Over 81% of the participants in thi

Over 81% of the participants in this study were African American with
56.3% of the women demonstrating high health literacy as determined by the REALM.
Glycemic control, measured by glucose self-report, demonstrated that women with high
health literacy recorded more glucose readings (p = .02) than women with low health
literacy scores. Mothers with high health literacy experienced more spontaneous labor at
term (p = .10), a higher cesarean section rate and more normal weight infants than the
mothers with low health literacy. While not statistically significant, women with low
health literacy experienced more adverse birth outcomes. Women with pregestational
diabetes trended toward higher health literacy than did women with gestational diabetes
on all three instruments. In fact, those with gestational diabetes initiated prenatal care
later than those with pregestational diabetes. The 3 questions from the S-TOFHLA did
not show high enough correlation to the REALM (r = -.25) and thus were not considered
as an effective as a screening tool for health literacy in this study.

Results (Thai) 1:

กว่า 81% ของผู้เรียนในการศึกษานี้มีแอฟริกันอเมริกันกับ
56.3% ของผู้หญิงที่เห็นสุขภาพสูงสามารถตามตามขอบเขตการ
ควบคุม Glycemic วัด โดยกลูโคสด้วยตนเองรายงาน สาธิตที่ผู้หญิงที่ มีสูง
สุขภาพสามารถบันทึกเพิ่มเติมกลูโคสอ่าน (p =.02) มากกว่าผู้หญิงกับสุขภาพต่ำ
วัดคะแนน มารดาที่ มีสามารถสูงสุขภาพมีประสบการณ์ค่าแรงขึ้นอยู่ที่
ระยะ (p =.10), อัตราคลอดสูงและทารกน้ำหนักมากกว่าปกติกว่า
แม่กับสุขภาพต่ำสามารถ ขณะไม่ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ ผู้หญิงกับต่ำ
สุขภาพสามารถมีประสบการณ์เกิดผลร้ายขึ้น ผู้หญิงกับ pregestational
โรคเบาหวาน trended ไปทางวัดสุขภาพสูงกว่าสตรี มีครรภ์โรคเบาหวานไม่ได้
บนมือที่สามทั้งหมด ในความเป็นจริง ผู้ที่ มีโรคเบาหวานครรภ์เริ่มดูแลก่อนคลอด
ช้ากว่าผู้ที่มีโรคเบาหวาน pregestational ได้คำถามที่ 3 จาก S TOFHLA
ไม่แสดงสูงเพียงพอสำหรับความสัมพันธ์ของขอบเขต (r = - 25) และดังนั้น ก็ไม่ถือว่า
เป็นมีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือคัดกรองสำหรับวัดสุขภาพในการศึกษานี้

Results (Thai) 2:

กว่า 81% ของผู้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้เป็นแอฟริกันอเมริกันที่มี
56.3% ของผู้หญิงที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ด้านสุขภาพสูงตามที่กำหนดโดย REALM
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดวัดระดับน้ำตาลด้วยตนเองรายงานแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่มีสูง
ความรู้สุขภาพบันทึกการอ่านกลูโคสมากขึ้น ( p = 0.02) เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีสุขภาพต่ำ
คะแนนความรู้ มารดาที่มีความรู้มีประสบการณ์สูงด้านสุขภาพแรงงานธรรมชาติมากขึ้นใน
ระยะ (p = 0.10) อัตราการสูงขึ้นส่วนการผ่าตัดคลอดและทารกแรกเกิดน้ำหนักมากขึ้นกว่าปกติ
แม่ที่มีความรู้สุขภาพต่ำ ในขณะที่ไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติผู้หญิงที่มีต่ำ
ความรู้สุขภาพมีประสบการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้น ผู้หญิงที่มี pregestational
โรคเบาหวานมีแนวโน้มที่มีความรู้ด้านสุขภาพสูงกว่าได้ผู้หญิงที่มีโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
ทั้งสามเครื่องมือ ในความเป็นจริงผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์เริ่มต้นการดูแลก่อนคลอด
ช้ากว่าผู้ที่มีโรคเบาหวาน pregestational 3 คำถามจาก S-TOFHLA ไม่
ได้แสดงความสัมพันธ์สูงมากพอที่จะ REALM (r = - .25) และดังนั้นจึงไม่ได้พิจารณา
เป็นที่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือในการคัดกรองความรู้ด้านสุขภาพในการศึกษานี้

Results (Thai) 3:

กว่า 81% ของจำนวนชาวอเมริกันกับ
56.3 % ของผู้หญิงที่แสดงถึงการรู้สุขภาพสูงตามที่กำหนดโดยอาณาจักร
รายงานการควบคุมระดับน้ำตาลที่วัดโดยกลูโคส พบว่าผู้หญิงที่มีความรู้เรื่องสุขภาพสูง
บันทึกการอ่านกลูโคสมากขึ้น ( P = . 05 ) มากกว่าผู้หญิงที่มีคะแนนการรู้สุขภาพ
น้อยความรู้สุขภาพมารดาที่มีประสบการณ์สูงธรรมชาติแรงงาน
ระยะ ( P = 10 ) สูงกว่าอัตราการผ่าตัดคลอดปกติน้ำหนักทารกกว่า
มารดาที่มีความรู้เรื่องสุขภาพต่ำ ในขณะที่ไม่แตกต่างกัน ผู้หญิงที่มีความรู้เรื่องสุขภาพต่ำ
มีประสบการณ์ผลเกิดอาการไม่พึงประสงค์มากขึ้น ผู้หญิงกับ pregestational
โรคเบาหวานมีแนวโน้มที่มีต่อการรู้สุขภาพสูงกว่าทำผู้หญิง
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ในทั้งหมดสามเครื่องมือ ในความเป็นจริง ผู้ที่เป็นเบาหวาน การดูแลก่อนคลอดหลังจากนั้นริเริ่ม
กว่าผู้ที่มี pregestational โรคเบาหวาน 3 คำถามจาก s-tofhla ทำ
ให้สูงพอความสัมพันธ์กับอาณาจักร ( r = - . 25 ) จึงไม่ถือว่า
เป็นที่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือคัดกรองความรู้สุขภาพ ในการศึกษานี้