Each firm makes independent decisio

Each firm makes independent decisions about price and output, based on its product, its market, and its costs of production.

Knowledge is widely spread between participants, but it is unlikely to be perfect. For example, diners can review all the menus available from restaurants in a town, before they make their choice. Once inside the restaurant, they can view the menu again, before ordering. However, they cannot fully appreciate the restaurant or the meal until after they have dined.

The entrepreneur has a more significant role than in firms that are perfectly competitive because of the increased risks associated with decision making.

There is freedom to enter or leave the market, as there are no major barriers to entry or exit.

A central feature of monopolistic competition is that products are differentiated. There are four main types of differentiation:
Physical product differentiation, where firms use size, design, colour, shape, performance, and features to make their products different. For example, consumer electronics can easily be physically differentiated.

Marketing differentiation, where firms try to differentiate their product by distinctive packaging and other promotional techniques. For example, breakfast cereals can easily be differentiated through packaging.

Human capital differentiation, where the firm creates differences through the skill of its employees, the level of training received, distinctive uniforms, and so on.

Differentiation through distribution, including distribution via mail order or through internet shopping, such as Amazon.com, which differentiates itself from traditional bookstores by selling online.

Firms are price makers and are faced with a downward sloping demand curve. Because each firm makes a unique product, it can charge a higher or lower price than its rivals. The firm can set its own price and does not have to ‘take' it from the industry as a whole, though the industry price may be a guideline, or becomes a constraint. This also means that the demand curve will slope downwards.

Firms operating under monopolistic competition usually have to engage in advertising. Firms are often in fierce competition with other (local) firms offering a similar product or service, and may need to advertise on a local basis, to let customers know their differences. Common methods of advertising for these firms are through local press and radio, local cinema, posters, leaflets and special promotions.

Monopolistically competitive firms are assumed to be profit maximisers because firms tend to be small with entrepreneurs actively involved in managing the business.

There are usually a large numbers of independent firms competing in the market.

Results (Thai) 1:

แต่ละบริษัทให้อิสระการตัดสินใจเกี่ยวกับราคาและผลผลิต ผลิตภัณฑ์ของ ตลาดของ และต้นทุนการผลิตอย่างกว้างขวางมีแพร่กระจายความรู้ระหว่างผู้เข้าร่วม แต่ก็ไม่น่าจะเหมาะ ตัวอย่าง ไดเนอร์สคลับสามารถดูเมนูทั้งหมดพร้อมใช้งานจากในเมือง ก่อนที่พวกเขาทำทางของพวกเขา เมื่อภายในร้าน พวกเขาสามารถดูเมนูอีก ก่อนสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ชื่นชมร้านอาหารหรืออาหารจนกว่าหลังจากที่พวกเขาร้านผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญมากขึ้นกว่าในบริษัทที่แข่งขันอย่างสมบูรณ์เนื่องจาก มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจมีอิสระในการป้อน หรือออกจากตลาด มีอุปสรรคไม่สำคัญรายการหรือออกห้องแข่งขัน monopolistic ได้ว่า ผลิตภัณฑ์จะแตกต่างกัน มีสี่ประเภทหลักของการสร้างความแตกต่าง:ทางกายภาพแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ที่บริษัทใช้ขนาด ออกแบบ สี รูปร่าง ประสิทธิภาพ และลักษณะการทำงานเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนแตกต่างกัน ตัวอย่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถได้จริงแยกแยะการตลาดสร้างความแตกต่าง ซึ่งบริษัทพยายามที่จะแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและเทคนิคการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ตัวอย่าง อาหารเช้าธัญพืชสามารถได้แยกแยะผ่านบรรจุภัณฑ์มนุษย์ทุนสร้างความแตกต่าง ที่บริษัทสร้างความแตกต่างทางทักษะของพนักงาน ระดับของการฝึกอบรมที่ได้รับ เครื่องแบบโดดเด่น และอื่น ๆสร้างความแตกต่างการ กระจาย รวมทั้งการกระจายผ่านจดหมายสั่ง หรือซื้อ ขายทางอินเทอร์เน็ต เช่น Amazon.com ซึ่งแตกต่างจากแบบดั้งเดิมยังขายออนไลน์ บริษัทเป็นผู้กำหนดราคา และต้องเผชิญกับเส้นอุปสงค์ลาดลง เนื่องจากแต่ละบริษัทจะทำให้เฉพาะผลิตภัณฑ์ มันสามารถคิดราคาที่สูง หรือต่ำกว่าคู่แข่งของ บริษัทสามารถตั้งราคาเอง และไม่ได้ไป ''จากอุตสาหกรรมทั้งหมด แม้ว่าราคาอุตสาหกรรมอาจเป็นแนวทาง หรือกลายเป็น ข้อจำกัด ยังนี้หมายความ ว่า เส้นอุปสงค์จะลาดลงไปด้านล่างบริษัทที่ดำเนินงานภายใต้การแข่งขัน monopolistic มักจะต้องมีส่วนร่วมในการโฆษณา บริษัทมักแข่งขันรุนแรงกับบริษัทอื่น ๆ (ท้องถิ่น) ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คล้ายกัน และอาจจำเป็นต้องโฆษณาในท้องถิ่น เพื่อให้ทราบความแตกต่างของลูกค้า วิธีโฆษณาสำหรับบริษัทเหล่านี้จะผ่านข่าวท้องถิ่น และวิทยุ ภาพยนตร์ท้องถิ่น โปสเตอร์ แผ่นพับ และโปรโมชั่นพิเศษบริษัทเพแข่งขันจะถือว่าเป็น กำไร maximisers เพราะบริษัทมีแนวโน้มที่จะ มีผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องอย่างแข็งขันในการจัดการธุรกิจขนาดเล็กมักจะมีจำนวนมากของบริษัทขึ้นอยู่กับการแข่งขันในตลาด

