Following Darwin, James believed th

Following Darwin, James believed that mental events and overt behavior always have a function. Rather than studying consciousness as a group of elements that combined in some lawful way, as
physical elements do, James viewed consciousness as a stream of ever-changing mental events whose purpose is to allow the person to adjust to the environment. For James the major criterion for judging an idea is the idea’s usefulness, and he applied this pragmatism to the idea of free will. James believed that while working as a scientist, a person has to accept determinism; while not playing the role of scientist, however, a person can accept free will and feel responsible for his or her activities, instead of feeling as if one is a victim of circumstance. James believed that much of behavior is instinctive and much of it learned. James discussed the empirical self, which consists of the material self (all the material things that a person can call his or her own), the social self (the self as known by other people), and the spiritual self (all of which a person is conscious). There was, for James, also a self as knower, or an “I” of the personality. The self as knower, or “pure ego,” transcends the empirical self. Self- esteem is determined by the ratio of things at- tempted to things achieved. One can increase one’s self-esteem by either accomplishing more or attempting less. According to the James–Lange theory of emotion, an individual first reacts behaviorally and then has an emotional reaction. Because people feel according to how they act, they can determine their feelings by choosing their actions. James believed that thoughts determined behavior and that we can determine our thoughts. Behind all acts of volition is selective attention because it is what we select to attend to that determines our behavior. Everywhere in James’s writings, one sees his pragmatism: Ideas are to be evaluated only in terms of their usefulness or “cash-value.” In many ways, psychology today is the type of psychology James outlined—a psychology willing to embrace all aspects of human existence and to employ those techniques found to be effective.

Results (Thai) 1:

ต่อไปนี้ดาร์วิน เจมส์เชื่อว่า กิจกรรมทางจิตและพฤติกรรมก่อจะได้ฟังก์ชัน แทนที่จะศึกษาจิตสำนึกเป็นกลุ่มขององค์ประกอบที่รวมกันในทางกฎหมายบาง เป็นองค์ประกอบทางกายภาพทำ เจมส์ดูสติเป็นกระแสเปลี่ยนแปลงกิจกรรมทางจิตที่มีวัตถุประสงค์คือเพื่อ การปรับสิ่งแวดล้อมให้บุคคล สำหรับเจมส์ เกณฑ์หลักสำหรับตัดสินความคิดเป็นประโยชน์ความคิด และเขาใช้ลัทธิปฏิบัตินิยมนี้กับความคิดของความ เจมส์เชื่อว่า ในขณะทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นคนที่มีการยอมรับชะตา ขณะที่ไม่ได้เล่นบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม คนสามารถยอมรับมา แล้วรู้สึกรับผิดชอบของเขา หรือเธอกิจกรรม แทนความรู้สึกว่าเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เจมส์เชื่อว่า ลักษณะการทำงานมากเป็นสัญชาตญาณ และได้เรียนรู้มากของมัน เจมส์กล่าวถึงตนเองเชิงประจักษ์ ซึ่งประกอบด้วยวัสดุเอง (วัสดุสิ่งที่บุคคลสามารถเรียก ตนเอง), ตัวสังคมเอง (ตัวเองเป็นคนอื่นที่รู้จักกัน), และตัวเองจิตวิญญาณ (ทุกคนคือสติ) ได้ สำหรับเจมส์ นอกจากนี้ตนเองเป็นรู้ หรือ "ผม" บุคลิกภาพของ ตัวเองเป็นรู้ หรือ "อัตตาบริสุทธิ์ transcends ตัวเองเชิงประจักษ์ เห็นคุณค่าในตนเองจะถูกกำหนด โดยอัตราส่วนของสิ่งที่ - อยากสิ่งที่ประสบความสำเร็จ หนึ่งสามารถเพิ่มของความนับถือตนเอง โดยการทำเพิ่มเติม หรือพยายามน้อย ตามทฤษฎี James-Lange อารมณ์ บุคคลแรก ทำปฏิกิริยาตามพฤติกรรม และมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ เพราะคนรู้สึกตามการกระทำ พวกเขาสามารถตรวจสอบความรู้สึก โดยเลือกกระทำของพวกเขา เจมส์เชื่อว่า ความคิดกำหนดลักษณะการทำงาน และที่เราสามารถตรวจสอบความคิดของเรา เบื้องหลังการกระทำทั้งหมดของความตั้งใจมีความสนใจเลือก เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกจะเข้าร่วมกับที่กำหนดพฤติกรรมของเรา ทุกที่ในงานเขียนของเจมส์ เห็นเขาลัทธิปฏิบัตินิยม: ความคิดมีให้ประเมินเฉพาะในแง่ของประโยชน์หรือ "ด้วยมูลค่าเงินสด" ในหลาย ๆ จิตวิทยาวันนี้เป็นชนิดของจิตวิทยาไว้เจมส์ — จิตวิทยาที่เต็มใจ จะโอบกอดทุกด้านของการดำรงอยู่ของมนุษย์ และ การใช้เทคนิคเหล่านั้นพบว่ามีประสิทธิภาพ

