Literature ReviewPredictive mainten

Literature Review
Predictive maintenance has been technologically intensive, employing different
technologies for maintenance such as vibration analysis, thermography and sensors.
Several studies have used these technologies for PdM and have developed models
based on these technologies. Vibration analysis technique was employed in PdM of
rotating machines and manufacturing systems by Renwick and Babson (1985), Bogard
et al. (2002), Orhan et al. (2006), Wu et al. (2007), Chiementin et al. (2008) and (2009)
and Taplak et al. (2013). Thermography has been used by Schlangen et al. (2010),
Wilson et al. (2011), Younus and Yang (2012) and Bagavathiappan et al. (2013) for
PdM in rotating machineries. Hashemian (2011), Hashemian and Bean (2011) and
Rodriguez and Perez (2002) developed sensor-based models for PdM. These
technologies are industry-specific and require huge investment for installation, thus
limiting their application to large organizations. Moreover, the model developed using
these technologies needs modification even if applied on different companies within
the same industry.
FMEA is typically used as a technique for identifying failure modes, thus improving
the reliability of products or components. There are quite a number of research papers
addressing the application of FMEA. For example, Feili et al. (2013) applied FMEA
approach for risk analysis of geothermal power plants. Barends et al. (2012) proposed a
probabilistic modification of FMEA model and established its superiority over conventional
model of FMEA. Diagnostic use of FMEA for machines and services is proposed by
Snooke and Price (2012) and Geum et al. (2011). Hoseynabadi et al. (2010) used FMEA
method to study the reliability of wind turbine power generation systems.

Results (Thai) 1:

การทบทวนวรรณกรรมการบำรุงรักษาที่ได้รับคอร์เทคโนโลยี จ้างแตกต่างกันเทคโนโลยีการบำรุงรักษาเช่นการวิเคราะห์การสั่นสะเทือน ความร้อน และเซ็นเซอร์หลายการศึกษาได้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้สำหรับ PdM และได้พัฒนารูปแบบคะแนนจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เทคนิคการวิเคราะห์การสั่นสะเทือนถูกจ้างใน PdM ของหมุนเครื่องและระบบ Renwick และ Bogard Babson (1985), การผลิตet al. (2002), Orhan et al. (2006), Wu et al. (2007), Chiementin et al. (2008) และ (2009)และ Taplak et al. (2013) ความร้อนถูกใช้โดย Schlangen et al. (2010),Wilson et al. (2011), ยูนุ และยาง (2012) และ Bagavathiappan et al. (2013) สำหรับPdM ในหมุนเครื่องจักร Hashemian (2011), Hashemian และถั่ว (2011) และร็อดริเกซและเปเรซ (2002) พัฒนารุ่นที่ใช้เซ็นเซอร์สำหรับ PdM. เหล่านี้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเฉพาะ และจำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่สำหรับการติดตั้ง ดังนั้นการจำกัดโปรแกรมประยุกต์ของตนกับองค์กรขนาดใหญ่ นอกจากนี้ รูปแบบที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องการปรับเปลี่ยนแม้ใช้ในบริษัทต่าง ๆ ภายในอุตสาหกรรมเดียวกันFMEA โดยปกติจะใช้เป็นเทคนิคสำหรับการระบุโหมดความล้มเหลว การปรับปรุงดังนั้นความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบ มีจำนวนค่อนข้างวิจัยจัดการการประยุกต์ใช้ FMEA ตัวอย่างเช่น Feili et al. (2013) ใช้ FMEAวิธีสำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ Barends et al. (2012) การนำเสนอน่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบ FMEA และสร้างความเหนือกว่าของมากกว่าปกติรูปแบบของ FMEA เสนอใช้วินิจฉัยของ FMEA สำหรับเครื่องจักรและบริการโดยSnooke และราคา (2012) และ Geum et al. (2011) Hoseynabadi et al. (2010) ใช้ FMEAวิธีการศึกษาความน่าเชื่อถือของระบบการสร้างพลังงานของกังหันลม

Results (Thai) 2:

