณจะกลายเป็นขนาดเล็ก สิ่งที่ดีเป็นเหมือนการรักษาคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ฆ่าแมลงหรือสัตว์ ถ้าพวกเขาคิดว่าคนที่ไม่ได้เป็นคนดีนั้นเป็นรบกวนมาก บุคคลที่มีผู้เสียชีวิตจะสิ้นสุดในสถานที่อึดอัดหลังจากการตายของชีวิตหลังความตายในฐานะที่เป็นโจกล่าวข้างต้นพวกเขาอยู่ในระบบคุณธรรม ในชีวิตปัจจุบันของพวกเขาที่พวกเขาได้รับหรือสูญเสียจุดบุญ เมื่อคุณตายคุณจะได้เกิดใหม่เป็นคนอื่น ขึ้นอยู่กับจำนวนประโยชน์ที่คุณได้จะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่คุณจะกลับมาเป็น มันเป็น "สัตว์ขนาด" ตัวอย่างเช่นการบินเป็นที่ต่ำที่สุดในระดับที่สูงที่สุดและเป็นมนุษย์ ดังนั้นเป้าหมายของคุณคือการกลับมาเป็นมนุษย์ ฉันถูกชนิดของสับสนเกี่ยวกับระบบบุญนี้ ผมไม่ทราบว่าผู้ที่ติดตามการทำบุญ โจได้รับการยืนยันว่าไม่มีใครติดตาม แต่คุณรู้ว่าถ้าคุณได้รับเป็นคนดีหรือไม่ โจบอกว่าถ้ามีคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนดีและต้องการที่จะได้รับประโยชน์กว่าในวันปีใหม่ที่พวกเขาสามารถตั้งค่าสัตว์ฟรีหรือสิ่งที่ต้องการที่สุขภาพไม่แข็งแรงและความเศร้าโศก: โจเชื่อว่าเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น เขาเชื่อว่าสุขภาพเป็นความเศร้าโศกจำคนที่ได้ล่วงลับไปแล้วที่นี่และมี ถ้าคุณคิดว่าเกี่ยวกับพวกเขามากเกินไปแล้วที่ไม่แข็งแรง ตัวอย่างเช่นโจคิดเกี่ยวกับเพื่อนที่เสียชีวิตเมื่อเขาอยู่ในโรงเรียน เขาเริ่มมีฝันร้ายเพราะเขาคิดเกี่ยวกับพวกเขามากเกินไป นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าถ้าคุณจำเวลาที่ดีเกี่ยวกับบุคคลที่แล้วว่าเป็นความเศร้าโศกสุขภาพภาคเอกชนและสาธารณะความเศร้าโศก: ความเศร้าโศกของรัฐและเอกชนของโจจะคล้ายกับวิธีการที่เพศชายจากสหรัฐอเมริกาเสียใจ โจไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ด้านหน้าของทุกคน แต่เมื่อเขาเป็นคนเดียวที่เขาจะต้องเสียใจและจะร้องไห้ พวกเขายังไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับพวกเขาเสียใจกับทุกคน พวกเขาจะจำใครสักคนและพูดคุยเกี่ยวกับคน ๆ นั้น แต่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ที่สนับสนุนกลุ่ม: โจเชื่อว่าการสนับสนุนกลุ่มจะเป็นประโยชน์มากสำหรับกระบวนการเสียใจ การสนับสนุนกลุ่มที่จะเป็นเวลาที่จะปล่อยให้อารมณ์ของเขาออกมาและเวลาที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการสูญเสีย โจกล่าวว่าการสนับสนุนกลุ่มจะช่วยให้ความเศร้าโศกไปได้เร็วขึ้นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการสัมภาษณ์: สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการให้สัมภาษณ์กับโจก็คือว่าเราคล้ายกันมาก แต่ยังแตกต่างกันมาก ผมมีความสนใจมากที่สุดในระบบคุณธรรมที่พวกเขาไปด้วย นี้ดูเหมือนว่าฉันผิดปกติ แต่แล้วอีกครั้งไม่ได้ ฉันถูกยกขึ้นไปเป็นเชื้อสายดูแลและคนรัก แต่วิธีการที่ผมไม่ได้ใส่ในระดับ เราก็ต้องอยู่กับวิธีที่เราเป็นและหวังว่าเราจะไปสวรรค์ แตกต่างทางเพศจะคล้ายกันมาก ว่าผู้ชายจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงอารมณ์ ที่พวกเขาต้องมีความแข็งแรงสำหรับส่วนที่เหลือของครอบครัว ผมคิดว่างานนี้เป็นที่น่าสนใจมากสำหรับผม ผมชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่น ๆ และความเชื่อของพวกเขา นี้ทำให้ผมตระหนักว่าเราทุกคนไม่ว่าสิ่งที่วัฒนธรรมหรือศาสนาที่เรามาจากที่คล้ายกัน แต่ยังแตกต่างกัน