Results (Thai) 2:

แต่ละ บริษัท ที่เป็นอิสระทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับราคาและการส่งออกขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ของตนในตลาดและค่าใช้จ่ายของการผลิต. ความรู้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางระหว่างผู้เข้าร่วม แต่มันไม่น่าจะเป็นที่สมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเช่นไดเนอร์สสามารถตรวจสอบเมนูทั้งหมดที่มีอยู่จากร้านอาหารในเมืองก่อนที่พวกเขาทำให้พวกเขาเลือก เมื่อเข้าไปในร้านอาหารที่พวกเขาสามารถดูเมนูอีกครั้งก่อนที่จะสั่งซื้อ แต่พวกเขาไม่สามารถอย่างเต็มที่ขอบคุณร้านอาหารหรืออาหารจนกว่าจะได้กินอาหารได้. ผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นกว่าใน บริษัท ที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบเพราะความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ. มีอิสระในการเข้าหรือออกจากตลาดเป็น ในขณะที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญในการเข้าหรือออก. คุณลักษณะที่สำคัญของการแข่งขันผูกขาดคือว่าผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่าง มีสี่ประเภทหลักของความแตกต่างคือความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ทางกายภาพที่ บริษัท ใช้ขนาดการออกแบบสีรูปร่างประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคสามารถมีความแตกต่างทางร่างกาย. ความแตกต่างของการตลาดที่ บริษัท พยายามที่จะแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ของพวกเขาโดยบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและเทคนิคการส่งเสริมการขายอื่น ยกตัวอย่างเช่นอาหารเช้าซีเรียลสามารถจะมีความแตกต่างผ่านบรรจุภัณฑ์. ความแตกต่างของทุนมนุษย์ที่ บริษัท สร้างความแตกต่างผ่านทักษะของพนักงานระดับของการฝึกอบรมที่ได้รับการแต่งกายที่โดดเด่นและอื่น ๆ . ความแตกต่างผ่านการจำหน่ายรวมถึงการกระจายผ่านทางสั่งซื้อทางไปรษณีย์ หรือผ่านร้านอินเทอร์เน็ตเช่น Amazon.com ซึ่งแตกต่างจากร้านหนังสือแบบดั้งเดิมโดยการขายออนไลน์. บริษัท ผู้ผลิตที่มีราคาและจะต้องเผชิญกับเส้นโค้งลาดลงความต้องการ เพราะแต่ละ บริษัท ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็สามารถคิดค่าบริการในราคาที่สูงหรือต่ำกว่าคู่แข่ง บริษัท สามารถกำหนดราคาของตัวเองและไม่ได้มีการ 'ใช้' ได้จากอุตสาหกรรมโดยรวมแม้ว่าราคาอุตสาหกรรมอาจจะเป็นแนวทางหรือจะกลายเป็นข้อ จำกัด นอกจากนี้ยังหมายความว่าเส้นอุปสงค์จะลงลาด. บริษัท ที่ปรึกษาในการดำเนินงานภายใต้การแข่งขันผูกขาดมักจะมีการมีส่วนร่วมในการโฆษณา บริษัท มักจะอยู่ในการแข่งขันที่รุนแรงกับคนอื่น ๆ (ท้องถิ่น) บริษัท ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันหรือบริการและอาจจำเป็นต้องโฆษณาในชีวิตประจำท้องถิ่นเพื่อให้ลูกค้าทราบความแตกต่างของพวกเขา วิธีการทั่วไปของการโฆษณาสำหรับ บริษัท เหล่านี้จะผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและวิทยุโรงภาพยนตร์ท้องถิ่นโปสเตอร์แผ่นพับและโปรโมชั่นพิเศษ. Monopolistically บริษัท การแข่งขันจะถือว่าเป็นกำไร maximisers เพราะ บริษัท มีแนวโน้มที่จะมีขนาดเล็กกับผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการธุรกิจ. มี มักจะเป็นจำนวนมากของ บริษัท ที่เป็นอิสระในการแข่งขันในตลาด

