From before the 17th century Britai

From before the 17th century Britain and other European countries were in constant conflict over the value and the ownership of the natural resources in the Caribbean. The fertile islands, especially Barbados, were said to be ideal for tobacco growing. The production of cotton was also introduced into this island and many others. Eventually the Caribbean became invaluable to the invaders because sugar was cultivated in the area with great success. Like the Spanish, the British grew large amounts of sugar on plantations in the Caribbean for which they used a lot of slave labour. At first they used European slaves, captured in wars or sentenced as criminals. The expanding economy of the plantations resulted in the rapidly alteration of the workforce to the almost entire use of African slaves as labourers. In the 17th century Jamaica was Britain’s largest slave colony and it was also the British Empire’s wealthiest colony. For several centuries the Caribbean was essentially a British settlement.

Results (Thai) 1:

จากก่อนศตวรรษที่ 17 สหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้เกิดความขัดแย้งที่คงค่าและความเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติในแคริบเบียน เกาะอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศบาร์เบโดส ได้กล่าวว่า เหมาะสำหรับผู้ปลูกยาสูบ การผลิตผ้าฝ้ายถูกนำมาใช้ยังเกาะนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย ในที่สุดคาริเบียนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้รุกราน เพราะน้ำตาลถูกเพาะปลูกในพื้นที่ประสบความสำเร็จ เช่นสเปน อังกฤษเติบโตน้ำตาลในสวนในแคริบเบียนที่พวกเขาใช้แรงงานทาสมากจำนวนมาก ในตอนแรก พวกเขาใช้ทาสยุโรป ในสงคราม หรือพิพากษาเป็นอาชญากร ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวของการปลูกการแก้ไขอย่างรวดเร็วของบุคลากรไปใช้เกือบทั้งหมดของทาสแอฟริกันเป็นกรรมกร ในศตวรรษที่ 17 ประเทศจาเมกาถูกฝูงทาสที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร และเนื่องจากโคโลนีที่รวยที่สุดของจักรวรรดิอังกฤษ หลายศตวรรษ คาริเบียนถูกหลักการชำระเงินที่อังกฤษ

Results (Thai) 2:

จากก่อนศตวรรษที่ 17 สหราชอาณาจักรและประเทศยุโรปอื่น ๆ ที่อยู่ในความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องกว่ามูลค่าและความเป็นเจ้าของของทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลแคริบเบียน หมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาร์เบโดสถูกกล่าวว่าเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการปลูกยาสูบ การผลิตผ้าฝ้ายยังถูกนำเข้าสู่เกาะนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย ในที่สุดก็กลายเป็นทะเลแคริบเบียนอันล้ำค่าที่จะรุกรานเพราะน้ำตาลได้รับการปลูกฝังในพื้นที่ที่มีความสำเร็จที่ดี เช่นเดียวกับสเปน, อังกฤษขยายตัวจำนวนมากของน้ำตาลในไร่ในทะเลแคริบเบียนที่พวกเขาใช้แรงงานจำนวนมากทาส ตอนแรกที่พวกเขาใช้เป็นทาสยุโรปได้บันทึกในสงครามหรือถูกตัดสินจำคุกเป็นอาชญากร เศรษฐกิจขยายตัวของสวนผลในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของแรงงานกับการใช้งานเกือบทั้งหมดของพวกทาสแอฟริกันคนงาน ในศตวรรษที่ 17 ประเทศจาไมก้าเป็นทาสอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรและมันก็ยังเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษที่ร่ำรวยที่สุดของ เป็นเวลาหลายศตวรรษแคริบเบียนเป็นหลักนิคมของอังกฤษ

Results (Thai) 3:

ก่อนศตวรรษที่ 17 อังกฤษและประเทศในยุโรปอื่น ๆอยู่ในความขัดแย้ง คงคุณค่าและความเป็นเจ้าของของทรัพยากรธรรมชาติในทะเล เกาะที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บาร์เบโดส ว่ากันว่าจะเหมาะสำหรับยาสูบเพิ่มขึ้น การผลิตฝ้ายก็เข้าไปเกาะนี้และอื่น ๆอีกมากมายในที่สุดแคริบเบียนก็เป็นอันต้องรุกรานเพราะน้ำตาลถูกปลูกในพื้นที่ที่มีความสำเร็จที่ดี เช่นสเปน , อังกฤษเติบโตปริมาณมากของน้ำตาลในพื้นที่เพาะปลูกในทะเลแคริบเบียนซึ่งพวกเขามากใช้แรงงานทาส ที่แรกที่พวกเขาใช้ทาสในยุโรป ที่ถูกจับในสงครามหรือการพิพากษาเป็นอาชญากรการขยายเศรษฐกิจของต้นไม้ผลในการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของแรงงานที่ใช้เกือบทั้งหมดของทาสแอฟริกันเป็นกรรมกร ในศตวรรษที่ 17 จาเมกาเป็นอาณานิคมทาสที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรและยังเป็นจักรวรรดิอังกฤษที่ร่ำรวยของอาณานิคม เป็นเวลาหลายศตวรรษแคริบเบียนเป็นนิคมอังกฤษ