Results (Thai) 3:

ประเพณีและพิธีกรรม :

โจและครอบครัวของเขา แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ยังคงมีมากของวัฒนธรรมความเชื่อ เมื่อมีคนตาย เหมือนในศาสนาคริสต์ ก็มีบริการจัดงานศพให้ผู้ตาย ที่บริการงานศพที่ให้บูชาในวัด ตัวอย่างเช่นพวกเขาให้อาหารสำหรับพระสงฆ์พวกเขานำออกมาสวดงานศพ ( ซึ่งเขาไม่ได้จริงๆอธิบายทำนองนี้ในภาษาอังกฤษ ) แขกในงานศพจะนำเงินสดเป็นเครื่องบูชาเพื่อครอบครัว และวัด เงินสดจะช่วยจ่ายสำหรับงานศพ เพราะครอบครัวส่วนใหญ่จะค่อนข้างยากจนในประเทศไทย เงินที่คุณให้จะขึ้นอยู่กับสองสิ่ง หนึ่งเป็นวิธีที่ดีที่คุณและครอบครัวจะเป็นทั้ง สองว่าคุณใกล้จะสิ้นชีวิตไปแล้ว โจบอกว่า มันช่วงจากสี่ดอลลาร์ไปหลายร้อยแม้หลายพันดอลลาร์ แต่เขากล่าวว่า คนไทยที่ยากจนมาก ว่าแม้ห้าดอลลาร์เป็นเงินจำนวนมากเพื่อให้ในงานวันเดียว ชาวพุทธเชื่อในการเผาศพ ตัวอย่างนี้ว่า โจ กล่าวคือเมื่อคุณย่าตายพวกเขาเผาร่างของเธอแล้วแบ่งซากขี้เถ้าของเธอสู่ลูกหลานได้ พวกนั้นทำอะไรกับเถ้ากระดูกของเธอที่พวกเขาต้องการ

ความเชื่อเพื่อความสะดวกสบายและความเจ็บปวด :

โจ ความเชื่อคือว่าถ้าคนที่เสียชีวิตเป็นคนดีตลอดของอายุการใช้งานนั้นจะต้องเป็นสถานที่ที่สะดวกสบายและมีความสุขวัฒนธรรมโจได้เป็นระบบคุณธรรม ซึ่งช่วยให้พวกเขาสูญเสียหรือคะแนนบุญเพิ่ม โจใช้ตัวอย่างจากกองทราย ถ้าคุณทำสิ่งที่ดีตลอดชีวิตของคุณ แล้วกองทรายก็จะใหญ่ขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งไม่ดีแล้วกองของคุณจะกลายเป็นเล็ก สิ่งที่ดีคือชอบทำกับคนอื่นก็ไม่ฆ่าแม้แต่แมลง หรือสัตว์ถ้าพวกเขาคิดว่าคนๆ นั้นเป็นคนดีแล้วมันรบกวนมาก บุคคลผู้ที่ล่วงลับจะสิ้นสุดในสถานที่ที่อึดอัดหลังจากความตาย

ชีวิตหลังความตาย :

เป็นโจกล่าว พวกเขาอยู่ในระบบ " ในชีวิตปัจจุบันของพวกเขาที่พวกเขาได้รับหรือสูญเสียคะแนนความดี ตอนที่เธอตาย เธอจะเกิดใหม่เป็นอีกขึ้นอยู่กับวิธีการหลายประโยชน์คุณจะกำหนดสิ่งที่คุณจะได้กลับมาเป็น มันคือ " ขนาด " ของสัตว์ ตัวอย่างเช่น บินอยู่ในระดับต่ำสุด และสูงสุด คือ มนุษย์ ดังนั้น เป้าหมายของคุณคือกลับมาเป็นมนุษย์อีก . ฉันค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับระบบคุณธรรมนี้ ฉันไม่รู้ว่าใครเก็บติดตามของกุศลโจยืนยันว่าไม่มีใครติดตาม แต่คุณรู้ ถ้าคุณเป็นคนดีหรือไม่ โจบอกว่า ถ้าคนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้คนที่ดีและต้องการที่จะได้รับประโยชน์มากกว่าในวันปีใหม่ พวกเขาสามารถตั้งค่าฟรีสัตว์หรืออะไรประมาณนั้น

สุขภาพไม่แข็งแรงและความเศร้าโศก :

โจเชื่อว่าเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น เขาเชื่อว่าโศกสุขภาพเป็นจำใครบางคนที่จากไปที่นี่และมี ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับมันมากเกินไปแล้วที่ไม่แข็งแรง ตัวอย่างเช่น โจคิด เพื่อนที่ตาย เมื่อเขาอยู่ในโรงเรียน เขาเริ่มฝันร้าย เพราะเขาคิดถึงพวกเขามาก นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าถ้าคุณจำช่วงเวลาดีๆ กับคนๆ นั้นแล้ว นั่นคือ ความมีสุขภาพดี

ส่วนตัวและสาธารณะความเศร้าโศก :

โจเป็นสาธารณะและส่วนบุคคลความเศร้าโศกจะคล้ายกับวิธีที่ผู้ชายจากสหรัฐอเมริกา โศกเศร้า โจไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเศร้าต่อหน้าใคร แต่เมื่อเขาอยู่คนเดียวเขาจะเศร้า จะร้องไห้ พวกเขายังไม่ได้พูดถึงการเป็นห่วงใคร พวกเขาจะจดจำและบางคนพูดถึงคนคนนั้น แต่จะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ กลุ่มสนับสนุน

:

โจเชื่อว่ากลุ่มสนับสนุนจะเป็นประโยชน์มากสำหรับ Grieving กระบวนการ ที่สนับสนุนกลุ่มจะมีเวลาปล่อยออกมา และเวลาที่จะพูดเกี่ยวกับการสูญเสียของเขา โจ บอกว่า กลุ่มสนับสนุนที่จะช่วยให้ความเศร้าโศกไปโดยเร็ว

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการสัมภาษณ์ :

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการสัมภาษณ์กับโจ คือเราเป็นคล้ายกันมาก แต่แตกต่างกันมากผมสนใจมากที่สุดในระบบคุณธรรมที่พวกเขาไปโดย นี้ดูเหมือนจะผิดปกติ แต่แล้วอีกครั้งไม่ได้ ผมถูกยกขึ้นเป็นเชื้อสาย การดูแล และเป็นคนน่ารัก แต่วิธีที่ผมจะไม่ใส่ในระดับ เราแค่ต้องอยู่กับทางเรา และหวังว่าพวกเราจะได้ไปสวรรค์ มีความแตกต่างกันมาก ผู้ชายที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงอารมณ์ที่พวกเขาต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับส่วนที่เหลือของครอบครัว ฉันคิดว่างานนี้มันน่าสนใจมากที่จะฉัน ผมชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่น ๆและความเชื่อของพวกเขา นี้ทำให้ฉันตระหนักว่า เราทุกคน ไม่ว่าวัฒนธรรมหรือศาสนาที่เราจากมา ที่คล้ายกัน แต่แตกต่างกันเลย .