The use of provocative maneuvers fo

The use of provocative maneuvers for test- ing SIJ dysfunction is controversial because of the high rate of false positives and the in- ability to distinguish whether the SIJ or an adjacent structure is affected. However, the diagnostic utility of specific stress tests has been studied, and clusters of tests are rec- ommended if a health care provider (HCP) suspects SIJ dysfunction. A diagnostic algo- rithm should first focus on using the distrac- tion test and the thigh thrust test. Distraction is done by applying vertically oriented pres- sure to the anterior superior iliac spine while aiming posteriorly, therefore distracting the SIJ. During the thigh thrust test the examiner fixates the patient’s sacrum against the table with the left hand and applies a vertical force through the line of the femur aiming poste- riorly, producing a posterior shearing force at the SIJ. Studies show that the thigh thrust test is the most sensitive, and the distraction test is the most specific. If both tests are pos- itive, there is reasonable evidence to suggest SIJ dysfunction as the source of LBP.

Results (Thai) 1:

การใช้กลอุบายยั่วยุเพื่อทดสอบความผิดปกติของ SIJ เป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน เนื่องจากอัตราผลบวกลวงที่สูง และไม่สามารถแยกแยะได้ว่า SIJ หรือโครงสร้างที่อยู่ติดกันได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาอรรถประโยชน์ในการวินิจฉัยของการทดสอบความเครียดเฉพาะ และแนะนำให้ทำการทดสอบเป็นกลุ่มหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (HCP) สงสัยว่า SIJ ทำงานผิดปกติ อัลกอริธึมการวินิจฉัยควรเน้นไปที่การใช้การทดสอบการเบี่ยงเบนความสนใจและการทดสอบแรงกดที่ต้นขาก่อน การเบี่ยงเบนความสนใจทำได้โดยการใช้แรงกดในแนวตั้งกับกระดูกสันหลังส่วนอุ้งเชิงกรานด้านหน้าขณะเล็งไปด้านหลัง ดังนั้น SIJ จึงเสียสมาธิ ในระหว่างการทดสอบแรงกดที่ต้นขา ผู้ตรวจสอบจะยึด sacrum ของผู้ป่วยไว้กับโต๊ะด้วยมือซ้าย และใช้แรงในแนวตั้งผ่านแนวกระดูกโคนขาโดยเล็งไปทางด้านหลัง ทำให้เกิดแรงเฉือนด้านหลังที่ SIJ การศึกษาพบว่าการทดสอบแรงกดที่ต้นขานั้นไวที่สุด และการทดสอบการเบี่ยงเบนความสนใจนั้นมีความเฉพาะเจาะจงที่สุด หากการทดสอบทั้งสองเป็นบวก มีหลักฐานที่สมเหตุสมผลที่บ่งชี้ว่าความผิดปกติของ SIJ เป็นแหล่งที่มาของ LBP

Results (Thai) 2:

การทดสอบความผิดปกติของ SIJ โดยใช้การกระทำที่ยั่วยุเป็นที่ถกเถียงกันเนื่องจากอัตราบวกที่ผิดพลาดสูงและสามารถแยกแยะได้ว่า SIJ หรือโครงสร้างที่อยู่ติดกันได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม, ประโยชน์ในการวินิจฉัยของการทดสอบความเครียดที่เฉพาะเจาะจงได้รับการศึกษา, และถ้าผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ (HCP) สงสัยความผิดปกติของ SIJ, แนะนำชุดของการทดสอบ. อัลกอริทึมการวินิจฉัยควรเน้นการใช้การทดสอบแรงดึงและการทดสอบแรงขับของต้นขาก่อน แรงดึงคือการกระจาย SIJ โดยการใช้แรงดันในแนวตั้งกับเข็มด้านบนด้านหน้าของ iliac ในขณะที่เล็งไปข้างหลัง ในระหว่างการทดสอบแรงผลักดันของต้นขาผู้ตรวจสอบจะยึดกระดูกศักดิ์สิทธิ์ของผู้ป่วยบนโต๊ะด้วยมือซ้ายและใช้แรงตั้งฉากกับด้านหลังผ่านเส้นกระดูกต้นขาเพื่อสร้างแรงเฉือนด้านหลังที่ SIJ ผลการศึกษาพบว่าการทดสอบแรงขับที่ต้นขานั้นมีความอ่อนไหวมากที่สุดและการทดสอบความฟุ้งซ่านนั้นมีความเฉพาะเจาะจงมากที่สุด หากหุ่นยนต์

Results (Thai) 3:

เนื่องจากอัตราการเป็นบวกเท็จสูงและไม่สามารถแยกแยะได้ว่าSIJหรือโครงสร้างที่อยู่ติดกันได้รับผลกระทบการทดสอบความผิดปกติของSIJโดยการกระตุ้นเป็นเรื่องที่ถกเถียงกัน อย่างไรก็ตามได้มีการศึกษาผลการวินิจฉัยของการทดสอบโหลดเฉพาะและหากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ( HCP )สงสัยว่ามีความผิดปกติของSIJแนะนําให้ดําเนินการชุดทดลอง อัลกอริทึมการวินิจฉัยควรเน้นการทดสอบความสนใจและการทดสอบแรงผลักดันของต้นขา การลากจูงจะดําเนินการโดยการบังคับใช้ความดันในทิศทางแนวตั้งกับกระดูกสันหลังด้านหน้าขณะที่เล็งกลับ ในการทดสอบแรงผลักดันของต้นขาผู้ตรวจสอบยึดกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วยบนโต๊ะด้วยมือซ้ายและใช้แรงในแนวตั้งผ่านเส้นกระดูกต้นขาเพื่อสร้างแรงเฉือนด้านหลังที่SIJ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทดสอบแรงผลักดันของต้นขามีความไวมากที่สุดและการทดสอบการเบี่ยงเบนความสนใจมีความเฉพาะเจาะจงมากที่สุด หากการทดสอบทั้งสองเป็นบวกมีหลักฐานที่สมเหตุสมผลว่าความผิดปกติของSIJเป็นแหล่งที่มาของอาการปวดหลัง