During the euglycemic condition, th

During the euglycemic condition, the patients ingested on average 25 ± 10% (162 ± 65 kcal) more energy than during the hyperglycemic condition (645 ± 75 vs. 483 ± 37 kcal; P = 0.029). Separate analyses of ingested macronutrient components revealed that the patients ate significantly more carbohydrates (294 ± 46 vs. 215 ± 89 kcal; P = 0.037), proteins (109 ± 11 vs. 82 ± 8 kcal; P = 0,046), and fat (241 ± 27 vs. 186 ± 21 kcal; P = 0.046) during euglycemia than hyperglycemia. Thus, the percentage of energy ingested as carbohydrates (44 ± 3 vs. 44 ± 4% P = 0.941), fat (39 ± 3 vs. 39 ± 3%; P = 0.882), and proteins (17 ± 1 vs. 17 ± 1; P = 0.938) was remarkably similar for both the euglycemic and hyperglycemic conditions. Interestingly, when the total influx of energy was calculated, summing up the energy ingested by food and infused by glucose, this was almost identical for the euglycemic and hyperglycemic condition (794 ±. 64 vs. 790 ± 53 kcal; P = 0.961).

The individual differences in total food intake between the euglycemic and hyperglycemic condition did not significantly correlate with the age (r = -0.452; P = 0.168), BMI (r= -0.07; P = 0.833), diabetes duration (r = 0.30; P = 0.348), and HbA^sub 1c^ (r = 0.02; P = 0.950) in the patients.

Results (Thai) 1:

ระหว่างเงื่อนไข euglycemic ผู้ป่วยที่กินพลังงานเฉลี่ย 25 ± 10% (162 ± 65 กิโลแคลอรี่) เพิ่มมากขึ้นกว่าในระหว่างเงื่อนไข hyperglycemic (645 ± 75 เทียบกับ 483 ± 37 กิโลแคลอรี่ P = 0.029) วิเคราะห์แยกส่วนประกอบ macronutrient ติดเครื่องแล้วเปิดเผยว่า ผู้ป่วยรับประทานคาร์โบไฮเดรตมาก (294 ± 46 เทียบกับ 215 ± 89 กิโลแคลอรี่ P = 0.037), โปรตีน (109 ± 11 เทียบกับ 82 ± 8 กิโลแคลอรี่ P = 0,046), และไขมัน (241 ± 27 เทียบกับ 186 ± 21 กิโลแคลอรี่ P = 0.046) ระหว่าง euglycemia กว่า hyperglycemia ดังนั้น เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่กินเป็นคาร์โบไฮเดรต (44 ± 3 เทียบกับ 44 ± 4% P = 0.941), ไขมัน (39 ± 3 เทียบกับ 39 ± 3% P = 0.882), และโปรตีน (17 ± 1 เทียบกับ 17 ± 1 P = 0.938) ถูก euglycemic และ hyperglycemic เงื่อนไขเหมือนกัน เป็นเรื่องน่าสนใจ เมื่อหลั่งไหลของพลังงานรวมคำนวณ รวมพลังงานที่กิน โดยอาหาร และผสมผสาน ด้วยน้ำตาลกลูโคส นี้เป็นเหมือนกับ euglycemic และเงื่อนไข hyperglycemic (794 ±. 64 เทียบกับ 790 ± 53 กิโลแคลอรี่ P = 0.961)

ความแตกต่างแต่ละในการรับประทานอาหารรวมระหว่าง euglycemic hyperglycemic เงื่อนไขได้ไม่มากซึ่ง มีอายุ (r =-0.452 P = 0.168), BMI (r =-0.07 P = 0.833), ระยะเวลาของโรคเบาหวาน (r = 0.30 P = 0.348), และ HbA
ย่อย 1 c
(r = 0.02 P = 0.950) ในผู้ป่วย

Results (Thai) 2:

ในช่วงที่สภาพ euglycemic ผู้ป่วยที่กินเฉลี่ย 25 ± 10% (162 ± 65 กิโลแคลอรี) พลังงานมากขึ้นกว่าในช่วงภาวะระดับน้ำตาลในเลือด (645 ± 75 เทียบกับ 483 ± 37 กิโลแคลอรี, P = 0.029) การวิเคราะห์แยกองค์ประกอบ macronutrient ติดเครื่องเผยให้เห็นว่าผู้ป่วยที่กินคาร์โบไฮเดรตอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้น (294 ± 46 เทียบกับ 215 ± 89 กิโลแคลอรี, P = 0.037), โปรตีน (109 ± 11 เทียบกับ 82 ± 8 กิโลแคลอรี, P = 0,046) และไขมัน ( 241 ± 27 เทียบกับ 186 ± 21 กิโลแคลอรี, P = 0.046) ในระหว่าง euglycemia น้ำตาลในเลือดสูงกว่า ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่กินเป็นคาร์โบไฮเดรต (44 ± 3 เทียบกับ 44 ± 4% P = 0.941), ไขมัน (39 ± 3 เทียบกับ 39 ± 3%, P = 0.882) และโปรตีน (17 ± 1 กับ 17 ± 1, P = 0.938) เป็นอย่างน่าทึ่งที่คล้ายกันสำหรับทั้งสอง euglycemic และเงื่อนไขที่ระดับน้ำตาลในเลือด (; P = 0.961 794 ± 64 เทียบกับ 790 ± 53 กิโลแคลอรี.) น่าสนใจเมื่อไหลบ่าเข้ามาของพลังงานรวมที่คำนวณได้ข้อสรุปถึงการใช้พลังงานโดยการกินอาหารและการผสมโดยกลูโคสนี้ก็เกือบจะเหมือนกันสำหรับ euglycemic และสภาพระดับน้ำตาลในเลือดความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการรับประทานอาหารรวมระหว่าง euglycemic และสภาพระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับอายุ (r = -0.452, P = 0.168) ค่าดัชนีมวลกาย (r = -0.07, P = 0.833) ระยะเวลาการเป็นโรคเบาหวาน (r = 0.30; P = 0.348) และ HBA ^ ย่อย 1c ^ (r = 0.02, P = 0.950) ในผู้ป่วย

Results (Thai) 3:

ในเงื่อนไข euglycemic ผู้ป่วยกินเฉลี่ย 25 ± 10% ( 162 ± 65 กิโลแคลอรี ) พลังงานมากขึ้นกว่าในเงื่อนไขกิจกรรม ( 645 ± 75 และมี± 37 กิโล ; p = 0.029 ) แยกวิเคราะห์จากส่วนประกอบของอาหารพบว่าผู้ป่วยกินคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น ( 294 ± 46 กับ 215 ± 89 กิโล ; p = 0.037 ) , โปรตีน ( 109 ± 11 กับ 82 ± 8 กิโล ; p = 0046 )และไขมัน ( 241 ± 27 กับ 186 ± 21 กิโล ; p = 0.046 ) ในช่วง euglycemia กว่า hyperglycemia . ดังนั้นร้อยละของพลังงานที่ได้รับ เช่น คาร์โบไฮเดรต ( 44 ± 3 vs . 44 ± 4 % P = 0.941 ) , ไขมัน ( 39 ± 3 vs . 39 ± 3 % ; p = 0.882 ) และโปรตีน ( 17 ± 1 กับ 17 ± 1 ; P = 0.938 ) เป็นอย่างน่าทึ่งเหมือนกันทั้ง euglycemic และเงื่อนไขเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด . ทั้งนี้ เมื่อนับรวมพลังงานขนาดเล็กสรุปพลังงานกินโดยอาหารและ infused โดยกลูโคส นี้ก็เกือบจะเหมือนกันสำหรับ euglycemic สภาพและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ( 794 ± . 64 . 790 ± 53 กิโล ; p = 0.961 ) .

ความแตกต่างในการบริโภคอาหารระหว่าง euglycemic ทั้งหมดและเงื่อนไขไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดมีความสัมพันธ์กับอายุ ( r = -0.452 ; P = 0.168 ) , ดัชนีมวลกาย ( r = -0.07 ; P = 0.833 )ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ( r = 0.30 ; P = 0.348 ) และด้านย่อย c

( r = 0.02 ; P = 0.950 ) ในผู้ป่วย