.I think we all realize that the da

.I think we all realize that the day has come when Democracy is being put upon its final test. The Old World is just now suffering from a wanton rejection of the principle of democracy and a substitution of the principle of autocracy as asserted in the name, but without the authority and sanction, of the multitude. This is the time of all others when Democracy should prove its purity and its spiritual power to prevail. It is surely the manifest destiny of the United States to lead in the attempt to make this spirit prevail.

This was the only time a president had used the phrase "manifest destiny" in his annual address. Wilson's version of manifest destiny was a rejection of expansionism and an endorsement (in principle) of self-determination, emphasizing that the United States had a mission to be a world leader for the cause of democracy. This U.S. vision of itself as the leader of the "Free World" would grow stronger in the 20th century after World War II, although rarely would it be described as "manifest destiny", as Wilson had done.[78]

"Manifest Destiny" is sometimes used by critics of U.S. foreign policy to characterize interventions in the Middle East and elsewhere. In this usage, "manifest destiny" is interpreted as the underlying cause of what is denounced by some as "American imperialism". The positive phrasing is "nation building", and State Department official Karin Von Hippel notes that the U.S. has, "been involved in nation-building and promoting democracy since the middle of the nineteenth century and 'Manifest Destiny'."[79]

The legacy is a complex one. The belief in an American mission to promote and defend democracy throughout the world, as expounded by Thomas Jefferson and his "Empire of Liberty", and by Abraham Lincoln, Woodrow Wilson and George W. Bush,[80] continues to have an influence on American political ideology.[81][82] Bush looked at the American success after 1945 in imposing democracy in Japan as a model. Under Douglas MacArthur, the Americans "were imbued with a sense of manifest destiny" says historian John Dower

Results (Thai) 1:

.ผมคิดว่า เราทุกคนตระหนักดีว่า วันที่ได้มาเมื่อประชาธิปไตยเป็นการย้ายตามการทดสอบขั้นสุดท้าย โลกเก่าเป็นความทุกข์ทรมานจากการปฏิเสธหลักการของประชาธิปไตยและทดแทนหลักการของ autocracy เป็นคนชื่อ แต่ไม่ มีอำนาจและถูกลงโทษ ของฝูง wanton เมื่อกี้นี้ นี่คือเวลาเหลือทั้งหมดเมื่อประชาธิปไตยควรพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพลังของจิตวิญญาณเหนือชั้น ย่อมเป็นลิขิตของสหรัฐอเมริกาผู้นำในความพยายามที่จะทำให้วิญญาณนี้เหนือกว่านี้เป็นครั้งเดียวที่เป็นประธานาธิบดีได้ใช้วลี "ลิขิต" ในที่อยู่ของเขาประจำปี รุ่นของ Wilson ลิขิตถูกปฏิเสธ expansionism และการสลักหลัง (เป็นหลัก) ของตนเอง เน้นว่า สหรัฐอเมริกามีพันธกิจที่จะเป็นผู้นำโลกในประชาธิปไตย วิสัยทัศน์ของสหรัฐอเมริกานี้เองเป็นผู้นำของ "โลกเสรี" จะเติบโตแข็งแกร่งในศตวรรษ 20 หลังจากสงครามโลก แต่ไม่ค่อยที่จะอธิบายไว้เป็น "ลิขิต" เป็น Wilson ได้ทำ[78]บางครั้ง "ลิขิต" ถูกใช้ โดยนักวิจารณ์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาต้องกำหนดลักษณะงาน ในตะวันออกกลาง และอื่น ๆ ในการใช้นี้ "ลิขิต" จะถูกแปลงเป็นสาเหตุของอะไรถูกประณามโดยบางส่วนเป็น "ลัทธิจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกา" ใช้วลีที่บวกคือ "ประเทศก่อ สร้าง" และกระทรวงทางคารินฟอน Hippel หมายเหตุที่มีสหรัฐอเมริกา "การเกี่ยวข้องกับการ สร้างชาติ และการส่งเสริมประชาธิปไตยตั้งแต่กลางศตวรรษและ 'ลิขิต' "[79]มรดกหนึ่งที่ซับซ้อนได้ ความเชื่อในมิชชั่นอเมริกันส่งเสริม และปกป้องประชาธิปไตยทั่วโลก เป็น expounded โดย Thomas Jefferson และเขา "จักรวรรดิเสรีภาพ" และอับราฮัมลิงคอล์น Woodrow Wilson และจอร์จ W. บุช, [80] ยังมีผลต่อในอุดมการณ์ทางการเมืองที่อเมริกา[81][82] บุชมองความสำเร็จอเมริกันหลัง 1945 ในสถานะประชาธิปไตยในญี่ปุ่นเป็นแบบ ภายใต้ดักลาสแมกอาเธอร์ ชาวอเมริกัน "ที่โชกโชนของลิขิต" กล่าวว่า นักประวัติศาสตร์จอห์น Dower

