Oil palm (Elaeis guineensis) agricu

Oil palm (Elaeis guineensis) agriculture is rapidly expanding and requires large areasof land in the tropics to meet the global demand for palm oil products. Land coverconversion of peat swamp forest to oil palm (large- and small-scale oil palmproduction) is likely to have negative impacts on microhabitat conditions. This studyassessed the impact of peat swamp forest conversion to oil palm plantation onmicroclimate conditions and soil characteristics. The measurement of microclimate(air temperature, wind speed, light intensity and relative humidity) and soilcharacteristics (soil surface temperature, soil pH, soil moisture, and ground covervegetation temperature) were compared at a peat swamp forest, smallholdings and alarge-scale plantation. Results showed that the peat swamp forest was 1.5–2.3
Ccooler with significantly greater relative humidity, lower light intensities and windspeed compared to the smallholdings and large-scale plantations. Soil characteristicswere also significantly different between the peat swamp forest and both types of oilpalm plantations with lower soil pH, soil and ground cover vegetation surfacetemperatures and greater soil moisture in the peat swamp forest. These resultssuggest that peat swamp forests have greater ecosystem benefits compared to oil palmplantations with smallholdings agricultural approach as a promising managementpractice to improve microhabitat conditions. Our findings also justify theconservation of remaining peat swamp forest as it provides a refuge from harshmicroclimatic conditions that characterize large plantations and smallholdings.

Results (Thai) 1:

Oil palm (Elaeis guineensis) agriculture is rapidly expanding and requires large areas
of land in the tropics to meet the global demand for palm oil products. Land cover
conversion of peat swamp forest to oil palm (large- and small-scale oil palm
production) is likely to have negative impacts on microhabitat conditions. This study
assessed the impact of peat swamp forest conversion to oil palm plantation on
microclimate conditions and soil characteristics. The measurement of microclimate
(air temperature, wind speed, light intensity and relative humidity) and soil
characteristics (soil surface temperature, soil pH, soil moisture, and ground cover
vegetation temperature) were compared at a peat swamp forest, smallholdings and a
large-scale plantation. Results showed that the peat swamp forest was 1.5–2.3
C
cooler with significantly greater relative humidity, lower light intensities and wind
speed compared to the smallholdings and large-scale plantations. Soil characteristics
were also significantly different between the peat swamp forest and both types of oil
palm plantations with lower soil pH, soil and ground cover vegetation surface
temperatures and greater soil moisture in the peat swamp forest. These results
suggest that peat swamp forests have greater ecosystem benefits compared to oil palm
plantations with smallholdings agricultural approach as a promising management
practice to improve microhabitat conditions. Our findings also justify the
การอนุรักษ์ป่าพรุที่เหลือพรุที่จะให้ที่หลบภัยจากรุนแรง
เงื่อนไข microclimatic ที่เป็นลักษณะสวนขนาดใหญ่และ smallholdings

Results (Thai) 2:

น้ำมันปาล์ม (Elaeis guineensis) การเกษตรมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่
ของที่ดินในเขตร้อนเพื่อตอบสนองความต้องการระดับโลกสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ฝาครอบที่ดิน
การเปลี่ยนแปลงของป่าพรุพรุน้ำมันปาล์ม (ปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
อาจมีผลกระทบเชิงลบต่อสภาวะที่อยู่อาศัยของจุลภาค การศึกษานี้
ประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงป่าพรุพรุเป็นฟาร์มปาล์มน้ำมันบน
สภาพอากาศจุลภาคและลักษณะของดิน การวัดสภาพภูมิอากาศ
(อุณหภูมิอากาศ, ความเร็วลม, เข้มแสงและความชื้นสัมพัทธ์) และดิน
ลักษณะ (อุณหภูมิพื้นผิวดิน, ค่า pH ของดิน, ความชื้นของดินและปกพื้นดิน
อุณหภูมิพืช) ถูกเปรียบเทียบกับป่าพรุพรุ
การเพาะปลูกขนาดใหญ่ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าป่าพรุพรุคือ1.5 – 2.3 C
เย็นที่มีความชื้นสัมพัทธ์มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญลดความเข้มของแสงและลม
ความเร็วเมื่อเทียบกับขนาดเล็กและสวนใหญ่ ลักษณะของดิน
มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างป่าพรุพรุและน้ำมันทั้งสองชนิด
สวนปาล์มที่มีพื้นดินต่ำกว่า pH ดินและพื้นผิวพืชที่ครอบคลุม
อุณหภูมิและความชื้นในดินมากขึ้นในป่าพรุพรุ ผลลัพธ์เหล่านี้
แนะนำว่าป่าพรุพรุมีประโยชน์ของระบบนิเวศมากขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำมันปาล์ม
ที่มีแนวทางการเกษตรที่มีแนวโน้ม
เพื่อปรับปรุงสภาวะที่อยู่อาศัย ผลการวิจัยของเรายัง
การอนุรักษ์ป่าพรุพรุที่เหลืออยู่ในขณะที่มันให้ที่หลบภัยจากความรุนแรง
สภาพภูมิอากาศที่กำหนดลักษณะของสวนขนาดใหญ่และการย่อย.

Results (Thai) 3:

การพัฒนาการเกษตรของปาล์มน้ำมันอย่างรวดเร็วและต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่
เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมัน ที่ดิน
การเปลี่ยนแปลงของป่าพรุในปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
การผลิตอาจมีผลกระทบเชิงลบต่อสภาพจุลินทรีย์ การวิจัยครั้งนี้
อิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงของป่าพรุปาล์มน้ำมันต่อการชะล้างพังทลายของดิน
สภาพภูมิอากาศและคุณสมบัติของดิน การวัดภูมิอากาศขนาดเล็ก
อุณหภูมิความเร็วลมความเข้มแสงและความชื้นสัมพัทธ์และดิน
อุณหภูมิพื้นผิวดินค่าพีเอชความชื้นของดินและความคุ้มครองผิวดิน
ในป่าพรุและฟาร์มเล็กๆและ
การปลูกพืชขนาดใหญ่ ผลการศึกษาพบว่าอุณหภูมิของป่าพรุเป็น 1.5-2.3c
เย็นที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูงความเข้มแสงต่ำและลมแรง
ความเร็วเมื่อเทียบกับฟาร์มขนาดเล็กและขนาดใหญ่ คุณสมบัติของดิน
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่างป่าพรุและสองประเภทของน้ำมัน
การปลูกปาล์มดินและพืชผักคลุมดิน
อุณหภูมิและความชื้นของดินที่สูงขึ้น ผลลัพธ์เหล่านี้
มันแสดงให้เห็นว่าพีทมาร์ชป่าได้ประโยชน์ทางนิเวศวิทยามากกว่าปาล์มน้ำมัน
การปลูกพืชขนาดเล็ก
การปฏิบัติของการปรับปรุงสภาพจุลินทรีย์ การค้นพบของเรายังพิสูจน์
อนุรักษ์ป่าพรุที่เหลือเพราะมันมีที่หลบภัยจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
สภาพภูมิอากาศขนาดเล็กที่มีขนาดใหญ่และฟาร์มขนาดเล็ก