A diet assessment should be made as

A diet assessment should be made as part of the health history to
determine nutrient and fiber intake. Keeping a 3-day food history is a practical way to assess the
patient’s usual dietary intake. Amounts and types of fluids should be included in a diet history.
The patient should be asked if he or she has experienced nausea, dysphagia, mastication
difficulties, vomiting, or anorexia. Any fluid loss resulting from ostomies, fistulas, and drainage
tubes should be evaluated.

Results (Thai) 1:

ควรทำการประเมินอาหารเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สุขภาพเพื่อกำหนดปริมาณสารอาหารและเส้นใย รักษาประวัติอาหาร 3 วันเป็นวิธีการประเมินผู้ป่วยปกติอาหารบริโภค จำนวนและชนิดของของเหลวควรจะรวมในประวัติอาหารผู้ป่วยควรถามถ้า เขาหรือเธอมีประสบการณ์ mastication คลื่นไส้ dysphagiaความยากลำบาก อาเจียน หรือ anorexia สูญเสียใด ๆ ของเหลวที่เกิดจาก ostomies, fistulas และระบายน้ำควรมีประเมินหลอด

Results (Thai) 2:

การประเมินอาหารที่ควรจะทำเป็นส่วนหนึ่งของประวัติสุขภาพในการตรวจสอบการบริโภคอาหารและเส้นใย
การเก็บรักษาประวัติศาสตร์อาหาร 3
วันเป็นวิธีปฏิบัติในการประเมินผู้ป่วยปกติการบริโภคสารอาหาร จํานวนเงินและประเภทของของเหลวที่ควรจะรวมอยู่ในประวัติศาสตร์อาหาร.
ผู้ป่วยควรจะถามว่าเขาหรือเธอมีประสบการณ์คลื่นไส้, กลืนลำบาก,
เคี้ยวยากลำบากอาเจียนหรืออาการเบื่ออาหาร การสูญเสียน้ำใด ๆ ที่เกิดจากการ ostomies, fistulas
และการระบายน้ำท่อควรได้รับการประเมิน

Results (Thai) 3:

อาหารการประเมินควรเป็นส่วนหนึ่งของประวัติสุขภาพ

หาสารอาหาร และเส้นใย บริโภค รักษาประวัติอาหาร 3 วัน เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อประเมินพยาบาลผู้ป่วยปกติอาหารบริโภค ปริมาณและชนิดของของเหลวที่ควรจะรวมอยู่ในอาหารประวัติศาสตร์ .
คนไข้ควรจะถามว่าเขาหรือเธอมีประสบการณ์คลื่นไส้ ที่มีปัญหาการเคี้ยว
, ปัญหา , อาเจียน หรืออาการเบื่ออาหารของเหลวใด ๆการสูญเสียที่เกิดจาก ostomies , fistulas และท่อระบายน้ำ
ควรได้รับการประเมิน