When I met Sara Imas, I was immedia

When I met Sara Imas, I was immediately amused by her high engery level and felt that she has so much passion about life and people in Shanghai. The more I gets to know her, the more suprises I got.

Sara’s father Leiwi Imas was the President of Shanghai’s Jewish Club. In 1939, at the age of 43, to escape Adolf Hitler’s holocaust, Leiwi arrived in Shanghai among the more than 30,000 other displaced Jews that floated into the city between 1937 and 1939. With no money in pocket, he sold his only gold watch and opened a small bakery on the city’s French concession. By the 1940s he owned a dozen businesses, including two bakeries, three wine shops, a carpet shop and a truck-rental firm. In Shanghai, he married to a Polish woman and had Sara as her only daughter.

Leiwi Imas chose to stay in China when most other Jewish refugees left after World War II. At an old age, the businessman, customs officer and ex-president of the Jewish Club in Shanghai died peacefully in a downtown villa in 1962.

His daughter, Sara Imas, grew up among her Chinese peers without a Chinese passport, speaking only Mandarin with a local accent. After living through upheavals in Chinese history, including the “cultural revolution” (1966-76), and failing to find love despite three failed marriages to local men, in each of these three marriages, she had one child. With 2 teenage sons and one younger daughter, she migrated to Israel in 1991 at the age of 41 and made a living selling spring rolls.

Once there, the Jewish woman, who lacks a college degree, demonstrated an amazing ability to provide for herself and family:

She learned to speak fluent English and Hebrew, found a job in an Israeli court, sent her three children to Israeli colleges, returned to Shanghai 10 years later as the chief representative of a diamond firm to the Greater China area, and married a local government official. All of her 3 children also become very successful in life and business.

Results (Thai) 2:

เมื่อผมได้พบกับซาร่า Imas ผมขบขันทันทีโดย engery ระดับสูงของเธอและรู้สึกว่าเธอมีความรักมากเกี่ยวกับชีวิตและผู้คนในเซี่ยงไฮ้ ยิ่งผมได้รับรู้ของเธอมากขึ้น suprises ฉันได้. พ่อของซาร่า Leiwi Imas เป็นประธานของเซี่ยงไฮ้คลับชาวยิว ในปี 1939 ตอนอายุ 43 ที่จะหลบหนีหายนะอดอล์ฟฮิตเลอร์, Leiwi มาถึงในเซี่ยงไฮ้ในหมู่มากกว่า 30,000 อื่น ๆ ที่ชาวยิวพลัดถิ่นที่ลอยเข้ามาในเมืองระหว่าง 1937 และ 1939 ด้วยไม่มีเงินในกระเป๋าของเขาขายนาฬิกาของเขาเท่านั้นและทอง เปิดเบเกอรี่เล็ก ๆ บนสัมปทานฝรั่งเศสของเมือง โดยปี 1940 เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโหลเบเกอรี่รวมทั้งสองสามร้านค้าไวน์, ร้านพรมและ บริษัท รถเช่า ในเซี่ยงไฮ้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีโปแลนด์และซาร่าเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ. Leiwi Imas เลือกที่จะอยู่ในประเทศจีนเมื่อผู้ลี้ภัยชาวยิวอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่เหลือหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในวัยชรา, ธุรกิจ, เจ้าหน้าที่ศุลกากรและอดีตประธานสโมสรของชาวยิวในเซี่ยงไฮ้เสียชีวิตอย่างสงบในบ้านพักย่านใจกลางเมืองในปี 1962 ลูกสาวของเขาซาร่า Imas เติบโตขึ้นมาในหมู่เพื่อนของเธอโดยไม่จีนหนังสือเดินทางจีนพูดภาษาจีนกลางที่มีเพียง สำเนียงท้องถิ่น หลังจากใช้ชีวิตผ่านความวุ่นวายในประวัติศาสตร์จีนรวมทั้ง "การปฏิวัติวัฒนธรรม" (1966-1976) และล้มเหลวในการค้นหาความรักแม้จะมีการแต่งงานที่ล้มเหลวกับคนท้องถิ่นในแต่ละเหล่านี้สามการแต่งงานเธอมีเด็กคนหนึ่ง มี 2 บุตรชายวัยรุ่นและเป็นหนึ่งในลูกสาวคนเล็กของเธออพยพไปยังอิสราเอลในปี 1991 ตอนอายุ 41 และที่อยู่อาศัยขายปอเปี๊ยะ. เมื่อมีผู้หญิงชาวยิวที่ขาดเรียนจนจบปริญญาแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าตื่นตาตื่นใจที่จะให้ตัวเองและ ครอบครัวเธอได้เรียนรู้ที่จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องและอิสราเอลพบว่างานในศาลอิสราเอลส่งลูกสามคนของเธอที่จะวิทยาลัยอิสราเอลกลับไปเซี่ยงไฮ้ 10 ปีต่อมาเป็นหัวหน้าตัวแทนของ บริษัท เพชรไปยังพื้นที่ที่ประเทศจีนและแต่งงานกับ อย่างเป็นทางการของรัฐบาลท้องถิ่น ทั้งหมดของเด็กที่ 3 ของเธอยังเป็นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในชีวิตและธุรกิจ

Results (Thai) 3:

เมื่อฉันเจอซาร่า อิมมัส ผมเลยขำตามระดับ engery ของเธอสูง และรู้สึกว่าเธอมีมากหลงใหลเกี่ยวกับชีวิตและผู้คนในเซี่ยงไฮ้ ยิ่งฉันได้รู้จักกับเธอ ยิ่ง suprises ที่ผมมี

ซาร่าของพ่อ leiwi มัสเป็นประธานของชาวยิวเซี่ยงไฮ้คลับ ในปี 1939 ที่อายุ 43 หนีความหายนะของอดอล์ฟฮิตเลอร์ , leiwi มาถึงในเซี่ยงไฮ้ของมากกว่า 30000 อื่นพลัดถิ่นชาวยิวที่ลอยเข้ามาในเมืองและระหว่างปีค.ศ. 1939 ไม่มีเงินในกระเป๋า เขาขายนาฬิกาทองเท่านั้น และเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆในสัมปทานของเมืองฝรั่งเศส โดยปี 1940 เขาเป็นเจ้าของธุรกิจที่โหล รวมทั้งสองสามร้านไวน์ , เบเกอรี่ , ร้านขายพรม และให้เช่ารถบรรทุกของบริษัท ในเซี่ยงไฮ้ เขาแต่งงานกับโปแลนด์และมีซาร่าเป็นผู้หญิง

ลูกสาวคนเดียวของเธอleiwi มัสเลือกที่จะอยู่ในประเทศจีนเมื่อส่วนใหญ่ผู้ลี้ภัยชาวยิวอื่น ๆด้านซ้ายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่ออายุ แก่นักธุรกิจ ศุลกากร เจ้าหน้าที่ และอดีตประธานของชมรมชาวยิวในเซี่ยงไฮ้ตายอย่างสงบในเมืองวิลล่าใน 1962 .

ลูกสาวของเขา ซาร่า อิมมัส โตในหมู่เพื่อนจีนของเธอ โดยไม่มีพาสปอร์ตจีน การพูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงท้องถิ่นหลังจากชีวิตผ่านการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์จีน รวมถึง " การปฏิวัติทางวัฒนธรรม " ( 1966-76 ) และความล้มเหลวในการค้นหาความรักแม้จะสามล้มเหลวการแต่งงานผู้ชายท้องถิ่นในแต่ละเหล่านี้สามครั้ง เธอมีเด็กหนึ่ง 2 วัยรุ่นลูกชายและลูกสาวคนเล็ก เธออพยพไปยังอิสราเอลในพ.ศ. 2534 อายุ 41 และทำให้ชีวิตการขายปอเปี๊ยะ .

เมื่อมีหญิงชาวยิวผู้ไร้ปริญญา แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าทึ่งเพื่อให้ตัวเองและครอบครัว :

เธอเรียนรู้ที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และฮิบรู , หางานในศาลอิสราเอล ส่งลูกทั้งสามของเธอวิทยาลัยอิสราเอลกลับเซี่ยงไฮ้ 10 ปีต่อมาเป็นหัวหน้าผู้แทนของบริษัทเพชรกับประเทศจีนมากขึ้น พื้นที่ และแต่งงานกับข้าราชการท้องถิ่นทั้งหมดของเด็ก 3 ของเธอยังกลายเป็นที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจ