Earnings per share are generally co

Earnings per share are generally considered to be the single most important variable in determining a share's price. It is also a major component used to calculate the price-to-earnings valuation ratio. ( Besely 2006, P.20) For example, assume that a company has a net income of $25 million. If the company pays out $1 million in preferred dividends and has 10 million shares for half of the year and 15 million shares for the other half, the EPS would be $1.92 (24/12.5). First, the $1 million is deducted from the net income to get $24 million, then a weighted average is taken to find the number of shares outstanding (0.5 x 10M+ 0.5 x 15M = 12.5M)

Results (Thai) 1:

กำไรต่อหุ้นโดยทั่วไปจะถือเป็นตัวแปรสำคัญเดียวในการกำหนดราคาของหุ้น นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการคำนวณอัตราส่วนราคาต่อกำไรค่า (Besely 2006, P.20) ตัวอย่าง สมมติว่า บริษัทมีกำไรสุทธิของ $25 ล้านบาท ถ้าบริษัทจ่ายออก $1 ล้านในเงินปันผลที่ต้องการ และมีหุ้น 10 ล้านปีและ 15 ล้านหุ้นในอีกครึ่งหนึ่งครึ่งหนึ่ง EPS จะ $1.92 (24/12.5) ครั้งแรก $1 ล้านได้ถูกหักออกจากกำไรสุทธิจะได้รับ $24 ล้าน แล้วนำมาหาจำนวนหุ้นคงเหลือเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (0.5 x 10M + 0.5 x 15 M = 12.5M)

Results (Thai) 2:

กำไรต่อหุ้นได้รับการพิจารณาโดยทั่วไปจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในการกำหนดราคาหุ้นของ นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบหลักที่ใช้ในการคำนวณราคาต่อกำไรอัตราส่วนการประเมินมูลค่า (Besely 2006, หน้า 20) ตัวอย่างเช่นสมมติว่า บริษัท มีรายได้สุทธิของ $ 25,000,000 หาก บริษัท จ่ายออก $ 1 ล้านบาทในการจ่ายเงินปันผลที่ต้องการและมี 10 ล้านหุ้นสำหรับครึ่งปีและ 15 ล้านหุ้นในช่วงครึ่งอื่น ๆ กำไรต่อหุ้นจะเป็น 1.92 $ (24 / 12.5) ครั้งแรกที่ $ 1,000,000 จะถูกหักจากกำไรสุทธิที่จะได้รับ $ 24 ล้านแล้วถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจะนำไปพบจำนวนหุ้นที่โดดเด่น (0.5 x 10 x 0.5 + 15M = 12.5m)

Results (Thai) 3:

กำไรต่อหุ้นโดยทั่วไปจะถือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดเดียวในการกำหนดราคาของหุ้น นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้ในการคำนวณราคาต่อมูลค่าอัตราส่วน ( besely 2006 , p.20 ) ตัวอย่างเช่นสมมติว่า บริษัทมีรายได้สุทธิของ $ 25 ล้านถ้าบริษัทจ่ายออก $ 1 ล้านบาทในธุรกิจที่ต้องการและมี 10 ล้านหุ้นสำหรับครึ่งปี และ 15 ล้านหุ้นสำหรับครึ่งอื่น ๆ หุ้นจะเป็น $ 1.92 ( 24 / 0 ) แรก , $ 1 ล้านบาทจะหักจากรายได้ที่ได้รับ $ 24 ล้าน แล้วถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตัวเพื่อหาจำนวนของหุ้นที่โดดเด่น ( 0.5 x 0.5 x 15 = 10m 12.5m )