Results (Thai) 3:

ของแต่ละบริษัทให้อิสระตัดสินใจเรื่องราคาและผลผลิต ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ ของตลาด และต้นทุนการผลิต

ความรู้มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางระหว่างผู้เข้าร่วม แต่มันยากที่จะสมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น , ไดเนอร์สสามารถทบทวน ทุกเมนูของร้านอาหารในเมือง ก่อนที่พวกเขาให้ทางเลือกของพวกเขา เมื่อเข้าไปในร้าน พวกเขาสามารถดูเมนูอีกครั้ง ก่อนการสั่งซื้ออย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถชื่นชมร้านอาหารหรืออาหารจนกระทั่งหลังจากที่พวกเขาทานอาหารเย็น

ผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญยิ่ง กว่า ใน บริษัท ที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์เพราะการเพิ่มความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ

มีเสรีภาพในการเข้าหรือออกจากตลาด เนื่องจากไม่มีอุปสรรคหลักของรายการ หรือ

ออก .คุณลักษณะกลางของการแข่งขันผูกขาดคือ ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่าง . มีสี่ประเภทหลักของความแตกต่าง :
ความแตกต่างทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ที่ บริษัท ใช้ขนาด , ออกแบบ , สี , รูปร่าง , การทำงาน , และคุณลักษณะเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของตนที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถทางร่างกายที่แตกต่าง

การตลาดความแตกต่าง ,ที่ บริษัท พยายามที่จะแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นและเทคนิคโปรโมชั่นอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น , ธัญพืชอาหารเช้าสามารถแตกต่างผ่านบรรจุภัณฑ์

ทุนมนุษย์ความแตกต่างที่บริษัทสร้างความแตกต่างผ่านทักษะของพนักงาน ระดับของการฝึกอบรมได้รับการแต่งกายที่โดดเด่นและอื่น ๆ .

ความแตกต่างผ่านการกระจายรวมถึงการกระจายผ่านทางอีเมลหรือผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพื่อช้อปปิ้ง เช่น Amazon.com , ซึ่งแตกต่างจากแบบดั้งเดิมโดยการขายเอง ร้านหนังสือออนไลน์

ราคาผู้ผลิตและ บริษัท จะเผชิญกับความต้องการลงลาดโค้ง เนื่องจากแต่ละ บริษัท ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ มันสามารถค่าใช้จ่ายสูงหรือต่ำกว่าราคาที่มากกว่าคู่แข่งบริษัท สามารถกำหนดราคาของตัวเองและไม่ต้อง ' ' จากอุตสาหกรรมทั้งหมด แม้ว่าราคาในอุตสาหกรรมอาจเป็นแนวทาง หรือจะกลายเป็นบังคับ นี้ยังหมายความ ว่า เส้นอุปสงค์จะลาดลง บริษัท ที่ดำเนินการภายใต้

มีการแข่งขันมักจะต้องมีส่วนร่วมในการโฆษณาบริษัท มักจะเป็นในการแข่งขันที่รุนแรงกับอื่น ๆ ( ท้องถิ่น ) บริษัทที่เสนอผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันหรือบริการ , และอาจจะต้องการที่จะโฆษณาบนพื้นฐานท้องถิ่น เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบความแตกต่างของ ทั่วไปวิธีการของการโฆษณาสำหรับ บริษัท เหล่านี้จะผ่านสื่อมวลชนท้องถิ่นและวิทยุท้องถิ่น , ภาพยนตร์ , โปสเตอร์ , ใบปลิวและโปรโมชั่นพิเศษ

บริษัท monopolistically แข่งขันจะถือว่ามี maximisers กำไรเนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะเล็กกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในการจัดการธุรกิจ

โดยปกติจะมีจำนวนมากของ บริษัท ที่เป็นอิสระในการแข่งขันของตลาด