Results (Thai) 2:

หญิงคิดว่าเราทุกคนตระหนักดีว่าวันที่มีมาเมื่อประชาธิปไตยจะถูกวางอยู่บนการทดสอบครั้งสุดท้าย โลกเก่าเป็นเพียงแค่ตอนนี้ความทุกข์ทรมานจากการปฏิเสธกามของหลักการของประชาธิปไตยและการทดแทนของหลักการของระบอบเผด็จการเป็นถูกกล่าวหาในชื่อ แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่และการลงโทษของฝูงชน นี่คือเวลาของคนอื่น ๆ ทั้งหมดเมื่อประชาธิปไตยควรพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพลังทางจิตวิญญาณของมันที่จะชนะ เป็นแน่นอนเห็นชะตากรรมของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในความพยายามที่จะทำให้จิตวิญญาณนี้เหนือกว่า. นี้เป็นครั้งเดียวที่ประธานได้ใช้วลีที่ว่า "เห็นชะตากรรม" ที่อยู่ในประจำปีของเขา รุ่นของวิลสันของโชคชะตาอย่างชัดแจ้งคือการปฏิเสธการขยายตัวและการรับรอง (ในหลักการ) ของตัวเองมุ่งมั่นเน้นว่าสหรัฐฯมีภารกิจที่จะเป็นผู้นำระดับโลกสำหรับสาเหตุของการปกครองระบอบประชาธิปไตย นี้วิสัยทัศน์ของเราเองในฐานะผู้นำของ "โลกเสรี" จะเติบโตมากขึ้นในศตวรรษที่ 20 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยได้รับการอธิบายว่า "เห็นชะตากรรม" ในขณะที่วิลสันได้ทำ. [78] "เห็นชะตากรรม" บางครั้งจะใช้โดยนักวิจารณ์ของนโยบายต่างประเทศที่จะแสดงลักษณะการแทรกแซงในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ ในการใช้งานนี้ "เห็นชะตากรรม" จะถูกตีความว่าเป็นสาเหตุของสิ่งที่ถูกประณามโดยบางส่วนเป็น "ลัทธิจักรวรรดินิยมอเมริกัน" ถ้อยคำในเชิงบวกคือ "สร้างชาติ" และกระทรวงการต่างประเทศอย่างเป็นทางการ Karin วอนฮิพเพลตั้งข้อสังเกตว่าสหรัฐได้ "ส่วนร่วมในการสร้างชาติและส่งเสริมประชาธิปไตยตั้งแต่กลางศตวรรษที่สิบเก้าและ 'เห็นชะตากรรม'." [79] มรดกเป็นหนึ่งที่ซับซ้อน ความเชื่อในภารกิจของชาวอเมริกันในการส่งเสริมและปกป้องประชาธิปไตยทั่วโลกขณะที่ภายในบ้านโดยโทมัสเจฟเฟอร์สันและ "อาณาจักรแห่งเสรีภาพ" และโดยอับราฮัมลิงคอล์นวูดโรว์วิลสันและจอร์จดับเบิลยูบุช [80] ยังคงมีอิทธิพลต่อ อุดมการณ์ทางการเมืองอเมริกัน. [81] [82] บุชมองไปที่ความสำเร็จอเมริกันหลังจากที่ 1945 ในการจัดเก็บภาษีการปกครองระบอบประชาธิปไตยในประเทศญี่ปุ่นเป็นแบบอย่าง ภายใต้ Douglas MacArthur ชาวอเมริกัน "ถูกตื้นตันใจกับความรู้สึกของความเห็นชะตากรรม" ประวัติศาสตร์จอห์นกล่าวว่าสามี

Results (Thai) 3:

ฉันคิดว่าเราทั้งหมดทราบว่า สักวันหนึ่งเมื่อประชาธิปไตยถูกใส่เมื่อการทดสอบสุดท้าย โลกเก่าเป็นเพียงตอนนี้ ทุกข์จากการป่าเถื่อนของหลักการของประชาธิปไตยและการใช้หลักการของเผด็จการ ยืนยันว่าในชื่อ แต่ไม่มีอำนาจ และการสนับสนุนของประชาชนนี่คือเวลาของผู้อื่นเมื่อประชาธิปไตยควรพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และพลังทางจิตวิญญาณ เหนือกว่า มันย่อมเป็นประจักษ์ของสหรัฐอเมริกาที่จะนำในความพยายามที่จะทำให้วิญญาณนี้ชนะ

นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีได้ใช้วลี " เทพลิขิต " ที่อยู่ประจำปีของเขาวิลสันรุ่นของเทพลิขิตได้รับการปฏิเสธ expansionism และรับรอง ( ในหลักการในการเน้นว่าสหรัฐมีพันธกิจที่จะเป็นผู้นำโลกสำหรับสาเหตุของประชาธิปไตย สหรัฐอเมริกานี้วิสัยทัศน์ของตัวเองในฐานะผู้นำของโลก " ฟรี " จะเติบโตแข็งแกร่งในศตวรรษที่ 20 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองแม้ว่าแทบจะอธิบายเป็น " เทพลิขิต " เช่นวิลสันทำ [ 78 ]

" เทพลิขิต " บางครั้งใช้โดยนักวิจารณ์ของสหรัฐอเมริกานโยบายต่างประเทศในลักษณะของการแทรกแซงในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ ในการใช้นี้ " เทพลิขิต " ถูกตีความว่าเป็นสาเหตุของสิ่งที่ถูกกล่าวหาโดยบางส่วนเป็น " จักรวรรดินิยม " อเมริกัน มีเนื้อเพลงบวก " สร้างชาติ "และฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐคารินฟอน hippel บันทึกที่สหรัฐมี " มีส่วนร่วมในการสร้างชาติ และการส่งเสริมประชาธิปไตย ตั้งแต่กลางศตวรรษที่สิบเก้าและ ' เทพลิขิต " [ 79 ]

มรดกเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ความเชื่อในภารกิจอเมริกันเพื่อส่งเสริมและปกป้องประชาธิปไตย ทั่วโลก ทุก โดย โธมัส เจฟเฟอร์สัน และอาณาจักรของเขา " เสรีภาพ "โดย อับราฮัม ลินคอล์น วูดโรว์ วิลสัน และ จอร์จ ดับเบิลยู บุช [ 80 ] ยังคงมีอิทธิพลต่ออุดมการณ์การเมืองอเมริกัน [ 81 ] [ 82 ] บุชมองความสำเร็จของชาวอเมริกันหลังประชาธิปไตยในประเทศญี่ปุ่นในการเป็นนางแบบ ภายใต้ ดักลาส แมคอาเธอร์ ชาวอเมริกัน " เต็มไปด้วยความรู้สึกของเทพลิขิต " นักประวัติศาสตร์จอห์นสินเดิมของฝ่ายหญิงกล่าวว่า