Results (Thai) 2:

ต่อไปนี้ดาร์วินเจมส์เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางจิตและพฤติกรรมชัดเจนมักจะมีฟังก์ชั่น แทนที่จะศึกษาจิตสำนึกเป็นกลุ่มขององค์ประกอบที่รวมกันในบางวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็น
องค์ประกอบทางกายภาพทำเจมส์ดูสติเป็นกระแสของการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเหตุการณ์ทางจิตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บุคคลที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม เจมส์เกณฑ์ที่สำคัญสำหรับการตัดสินความคิดที่เป็นประโยชน์ของความคิดและเขานำไปใช้ปฏิบัตินี้กับความคิดของฟรีจะ เจมส์เชื่อว่าขณะที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์คนมีที่จะยอมรับชะตา; ขณะที่ไม่ได้เล่นบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นคนที่สามารถยอมรับเจตจำนงเสรีและความรู้สึกรับผิดชอบต่อกิจกรรมของเขาหรือเธอแทนความรู้สึกราวกับว่ามีใครเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เจมส์เชื่อว่ามากของพฤติกรรมเป็นสัญชาตญาณและมากของมันได้เรียนรู้ เจมส์กล่าวด้วยตนเองเชิงประจักษ์ซึ่งประกอบด้วยตัวเองวัสดุ (ทุกสิ่งที่วัสดุที่คนสามารถโทรหาเขาหรือเธอเอง) ที่ตนเองสังคม (ตัวเองเป็นที่รู้จักกันโดยคนอื่น) และตัวเองจิตวิญญาณ (ทั้งหมดที่ คนมีสติ) นอกจากนี้สำหรับเจมส์ยังมีตัวเองเป็นปราชญ์หรือ "ฉัน" ของบุคลิกภาพ ตัวเองเป็นปราชญ์หรือ "อัตตาบริสุทธิ์" ฟันฝ่าด้วยตนเองเชิงประจักษ์ ความนับถือตนเองจะถูกกำหนดโดยอัตราส่วนของสิ่งที่ AT-อยากที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ หนึ่งสามารถเพิ่มหนึ่งของความภาคภูมิใจในตัวเองโดยทั้งประสบความสำเร็จมากขึ้นหรือน้อยพยายาม ตามทฤษฎีเจมส์-มีเหตุมีผลของอารมณ์ความรู้สึกบุคคลแรกที่ตอบสนองพฤติกรรมและจากนั้นมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ เพราะคนรู้สึกตามวิธีการที่พวกเขาทำหน้าที่ที่พวกเขาสามารถตรวจสอบความรู้สึกของพวกเขาโดยการเลือกการกระทำของตน เจมส์เชื่อว่าความคิดพฤติกรรมและความมุ่งมั่นที่เราสามารถกำหนดความคิดของเรา ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำทั้งหมดของสังขารคือความสนใจเลือกเพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะเข้าร่วมกับที่กำหนดพฤติกรรมของเรา ทุกที่ในงานเขียนของเจมส์หนึ่งเห็นยุ่งของเขา: ไอเดียที่จะได้รับการประเมินเฉพาะในแง่ของประโยชน์ของพวกเขาหรือ ". เงินสดค่า" ในหลาย ๆ วิธีจิตวิทยาวันนี้เป็นชนิดของจิตวิทยาเจมส์ที่ระบุไว้-จิตวิทยายินดีที่จะโอบกอดทุกแง่มุมของ การดำรงอยู่ของมนุษย์และการใช้เทคนิคเหล่านั้นพบว่ามีประสิทธิภาพ