การทบทวนวรรณกรรม
การบำรุงรักษา Predictive ได้รับการเร่งรัดเทคโนโลยีการจ้างงานที่แตกต่างกัน
ของเทคโนโลยีสำหรับการบำรุงรักษาเช่นการวิเคราะห์การสั่นสะเทือนความร้อนและเซ็นเซอร์
การศึกษาหลายแห่งมีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้สำหรับ PdM และได้มีการพัฒนารูปแบบ
ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเหล่านี้ เทคนิคการวิเคราะห์การสั่นสะเทือนเป็นลูกจ้างใน PdM ของ
เครื่องจักรและระบบการผลิตโดยการหมุน Renwick และ Babson (1985), Bogard
et al, (2002), et al, Orhan (2006) วู et al, (2007), et al, Chiementin (2008) และ (2009)
และ Taplak et al, (2013) Thermography ได้ถูกใช้โดย Schlangen et al, (2010),
วิลสัน, et al (2011), Younus และหยาง (2012) และ Bagavathiappan et al, (2013) สำหรับ
PdM ในไบหมุน Hashemian (2011), Hashemian และถั่ว (2011) และ
โรดริเกและเปเรซ (2002) การพัฒนารูปแบบการเซ็นเซอร์ที่ใช้สำหรับ PdM เหล่านี้
เทคโนโลยีอุตสาหกรรมเฉพาะและต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับการติดตั้งจึง
จำกัด โปรแกรมของพวกเขาให้กับองค์กรขนาดใหญ่ นอกจากนี้รูปแบบการพัฒนาโดยใช้
เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงแม้ว่านำมาใช้ใน บริษัท ต่าง ๆ ใน
อุตสาหกรรมเดียวกัน
FMEA มักจะถูกนำมาใช้เป็นเทคนิคสำหรับการระบุความล้มเหลวดังนั้นการปรับปรุง
ความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบ ค่อนข้างมีจำนวนของเอกสารงานวิจัยที่มี
อยู่การประยุกต์ใช้ FMEA ยกตัวอย่างเช่น Feili et al, (2013) ใช้ FMEA
วิธีการสำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ Barends et al, (2012) เสนอให้มีการ
ปรับเปลี่ยนรูปแบบความน่าจะเป็นของ FMEA เหนือกว่าและเป็นที่ยอมรับของมันมากกว่าเดิม
รูปแบบของ FMEA ใช้การวินิจฉัยของ FMEA สำหรับเครื่องและบริการที่นำเสนอโดย
Snooke และราคา (2012) และกึม, et al (2011) Hoseynabadi et al, (2010) ที่ใช้ FMEA
วิธีการที่จะศึกษาความน่าเชื่อถือของระบบกังหันลมผลิตไฟฟ้า

Results (Thai) 3:

ทบทวนวรรณกรรมบำรุงรักษาพยากรณ์ได้ความเข้มข้น ใช้ต่าง ๆเทคโนโลยีการบํารุงรักษา เช่น การวิเคราะห์การสั่นสะเทือน , อบรมและเซ็นเซอร์การศึกษาหลายแห่งมีการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อ PDM และมีการพัฒนารุ่นบนพื้นฐานของเทคโนโลยีเหล่านี้ เทคนิคการวิเคราะห์การสั่นสะเทือนที่ใช้ในระบบของหมุนเครื่องจักรและระบบการผลิต โดยเรนวิก Babson ( 1985 ) , และ โบการ์ดet al . ( 2002 ) , ออร์ฮัน et al . ( 2006 ) , Wu et al . ( 2007 ) , chiementin et al . ( 2008 ) และ ( 2552 )และ taplak et al . ( 2013 ) มองกลางคืนได้ถูกใช้ โดย schlangen et al . ( 2010 )วิลสัน et al . ( 2011 ) Younus หยาง ( 2012 ) และ bagavathiappan et al . ( 2013 )PDM ในหมุนเครื่องจักร hashemian ( 2011 ) hashemian และถั่ว ( 2011 ) และโรดิเกรซและเปเรซ ( 2002 ) พัฒนาเซ็นเซอร์ที่ใช้แบบจำลองเพื่อ PDM เหล่านี้เทคโนโลยีอุตสาหกรรมและต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่ในการติดตั้ง ดังนั้นการประยุกต์ขององค์กรขนาดใหญ่ เมื่อทำการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องแก้ไข ถ้าใช้กับ บริษัท ที่แตกต่างกันภายในอุตสาหกรรมเดียวกันและมักจะใช้เป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับการระบุโหมดความล้มเหลว ดังนั้น การปรับปรุงความน่าเชื่อถือของสินค้าหรือส่วนประกอบ มีจำนวนของงานวิจัยการประยุกต์ใช้ FMEA ตัวอย่างเช่นกรอง et al . ( 2013 ) และใช้แนวทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงของพืชพลังงานใต้พิภพ barends et al . ( 2012 ) เสนอการปรับเปลี่ยนรูปแบบและเหนือกว่าปกติของ FMEA ตั้งขึ้นรูปแบบของ FMEA ใช้ในการวินิจฉัยข้อบกพร่องสำหรับเครื่องและการบริการที่เสนอโดยฟรีสนุและราคา ( 2012 ) และกึม et al . ( 2011 ) hoseynabadi et al . ( 2010 ) ใช้สูตรวิธีการศึกษาความเชื่อถือได้ของระบบผลิตไฟฟ้ากังหันลม