G-banding involves staining proteas

G-banding involves staining protease-treated chromosomes with Giemsa dye and is thought to result from interactions of both DNA and protein with the thiazine and eosin components of the stain. The most common Rbandingmethodinvolvesheatdenaturingchromosomesin hotacidicsalinefollowedbyGiemsastaining.Thismethod is thought to preferentially denature AT-rich DNA and to stain the under-denatured GC-rich regions. T-banding identifies a subset of R-bands – the most intensely staining ones – by employing either a more severe heat treatment thanR-banding.ItisthoughttoidentifytheGC-richestRbands, of which approximately half occur at telomeres in the human genome, hence the name.

Results (Thai) 1:

แถบ G เกี่ยวข้องถือว่ารติเอส chromosomes Giemsa ย้อมสีย้อมสี และเป็นความคิดที่ได้จากการโต้ตอบของดีเอ็นเอและโปรตีนด้วยคอมโพเนนต์ thiazine และ eosin ของคราบ HotacidicsalinefollowedbyGiemsastaining.Thismethod Rbandingmethodinvolvesheatdenaturingchromosomesin ทั่วไปจะคิดว่า โน้ต denature อุดมไปด้วยดีเอ็นเอ และติดภูมิภาค GC ริช denatured ภายใต้ แถบ T identifies ย่อยของ R-วง – คน staining เจี๊ยบมากที่สุด – โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งรุนแรงมากขึ้นรักษาความร้อน thanR-banding.ItisthoughttoidentifytheGC-richestRbands ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นที่ telomeres ในมมนุษย์ ดังนั้นชื่อ

Results (Thai) 2:

G-แถบเกี่ยวข้องกับโครโมโซมโปรติเอสที่ได้รับการย้อมสีด้วยสีย้อม Giemsa และคิดว่าจะเป็นผลมาจากการมีปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองดีเอ็นเอและโปรตีนที่มีส่วนประกอบ thiazine และ Eosin ของคราบ ที่พบมากที่สุด Rbandingmethodinvolvesheatdenaturingchromosomesin hotacidicsalinefollowedbyGiemsastaining.Thismethod เป็นความคิดที่ผิดลักษณะเดิมดีเอ็นเอพิเศษที่อุดมไปด้วยและคราบใต้เอทิลแอลกอฮอล์ภูมิภาค GC-ที่อุดมไปด้วย T-แถบไฟระบุ es ส่วนหนึ่งของวงดนตรี R-- คนส่วนใหญ่ย้อมสีอย่างเข้มข้น - โดยการใช้ทั้งการรักษาความร้อนที่รุนแรงมากขึ้น thanR-banding.ItisthoughttoidentifytheGC-richestRbands ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเกิดขึ้นใน telomeres ในจีโนมมนุษย์จึงชื่อ

Results (Thai) 3:

g-banding เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยเอนไซม์โปรติเอส ) จิมซาย้อมและเป็นความคิดที่เป็นผลจากการปฏิสัมพันธ์ของทั้งดีเอ็นเอและโปรตีนกับ thiazine และส่วนประกอบ eosin ของคราบ ที่พบมากที่สุด rbandingmethodinvolvesheatdenaturingchromosomesin hotacidicsalinefollowedbygiemsastaining .