Prior research documented that SMEs

Prior research documented that SMEs play a significant role in the economy of a country. Consequently, the
performance of the SME sector is closely associated with the performance of the nation. In Thailand, SMEs
account for a large proportion of the total establishments in the various sectors. In the manufacturing sector, for
instance, SMEs comprise 93.8 percent of all establishments. Moreover, of the total number of SMEs, small
enterprises comprise 76.0 percent, while medium companies account for 17.8 percent of all manufacturing
establishments. Meanwhile, the estimated that 90 percent of all manufacturing establishments were SMEs,
employing some 868,000 workers or 38.9 percent of the total. Previous studies dealing with the conditions of
successful business have focused on large companies rather than SMEs. However, changes in the environment
cause more uncertainty in SMEs than in large companies. Their resources for acquiring information about the
market and changing the course of the enterprise are more limited. The response to environmental changes is
different in SMEs than in large companies. Large firms may even exit from one of its business areas, but this is
not usually possible in a single-business firm. The options for responding are limited by the firms’ resources and
strategic choices as well as by the opportunities offered by the industry and location. Those ways may also differ
between the development stages of the firm. SMEs have long been believed to be important in supporting
economics development within a country (Mazzarol, Volery, Doss, & Thein, 1999). One of the important roles
of SMEs in this context includes poverty alleviation through job creation. Thai SMEs are increasingly seen as
creator of new jobs (Swierczek & Ha, 2003) and Vietnamese SMEs employ 64% of industrial workforce. SMEs
in Thailand play an important role in the country’s economic development. According to statistics provided by
NSO (2007), SMEs accounted for 76.1% per cent of all establishments in the manufacturing sector in the year
2007. The largest concentration, by number, of SMEs in Thailand is in the food and beverage sector, textiles,
wearing apparel, and wood and wood products (NSO, 2007).

Results (Thai) 1:

งานวิจัยก่อนหน้านี้จัดว่า SMEs มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การประสิทธิภาพของภาค SME จะสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประสิทธิภาพของประเทศ ในประเทศไทย SMEsบัญชีสำหรับสัดส่วนใหญ่ของสถานประกอบการทั้งหมดในภาคต่าง ๆ ในภาคการผลิต การอินสแตนซ์ SMEs ประกอบด้วยร้อยละ 93.8 ของสถานประกอบการทั้งหมด นอกจากนี้ จำนวนรวมของ SMEs ขนาดเล็กร้อยละ 76.0 ในขณะที่บัญชีบริษัทขนาดกลางร้อยละ 17.8 ของผลิตทั้งหมดประกอบด้วยวิสาหกิจสถานประกอบการ ในขณะเดียวกัน ประเมินว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของสถานประกอบการผลิตทั้งหมดมี SMEsใช้บาง 868,000 คนหรือร้อยละ 38.9 ของผลรวม การศึกษาก่อนหน้านี้กับสภาพของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้เน้นบริษัทขนาดใหญ่แทนที่เป็น SMEs อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากกว่าใน SMEs กว่าบริษัทขนาดใหญ่ ทรัพยากรของพวกเขาเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดและการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรขององค์กรถูกจำกัดมากขึ้น ผลตอบรับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมแตกต่างใน SMEs กว่าบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทขนาดใหญ่อาจจะออกจากพื้นที่ธุรกิจของ แต่นี้เป็นไม่ปกติเป็นไปได้ในบริษัทธุรกิจเดียวกัน ตัวเลือกสำหรับการตอบสนองจะถูกจำกัด โดยทรัพยากรของบริษัท และทางเลือกเชิงกลยุทธ์โดยเป็นโอกาสเสนอ โดยอุตสาหกรรมและที่ตั้ง นอกจากนี้วิธีดังกล่าวอาจแตกต่างกันระหว่างขั้นตอนการพัฒนาของบริษัท Sme มียาวถูกเชื่อว่ามีความสำคัญในการสนับสนุนพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ (Mazzarol, Volery, Doss และ Thein, 1999) บทบาทสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งของ SMEs ในบริบทนี้รวมถึงการบรรเทาความยากจน โดยการสร้างงาน SMEs ไทยจะเห็นเป็นมากขึ้นผู้สร้างงานใหม่ (Swierczek & ฮา 2003) และ SMEs ที่เวียดนามใช้ 64% ของแรงงานอุตสาหกรรม Smeในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามสถิติโดยNSO (2007) SMEs บัญชีสำหรับ 76.1% ร้อยละของสถานประกอบการทั้งหมดในภาคการผลิตในปี2007.เข้มข้นมากที่สุด ตาม SMEs ในประเทศไทยอยู่ในอาหาร และเครื่องดื่มภาค สิ่งทอเครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์ไม้ และไม้ (NSO, 2007)

Results (Thai) 2:

การวิจัยก่อนที่เอกสารประกอบการ SMEs ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น
ผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจ SME ที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการปฏิบัติงานของชาติ ในประเทศไทยผู้ประกอบการ SMEs
คิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ของสถานประกอบการทั้งหมดในภาคต่างๆ ในภาคการผลิตสำหรับ
ตัวอย่างเช่นผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงร้อยละ 93.8 ของสถานประกอบการทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็ก
ประกอบด้วยผู้ประกอบการร้อยละ 76.0 ในขณะที่ บริษัท ขนาดกลางร้อยละ 17.8 ของการผลิตทุก
สถานประกอบการ ในขณะที่การคาดการณ์ว่าร้อยละ 90 ของสถานประกอบการผลิตทุกคน SMEs,
การจ้างงาน 868,000 คนงานบางคนหรือร้อยละ 38.9 ของจำนวนทั้งหมด การศึกษาก่อนหน้าการจัดการกับเงื่อนไขของ
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีความสำคัญกับ บริษัท ขนาดใหญ่มากกว่าผู้ประกอบการ SMEs อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่
ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้นในการประกอบการ SMEs กว่าใน บริษัท ขนาดใหญ่ ทรัพยากรของพวกเขาสำหรับการรับข้อมูลเกี่ยวกับการ
ตลาดและการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรขององค์กรที่มี จำกัด มากขึ้น การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม
ที่แตกต่างกันในผู้ประกอบการ SMEs กว่าใน บริษัท ขนาดใหญ่ บริษัท ขนาดใหญ่อาจแม้แต่การออกจากหนึ่งในพื้นที่ที่ธุรกิจของ บริษัท แต่นี้
มักจะไม่เป็นไปได้ใน บริษัท เดียวธุรกิจ ตัวเลือกสำหรับการตอบสนองจะถูก จำกัด โดย บริษัท ทรัพยากรและ
ทางเลือกเชิงกลยุทธ์เช่นเดียวกับโอกาสที่นำเสนอโดยอุตสาหกรรมและที่ตั้ง วิธีการเหล่านั้นยังอาจแตกต่างกัน
ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาของ บริษัท ผู้ประกอบการ SMEs มีมานานแล้วเชื่อว่าจะมีความสำคัญในการสนับสนุน
การพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ (Mazzarol, Volery นอนและเต็ง, 1999) หนึ่งในบทบาทที่สำคัญ
ของ SMEs ในบริบทนี้รวมถึงการบรรเทาความยากจนผ่านการสร้างงาน SMEs ไทยจะเห็นมากขึ้นเป็น
ผู้สร้างงานใหม่ (Swierczek และฮา 2003) และผู้ประกอบการ SMEs เวียดนามจ้าง 64% ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ SMEs
ในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามสถิติที่จัดไว้ให้โดย
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2007) ผู้ประกอบการ SMEs คิดเป็น 76.1% ร้อยละของสถานประกอบการทั้งหมดในภาคการผลิตในปี
2007 เข้มข้นที่ใหญ่ที่สุดโดยจำนวนของผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยอยู่ในอาหารและเครื่องดื่ม, สิ่งทอ,
เครื่องแต่งกายและผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ (สสช. 2007)

Results (Thai) 3:

ก่อนการวิจัยเอกสารที่ SMEs มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดย
ประสิทธิภาพของภาค SME เป็นอย่างใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของประเทศ ในไทย , บัญชี SMEs
สำหรับสัดส่วนขนาดใหญ่ของสถานประกอบการทั้งหมด ในภาคต่าง ๆ ในภาคการผลิต สำหรับ
ตัวอย่าง SMEs ประกอบด้วยร้อยละ 93.8 ของสถานประกอบการ . นอกจากนี้ของจำนวนของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดเล็ก
ประกอบด้วย 76.0 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่บัญชี บริษัท ขนาดกลาง ร้อยละ 17.8 ของสถานประกอบการผลิต
ทั้งหมด ทั้งนี้ ประมาณการว่าร้อยละ 90 ของสถานประกอบการผลิตทั้งหมดเป็น SMEs
พนักงานบาง 868000 , คนงานหรือ 38.9 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด การศึกษาก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของ
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องเน้น บริษัท ที่มีขนาดใหญ่มากกว่า SMEs อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนใน SMEs
มากกว่าใน บริษัท ขนาดใหญ่ ทรัพยากรของพวกเขาสำหรับการรับข้อมูลเกี่ยวกับ
ตลาดและการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรขององค์กรจะถูก จำกัด มากขึ้น เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
แตกต่างกันใน SMEs กว่าใน บริษัท ขนาดใหญ่บริษัทขนาดใหญ่อาจจะออกจากพื้นที่ของธุรกิจ แต่นี้
ไม่มักจะสามารถใน บริษัท ธุรกิจเดียว ตัวเลือกสำหรับการตอบสนองจะถูก จำกัด โดย บริษัท ทรัพยากรและ
ทางเลือกเชิงกลยุทธ์เช่นเดียวกับโอกาสที่นำเสนอโดยอุตสาหกรรมและสถานที่ตั้ง วิธีเหล่านี้อาจแตกต่างกัน
ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาของบริษัทSMEs มานาน เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน ประเทศ ( mazzarol volery doss , , , &เต็ง , 1999 ) หนึ่งในบทบาทสำคัญของ SMEs ในบริบทนี้รวมถึง
ความยากจนผ่านการสร้างงาน SMEs ไทยจะเห็นมากขึ้นเป็น
ผู้สร้างงานใหม่ ( swierczek &ฮา , 2003 ) และผู้ประกอบการเวียดนามจ้าง 64 % ของแรงงานในอุตสาหกรรม SMEs
ไทยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามสถิติโดย
N ( 2007 ) , SMEs คิดเป็น 76.1 % ร้อยละของสถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรมในปี
2007 ที่ใหญ่ที่สุดของความเข้มข้นโดยจำนวนของธุรกิจ SMEs ในประเทศไทย คือ ในภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสิ่งทอ
เสื้อผ้าและไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ( N , 2007 )