Results (Thai) 3:

ต่อไปนี้ ดาร์วิน เจมส์เชื่อว่าเหตุการณ์ทางจิตและพฤติกรรมชัดเจนมักจะมีฟังก์ชัน แทนที่จะศึกษาจิตเป็นกลุ่มขององค์ประกอบที่รวมกันในบางวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นองค์ประกอบทางกายภาพแล้ว เจมส์ดูเป็นกระแสของจิต จิตเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บุคคลปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ สำหรับ เจมส์ หลักเกณฑ์สำหรับตัดสินความคิด คือ ความคิดของประโยชน์ และเขาใช้ประโยชน์นี้เพื่อความคิดของฟรีจะ เจมส์เชื่อว่าในขณะที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ มีคนยอมรับ ทฤษฏี ในขณะที่ไม่ได้เล่นบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม บุคคลสามารถรับจะฟรีและรู้สึกรับผิดชอบกิจกรรมต่างๆ ของเขา หรือเธอ แทนที่จะรู้สึกว่าเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เจมส์เชื่อว่ามากพฤติกรรมสัญชาตญาณและมากมันเรียนรู้ เจมส์ กล่าวถึงตนเองเชิงประจักษ์ ซึ่งประกอบด้วยตนเองวัสดุ ( วัสดุทั้งหมดที่บุคคลสามารถเรียกของตัวเองของเขาหรือเธอ ) , สังคมตนเอง ( ตัวเองเป็นคนรู้อื่น ๆ ) , และตนเองมโนมัย ( ซึ่งทั้งหมดเป็นคนรู้สึกตัว ) มี เจมส์ ยังเป็นที่รู้จักเธอด้วยหรือ " ผม " ของบุคลิกภาพ ตนเองว่ารู้จักเธอหรือ " อัตตาบริสุทธิ์ " ก้าวข้ามตนเองเชิงประจักษ์ การเห็นคุณค่าในตนเองจะพิจารณาจากอัตราส่วนของสิ่งที่อยากเรื่องความ หนึ่งสามารถเพิ่มหนึ่งของความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองโดยให้บรรลุเพิ่มเติมหรือพยายามน้อยลง ตามทฤษฎีของเจมส์ - มีเหตุมีผล อารมณ์ บุคคลแรกที่ตอบสนองพฤติกรรมและมีปฏิกิริยาทางอารมณ์ เพราะคนรู้สึกตามวิธีการที่พวกเขาทำ พวกเขาสามารถตรวจสอบความรู้สึกของพวกเขาโดยการเลือกการกระทำของตนเอง เจมส์เชื่อว่าความคิดกำหนดพฤติกรรม และเราสามารถตรวจสอบความคิดของเรา เบื้องหลังการกระทำของ volition คือเลือกสนใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะทำสิ่งที่กำหนดพฤติกรรมของเรา ทุกที่ในงานเขียนของเจมส์ หนึ่งเห็นประโยชน์ของเขา ความคิดจะถูกประเมินในแง่ของประโยชน์หรือ " มูลค่าเงินสดของพวกเขา . " ในหลายวิธี จิตวิทยาในวันนี้เป็นชนิดของจิตวิทยา เจมส์ outlined-a จิตวิทยายินดีที่จะโอบกอดทุกแง่มุมของการดำรงอยู่ของมนุษย์ และใช้เทคนิคที่พบว่ามีประสิทธิภาพ