The Napoleonic Wars were a series o

The Napoleonic Wars were a series of conflicts fought between France under the leadership of Napoleon Bonaparte and a number of European nations between 1799 and 1815. They followed on from the War of the First Coalition (1793-97) and engaged nearly all European nations in a bloody struggle, a struggle that also spilled over into Egypt, America and South America. During the Wars (for during this period the fighting was not constant) warfare was to change and move towards modern warfare leaving behind forever the idea of war as a sport of kings and moving towards the concept of Total War and the nations in arms. Weaponry also evolved though at a much slower rate than the ideas of the nation at arms and conscription. By the end of the period most European armies had riflemen and the British made the first large scale use of Congreve Rockets in a European war. The period starting with bright uniforms but by the end of the period dark blue or green uniforms had become common for skirmishers, the beginnings of military camouflage. The period also saw the British Army under the leadership of the Duke of Wellington become renown as the best in Europe.

Results (Thai) 1:

ชุดของความขัดแย้งต่อสู้กันระหว่างฝรั่งเศสภายใต้การนำของนโปเลียนโบนาปาร์ตและชาติยุโรประหว่างที่ 1799 และ 1815 สงคราได้ พวกเขาตามบนจากสงครามของรัฐบาลแรก (1793-97) และร่วมยุโรปเกือบทุกประเทศในการต่อสู้นองเลือด ต่อสู้ที่หกผ่านอียิปต์ อเมริกา และอเมริกาใต้ ในระหว่างสงคราม (สำหรับช่วงนี้ การต่อสู้ไม่คง) สงครามได้เปลี่ยน และย้ายไปยังสมัยสงครามออกจากหลังตลอดแนวคิดของสงครามเป็นกีฬาของพระมหากษัตริย์ และย้ายไปยังแนวคิดของสงครามทั้งหมดและประเทศในแผ่นดิน นอกจากนี้ยังพัฒนาอาวุธแม้มากช้ากว่าในอัตราที่มากกว่าความคิดของชาติที่แขนและการเกณฑ์ทหาร โดยจุดสิ้นสุดของรอบระยะเวลากองทัพยุโรปส่วนใหญ่มี riflemen และอังกฤษทำขนาดใหญ่ครั้งแรกใช้จรวด Congreve ในสงครามยุโรป ระยะเวลาเริ่มต้น ด้วยเครื่องแบบที่สดใส แต่ โดยระยะเวลาเข้มสีน้ำเงิน หรือสีเขียวเครื่องได้กลายเป็น skirmishers ชิ้นพรางทหารทั่วไป รอบระยะเวลายังเห็นกองทัพอังกฤษภายใต้การนำของดุ๊กเวลลิงตันเป็น กิตติคุณเป็นสุดในยุโรป

Results (Thai) 2:

โปเลียนเป็นชุดของความขัดแย้งต่อสู้ระหว่างฝรั่งเศสภายใต้การนำของนโปเลียนโบนาปาร์และจำนวนของประเทศในยุโรประหว่าง 1799 และ 1815 พวกเขาตามมาจากสงครามแห่งพันธมิตรครั้งแรก (1793-1797) และมีส่วนร่วมเกือบทั้งหมดในประเทศยุโรป การต่อสู้เลือด, การต่อสู้ที่หกรั่วไหลยังไปสู่​​อียิปต์อเมริกาและอเมริกาใต้ ในช่วงสงคราม (สำหรับในช่วงเวลานี้การต่อสู้ไม่ได้คงที่) เป็นสงครามที่จะเปลี่ยนแปลงและย้ายไปทางสงครามสมัยใหม่ทิ้งไว้ข้างหลังตลอดไปความคิดของการทำสงครามเป็นกีฬาของพระมหากษัตริย์และมุ่งไปสู่​​แนวคิดของ Total War และประเทศในอ้อมแขน อาวุธยังการพัฒนา แต่ในอัตราที่ช้ากว่าความคิดของประเทศที่แขนและการเกณฑ์ทหาร ในตอนท้ายของระยะเวลาที่กองทัพในยุโรปส่วนใหญ่มีกองกำลังและอังกฤษทำให้การใช้งานขนาดใหญ่ครั้งแรกของการ Congreve จรวดในสงครามยุโรป ระยะเวลาที่เริ่มต้นด้วยเครื่องแบบสดใส แต่ในตอนท้ายของรอบระยะเวลาเครื่องแบบสีฟ้าหรือสีเขียวเข้มได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทหารราบจุดเริ่มต้นของการพรางทหาร ระยะเวลาที่ยังเห็นกองทัพอังกฤษภายใต้การนำของดยุคแห่งเวลลิงตันกลายเป็นที่มีชื่อเสียงเป็นที่ดีที่สุดในยุโรป

Results (Thai) 3:

สงครามนโปเลียนเป็นชุดของความขัดแย้งต่อสู้ระหว่างฝรั่งเศสภายใต้การนําของ นโปเลียน โบนาปาร์ต และหลายประเทศในยุโรประหว่าง 1799 และ ค . พวกเขาตาม จากสงครามแห่งพันธมิตรครั้งแรก ( 1793-97 ) และร่วมเกือบทุกประเทศยุโรปในการต่อสู้ การต่อสู้ที่ยังทะลักเข้ามาในอียิปต์ อเมริกา และอเมริกาใต้ในระหว่างสงคราม ( ระหว่างการต่อสู้ก็ไม่คงที่ ) สงครามคือการเปลี่ยนแปลงและย้ายไปสู่สงครามสมัยใหม่ทิ้งไว้ตลอดไป ความคิดของสงครามเป็นกีฬาของกษัตริย์และมุ่งไปสู่แนวคิดของสงครามรวมชาติในแขน อาวุธยังพัฒนาแม้ว่าในอัตราที่ช้ากว่าความคิดของประเทศที่แขนและการเกณฑ์ทหารโดยจุดสิ้นสุดของกองทัพในยุโรปส่วนใหญ่ระยะเวลาได้ปืนไรเฟิลและอังกฤษทำครั้งแรกขนาดใหญ่ใช้คอนกรีฟจรวดในสงครามในยุโรป ระยะเวลาเริ่มต้นด้วยเครื่องแบบที่สดใส แต่ในตอนท้ายของช่วงมืด สีฟ้าหรือสีเขียวเครื่องแบบได้กลายเป็นสามัญสำหรับ skirmishers , จุดเริ่มต้นของการพรางตัวของทหารช่วงนี้ยังเห็นกองทัพอังกฤษภายใต้การนำของดยุคแห่งเวลลิงตันที่กลายเป็นที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุโรป