Explanation: This document is an at

Explanation: This document is an attempt to make an arcane and not very well understood area of inquiry intelligible to someone who knows no logic or linguistics. It was originally written for an encyclopedia that wanted something accessible even to a pre-high-school audience. But it doesn't appear in any encyclopedia, because I wasn't willing to write something to the editors' specifications, and they weren't willing to change their specifications. This episode is yet another example of how bad a job semanticists have done of making even well-informed laymen aware of what the issues are in the field.
Semantics is the study of the meaning of linguistic expressions. The language can be a natural language, such as English or Navajo, or an artificial language, like a computer programming language. Meaning in natural languages is mainly studied by linguists. In fact, semantics is one of the main branches of contemporary linguistics. Theoretical computer scientists and logicians think about artificial languages. In some areas of computer science, these divisions are crossed. In machine translation, for instance, computer scientists may want to relate natural language texts to abstract representations of their meanings; to do this, they have to design artificial languages for representing meanings.

There are strong connections to philosophy. Earlier in this century, much work in semantics was done by philosophers, and some important work is still done by philosophers.

Anyone who speaks a language has a truly amazing capacity to reason about the meanings of texts. Take, for instance, the sentence

(S) I can't untie that knot with one hand.
Even though you have probably never seen this sentence, you can easily see things like the following:

The sentence is about the abilities of whoever spoke or wrote it. (Call this person the speaker.)
It's also about a knot, maybe one that the speaker is pointing at.
The sentence denies that the speaker has a certain ability. (This is the contribution of the word ‘can't’.)
Untying is a way of making something not tied.
The sentence doesn't mean that the knot has one hand; it has to do with how many hands are used to do the untying.
The meaning of a sentence is not just an unordered heap of the meanings of its words. If that were true, then ‘Cowboys ride horses’ and ‘Horses ride cowboys’ would mean the same thing. So we need to think about arrangements of meanings.

Here is an arrangement that seems to bring out the relationships of the meanings in sentence (S).

Not [ I [ Able [ [ [Make [Not [Tied]]] [That knot ] ] [With One Hand] ] ] ]

The unit [Make [Not [Tied]] here corresponds to the act of untying; it contains a subunit corresponding to the state of being untied. Larger units correspond to the act of untying-that-knot and to the act to-untie-that-knot-with-one-hand. Then this act combines with Able to make a larger unit, corresponding to the state of being-able-to-untie-that-knot-with-one-hand. This unit combines with I to make the thought that I have this state -- that is, the thought that I-am-able-to-untie-that-knot-with-one-hand. Finally, this combines with Not and we get the denial of that thought.

This idea that meaningful units combine systematically to form larger meaningful units, and understanding sentences is a way of working out these combinations, has probably been the most important theme in contemporary semantics.

Linguists who study semantics look for general rules that bring out the relationship between form, which is the observed arrangement of words in sentences, and meaning. This is interesting and challenging, because these relationships are so complex.

A semantic rule for English might say that a simple sentence involving the word ‘can't’ always corresponds to a meaning arrangement like

Not [ Able ... ],

but never to one like

Able [ Not ... ].

For instance, ‘I can't dance’ means that I'm unable to dance; it doesn't mean that I'm able not to dance.

To assign meanings to the sentences of a language, you need to know what they are. It is the job of another area of linguistics, called syntax, to answer this question, by providing rules that show how sentences and other expressions are built up out of smaller parts, and eventually out of words. The meaning of a sentence depends not only on the words it contains, but on its syntactic makeup: the sentence

(S) That can hurt you,
for instance, is ambiguous -- it has two distinct meanings. These correspond to two distinct syntactic structures. In one structure ‘That’ is the subject and ‘can’ is an auxiliary verb (meaning “able”), and in the other ‘That can’ is the subject and ‘can’ is a noun (indicating a sort of container).

Because the meaning of a sentence depends so closely on its syntactic structure, linguists have given a lot of thought to the relations between syntactic structure and meaning; in fact, evidence about ambiguity is one way of testing ideas about syntactic structure.

You would ex

Results (Thai) 1:

คำอธิบาย: เอกสารนี้เป็นความพยายามที่ทำให้พื้นที่ความลับ และไม่ดีเข้าใจคำถามได้ให้คนที่รู้ไม่มีตรรกะหรือภาษาศาสตร์ นอกจากนี้มันเดิมถูกเขียนขึ้นสำหรับสารานุกรมที่ต้องบางสิ่งบางอย่างที่ถึงแม้ผู้ชมนล่วงหน้าสูงโรงเรียน แต่กลับไม่ปรากฏในสารานุกรมใด ๆ เนื่องจากผมไม่เต็มใจที่จะเขียนสิ่งที่บรรณาธิการข้อมูลจำเพาะ และพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนข้อกำหนดของพวกเขา ตอนนี้ยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของงานดีทำทำให้ฆราวาสได้รับทราบถึงปัญหาที่อยู่ในเขต semanticistsความหมายคือ การศึกษาความหมายของการแสดงออกทางภาษา ภาษาภาษาธรรมชาติ เช่นภาษาอังกฤษ หรือนาวาโฮ หรือการประดิษฐ์ ภาษา เขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ก็ได้ ส่วนใหญ่มีศึกษาความหมายธรรมชาติภาษา โดยนักแปล ในความเป็นจริง ความหมายของเป็นหนึ่งในสาขาหลักของภาษาศาสตร์ร่วมสมัย นักวิทยาศาสตร์ทฤษฎีคอมพิวเตอร์และ logicians คิดเกี่ยวกับภาษาประดิษฐ์ ในบางพื้นที่ของวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน่วยงานเหล่านี้จะข้าม ในเครื่องแปล เช่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อาจต้องเกี่ยวข้องกับข้อความภาษาธรรมชาติย่อที่ใช้แทนความหมาย การทำเช่นนี้ พวกเขามีการออกแบบประดิษฐ์ภาษาสำหรับการแสดงความหมายมีเชื่อมต่อกับปรัชญา ในศตวรรษนี้ ก่อนหน้านี้ทำงานมากในตามปรัชญา และยังมีทำงานสำคัญบาง โดยนักปรัชญาทุกคนที่พูดภาษามีความจุที่น่าให้เหตุผลเกี่ยวกับความหมายของข้อความ ใช้ เช่น ประโยค(S) ฉันไม่สามารถปลดปมที่เดียวแม้ว่าคุณอาจไม่เคยเห็นประโยคนี้ คุณสามารถดูสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ได้:ประโยคไม่เกี่ยวกับความสามารถของผู้พูด หรือเขียนมัน (เรียกบุคคลนี้ลำโพง)เป็นเกี่ยวกับปม บางทีหนึ่งที่ชี้ไปที่ลำโพงประโยคปฏิเสธว่า ลำโพงมีความสามารถบางอย่าง (นี่คือสัดส่วนของการคำ 'ไม่สามารถ')Untying วิธีการทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้ผูกติดอยู่ประโยคไม่ได้หมายความ ว่า ปมมือหนึ่ง มันมีการทำกับมือว่าใช้การ untyingความหมายของประโยคไม่ใช่เพียงการฮีปที่เรียงลำดับความหมายของคำ ถ้าที่แท้จริง แล้ว 'คาวบอยขี่ม้า' และ 'ขี่ม้าคาวบอย' จะหมายถึง สิ่งเดียวกัน ดังนั้น เราต้องคิดเกี่ยวกับการเตรียมความนี่คือการจัดเรียงที่ดูเหมือนจะดึงความสัมพันธ์ของความหมายในประโยค (S)ไม่ [ฉัน [สามารถ [[[ทำ [ไม่ [ผูก]]] [ปมที่]] [กับมือหนึ่ง]]]]หน่วย [ทำ [ไม่ [ผูก]] ที่นี่ตรงกับการกระทำของ untying มันประกอบด้วยย่อยที่สอดคล้องกับสถานะของการ untied หน่วยสอดคล้อง กับการกระทำของ untying ว่าปม และพระราชบัญญัติ to-untie-that-knot-with-one-hand จากนั้น พระราชบัญญัตินี้รวมกับสามารถที่จะทำให้หน่วยขนาดใหญ่ ที่สอดคล้องกับสถานะของ being-able-to-untie-that-knot-with-one-hand หน่วยนี้รวมกับฉันให้คิดว่า มีสถานะนี้ - นั่นคือ ความคิดที่ I-am-able-to-untie-that-knot-with-one-hand ในที่สุด นี้รวมกับไม่ และเราได้รับการปฏิเสธความคิดความคิดนี้ว่า หน่วยที่มีความหมายรวมเป็นระบบในรูปแบบหน่วยความหมาย และประโยคเข้าใจ วิธีการทำงานออกชุดเหล่านี้ อาจมีรูปแบบสำคัญที่สุดในสมัยภาษาศาสตร์ที่ศึกษาความหมายของค้นหากฎทั่วไปที่นำออกมาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบ การจัดเรียงที่สังเกตคำในประโยค และความหมาย นี้เป็นที่น่าสนใจ และ ท้าทาย เนื่องจากความสัมพันธ์เหล่านี้มีความซับซ้อนดังนั้นกฎทางตรรกสำหรับภาษาอังกฤษอาจกล่าวได้ว่า เป็นประโยคแบบง่าย ๆ เกี่ยวข้องกับคำว่า 'ไม่' เสมอสอดคล้องกับการจัดการความหมายเช่นไม่ [สามารถ...],แต่ไม่เคยไปเหมือนหนึ่งสามารถ [ไม่...]เช่น 'ไม่สามารถเต้น' หมายความ ว่า ฉันไม่สามารถเต้น มันไม่ได้หมายความ ว่า ผมจะไม่เต้นการกำหนดความหมายประโยคภาษา คุณต้องรู้อะไรบ้าง มันเป็นงานของพื้นที่อื่นของภาษาศาสตร์ ไวยากรณ์ การตอบคำถามนี้ โดยให้กฎที่แสดงวิธีสร้างประโยคและนิพจน์อื่น ๆ ขึ้น จากส่วนเล็ก และในที่สุด จากคำ ที่เรียกว่า ความหมายของประโยคขึ้นไม่เพียงแต่ บนคำที่ประกอบด้วย แต่การแต่งหน้าทางไวยากรณ์: ประโยค(S) ที่สามารถทำร้ายคุณเช่น เป็นชัดเจน - มีสองความหมายที่แตกต่างกัน เหล่านี้สอดคล้องกับโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่แตกต่างกันสอง ในหนึ่งโครงสร้าง 'ที่' เรื่องและ 'สามารถ' เป็นกริยาการเสริม (หมายถึง "สามารถ"), และในอื่น ๆ 'ที่สามารถ' ที่เป็นเรื่อง และ 'สามารถ' เป็นคำนาม (แสดงการเรียงลำดับของคอนเทนเนอร์)เพราะความหมายของประโยคเพื่อให้ใกล้ชิดขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางไวยากรณ์ ภาษาศาสตร์ให้จำนวนมากของความคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างทางไวยากรณ์และความหมาย ในความเป็นจริง หลักฐานเกี่ยวกับความคลุมเครือเป็นวิธีหนึ่งของการทดสอบแนวความคิดเกี่ยวกับโครงสร้างทางไวยากรณ์คุณต้องการเช่น

Results (Thai) 2:

คำอธิบาย: เอกสารนี้เป็นความพยายามที่จะทำให้เป็นความลับและไม่เข้าใจเป็นอย่างดีในพื้นที่ของการสอบสวนเข้าใจกับคนที่รู้ไม่มีตรรกะหรือภาษาศาสตร์ มันถูกเขียนขึ้นมาเพื่อสารานุกรมที่ต้องการสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้แม้กระทั่งกับผู้ชม Pre-High โรงเรียน แต่ก็ไม่ได้ปรากฏในสารานุกรมใด ๆ เพราะผมก็ไม่เต็มใจที่จะเขียนอะไรบางอย่างกับข้อกำหนดของบรรณาธิการ 'และพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนข้อกำหนดของพวกเขา ตอนนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของวิธีการที่ไม่ดี semanticists งานได้ทำในการทำฆราวาสแม้สันทัดกรณีตระหนักถึงอีกสิ่งที่เป็นปัญหาในสนาม
ความหมายคือการศึกษาความหมายของการแสดงออกทางภาษา ภาษาที่สามารถจะเป็นภาษาธรรมชาติเช่นภาษาอังกฤษหรือภาษานาวาโฮหรือภาษาประดิษฐ์เช่นภาษาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ความหมายในภาษาธรรมชาติคือการศึกษาส่วนใหญ่โดยนักภาษาศาสตร์ ในความเป็นจริงความหมายเป็นหนึ่งในสาขาหลักภาษาศาสตร์ร่วมสมัย นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ทฤษฎีและ logicians คิดเกี่ยวกับภาษาเทียม ในบางพื้นที่ของวิทยาการคอมพิวเตอร์หน่วยงานเหล่านี้จะข้าม ในเครื่องแปลภาษาเช่นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อาจต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับตำราภาษาธรรมชาติเพื่อเป็นตัวแทนนามธรรมของความหมายของพวกเขา; การทำเช่นนี้พวกเขามีการออกแบบภาษาเทียมสำหรับเป็นตัวแทนของความหมาย

มีการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในการเป็นปรัชญา ก่อนหน้านี้ในศตวรรษนี้ทำงานมากในความหมายที่ได้กระทำโดยนักปรัชญาและบางงานที่สำคัญจะทำยังโดยนักปรัชญา

ทุกคนที่พูดภาษาที่มีความจุน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริงที่จะให้เหตุผลเกี่ยวกับความหมายของข้อความ ใช้ตัวอย่างเช่นประโยค

(S) ฉันไม่สามารถแก้ปมว่าด้วยมือข้างหนึ่ง
แม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยเห็นประโยคนี้คุณสามารถเห็นสิ่งดังต่อไปนี้:

ประโยคที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสามารถของใครก็ตามที่พูดหรือเขียนมัน (เรียกคนนี้ลำโพง.)
นอกจากนี้ยังเป็นเกี่ยวกับปมอาจจะหนึ่งที่ลำโพงจะชี้ไปที่
ประโยคปฏิเสธว่าลำโพงมีความสามารถบางอย่าง (นี่คือผลงานของคำว่า 'ไม่สามารถ'.)
แก้เป็นวิธีการทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้เชื่อมโยง
ประโยคไม่ได้หมายความว่าปมมีมือข้างหนึ่ง; มันจะทำอย่างไรกับวิธีการหลายมือที่จะใช้ในการทำ untying
ความหมายของประโยคไม่ได้เป็นเพียงกองเรียงลำดับของความหมายของคำของมัน หากพบว่าเป็นจริงแล้ว 'คาวบอยขี่ม้า' และ 'ม้าคาวบอยขี่ม้า' จะหมายถึงสิ่งเดียวกัน ดังนั้นเราจึงต้องคิดเกี่ยวกับการเตรียมความหมาย

นี่คือการจัดเรียงที่ดูเหมือนว่าจะนำมาออกความสัมพันธ์ของความหมายในประโยค (s)

ไม่ได้ [I [สามารถ [[[ยี่ห้อ [ไม่ [ผูก]]] [ปมว่า]] [ด้วยมือข้างหนึ่ง]]]]

หน่วย [ยี่ห้อ [ไม่ [ผูก]] นี่สอดคล้องกับการกระทำของ untying นั้น มันมีหน่วยย่อยที่สอดคล้องกับสถานะของการเป็นแก้ หน่วยขนาดใหญ่สอดคล้องกับการกระทำของ untying ที่ปมและการกระทำที่ต้องแก้ที่ปมที่มีมือเดียว แล้วการกระทำนี้รวมกับสามารถที่จะทำให้หน่วยที่ใหญ่สอดคล้องกับสถานะของความเป็นอยู่สามารถไปแก้ที่ปมที่มีมือเดียว หน่วยนี้รวมกับผมที่จะทำให้ความคิดที่ว่าฉันมีรัฐนี้ - นั่นคือความคิดที่ว่า I-AM-สามารถไปแก้ที่ปมที่มีมือเดียว สุดท้ายนี้ไม่รวมกับและเราได้รับการปฏิเสธการคิดว่า

ความคิดที่ว่าหน่วยงานที่มีความหมายรวมระบบในรูปแบบหน่วยที่มีความหมายที่มีขนาดใหญ่และมีความเข้าใจประโยคเป็นวิธีการทำงานออกรวมกันเหล่านี้ได้รับอาจจะเป็นรูปแบบที่สำคัญที่สุดในความหมายร่วมสมัย

นักภาษาศาสตร์ที่ศึกษาความหมายมองหากฎทั่วไปที่นำมาออกความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบซึ่งเป็นที่สังเกตการจัดเรียงของคำในประโยคและความหมาย นี้เป็นที่น่าสนใจและท้าทายเพราะความสัมพันธ์เหล่านี้มีความซับซ้อนดังนั้น

กฎความหมายภาษาอังกฤษอาจจะบอกว่าประโยคง่าย ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า 'ไม่สามารถ' มักจะสอดคล้องกับการจัดความหมายเหมือน

ไม่ได้ [สามารถ ... ]

แต่ไม่เคยให้เป็นหนึ่งเช่น

สามารถ [ไม่ ... ]

ยกตัวอย่างเช่น 'ฉันไม่สามารถเต้น' หมายความว่าฉันไม่สามารถเต้นรำ มันไม่ได้หมายความว่าผมสามารถที่จะไม่เต้น

ในการกำหนดความหมายของประโยคของภาษาที่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งที่พวกเขา มันเป็นงานของพื้นที่ของภาษาศาสตร์อื่นเรียกว่าไวยากรณ์ที่จะตอบคำถามนี้โดยการให้กฎที่แสดงให้เห็นว่าประโยคและสำนวนอื่น ๆ จะถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กและในที่สุดก็ออกมาจากคำพูดของ ความหมายของประโยคขึ้นไม่เพียง แต่ในคำที่มันมี แต่ในการแต่งหน้าของประโยค: ประโยค

(s) ที่สามารถทำร้ายคุณ
เช่นไม่ชัดเจน - มันมีสองความหมายที่แตกต่างกัน เหล่านี้สอดคล้องกับสองโครงสร้างประโยคที่แตกต่างกัน หนึ่งในโครงสร้าง 'นั่นเป็นเรื่องและ' สามารถ 'เป็นกริยาช่วย (หมายถึง "สามารถ") และในอื่น ๆ ที่สามารถ' เป็นเรื่องและ 'สามารถ' เป็นคำนาม (ระบุการจัดเรียงของภาชนะ)

เพราะความหมายของประโยคขึ้นอยู่อย่างใกล้ชิดกับโครงสร้างประโยคของนักภาษาศาสตร์ได้ให้มากความคิดกับความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างประโยคและความหมายที่; ในความเป็นจริงมีหลักฐานเกี่ยวกับความคลุมเครือเป็นวิธีหนึ่งในการทดสอบของความคิดเกี่ยวกับโครงสร้างประโยค

ที่คุณจะอดีต

Results (Thai) 3:

คำอธิบาย : เอกสารฉบับนี้เป็นความพยายามที่จะให้ เคน และไม่ได้เป็นอย่างดีเข้าใจพื้นที่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงคนที่รู้จักไม่มีตรรกะหรือภาษาศาสตร์ มันถูกเขียนเดิมสำหรับสารานุกรมที่ต้องการบางอย่างที่สามารถเข้าถึงได้ถึงผู้ชมที่โรงเรียนก่อน แต่มันไม่ได้ปรากฏในสารานุกรมเพราะผมไม่ได้เต็มใจที่จะเขียนสิ่งที่บรรณาธิการ ' ข้อมูลและพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของพวกเขา ตอน นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของวิธีที่ไม่ดีงาน semanticists ทำให้แม้แต่ฆราวาสตื่นตัวตระหนักถึงสิ่งที่เป็นปัญหาในเขตความหมาย คือ ความหมายของสำนวนภาษา ภาษาเป็นภาษาธรรมชาติ เช่น ภาษาอังกฤษ หรือภาษานาวาโฮ หรือเทียมเช่นการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ภาษา ความหมายในภาษาธรรมชาติเป็นหลัก ) โดยนักภาษาศาสตร์ . ในความเป็นจริง , ความหมายเป็นหนึ่งในสาขาหลักของภาษาศาสตร์ร่วมสมัย นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และทฤษฎี logicians คิดประดิษฐ์ภาษา ในบางพื้นที่ของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หน่วยงานเหล่านี้จะข้าม แปลภาษา , เครื่องตัวอย่างเช่นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อาจต้องการที่จะเชื่อมโยงข้อความภาษาธรรมชาตินามธรรมเป็นตัวแทนของความหมายของพวกเขา ทำนี้ พวกเขาได้ออกแบบภาษาเทียม แทนความหมายมีการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งกับปรัชญา ก่อนหน้านี้ในศตวรรษนี้ ทำงานมากในความหมาย ทำโดยนักปรัชญาและมีงานสำคัญยังทำโดยนักปราชญ์ใครที่พูดภาษามีความสามารถที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริงที่เกี่ยวกับความหมายของข้อความ เอาตัวอย่าง ประโยค( s ) ผมไม่สามารถแก้ปมได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าคุณอาจจะไม่เคยเห็นประโยคนี้คุณสามารถดูสิ่งต่อไปนี้ :ประโยคเกี่ยวกับความสามารถของคนที่พูดหรือเขียน ( เรียกคนๆนี้ผู้พูด )และมันก็ยังเกี่ยวกับปม , บางทีหนึ่งที่ผู้พูดจะชี้ที่ประโยคปฏิเสธว่าผู้พูดมีความสามารถบางอย่าง ( นี้เป็นส่วนของคำว่า ' ไม่ ' )แก้เป็นวิธีทำอย่างไม่ผูกมัดประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่าปมได้มือเดียว มันมีจะทำอย่างไรกับหลายมือใช้ทำแก้ .ความหมายของประโยคไม่ใช่แค่กองเรียงลําดับของความหมายของคำพูดของ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้ว ' ' และ ' ' คาวบอยขี่ม้าขี่ม้าคาวบอย ' จะหมายถึงสิ่งเดียวกัน ดังนั้นเราต้องคิดเกี่ยวกับการจัดเรียงของความหมายนี่คือการจัดเรียงที่ดูเหมือนว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของความหมายในประโยค ( s )ไม่ฉันสามารถ [ [ [ [ [ [ [ ผูกให้ไม่ได้ ] ] ] ] ] [ [ ปมือเดียว ] ] ] ]หน่วย [ ให้ [ [ ] ] มาผูกไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. แก้ ; มันประกอบด้วยหน่วยย่อยที่สอดคล้องกับสภาพของการแก้ . หน่วยขนาดใหญ่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแก้ปม และพระราชบัญญัติการแก้ปมได้ด้วยมือเดียว แล้วหน้าที่นี้ รวมกับได้ให้หน่วยขนาดใหญ่ ให้สอดคล้องกับสภาพที่สามารถแก้ปมได้ด้วยมือเดียว หน่วยนี้ รวมกับผมเพื่อให้คิดว่าฉันรัฐนี้ นั่นคือ ความคิดที่ i-am-able-to-untie-that-knot-with-one-hand . สุดท้าย นี้ รวมกับไม่และเราได้ปฏิเสธความคิดที่ว่าความคิดนี้ว่า หน่วยที่มีความหมายรวมอย่างเป็นระบบ ในรูปแบบหน่วยที่มีขนาดใหญ่และเข้าใจประโยคที่เป็นวิธีการทำงานออกชุดเหล่านี้ อาจเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดในความหมายร่วมสมัยนักภาษาศาสตร์ที่ศึกษาความหมายค้นหากฎทั่วไปที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบ ซึ่งเป็นที่สังเกตการจัดของคำ ประโยค และความหมาย นี้เป็นที่น่าสนใจและท้าทาย เพราะความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อที่ซับซ้อนกฎความหมายในภาษาอังกฤษจะพูดประโยคง่ายๆที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ' ไม่ ' มักจะสอดคล้องกับความหมายของการจัด เช่นไม่ [ สามารถ . . . . . . . ]แต่ไม่เคยไป เช่นได้ [ ไม่ . . . . . . . ]เช่น ' ฉันไม่สามารถเต้น ' หมายความว่า ผมไม่สามารถที่จะเต้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เต้นรำให้ความหมายกับประโยคของภาษา คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาจะ มันเป็นงานของอีกพื้นที่ของภาษาศาสตร์เรียกว่าไวยากรณ์ที่จะตอบคำถามนี้ โดยให้กฎที่แสดงวิธีการประโยคและสำนวนอื่น ๆถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กลง และในที่สุดก็ออกซะที คำแปล / ความหมาย : ประโยคขึ้นอยู่ไม่เพียงในคำพูดมันมี แต่ในการแต่งหน้า : ประโยค( s ) ที่สามารถทำร้ายคุณตัวอย่าง ไม่ชัดเจน . . . มันแตกต่างกันสองความหมาย เหล่านี้สอดคล้องกับโครงสร้างไวยากรณ์ที่แตกต่างกัน ในโครงสร้างเดียว ' ' เป็นเรื่อง ' สามารถ ' เป็นกริยาช่วย ( หมายถึง " สามารถ " ) และในอื่น ๆ ' ที่สามารถ ' เป็นเรื่อง ' สามารถ ' เป็นคำนาม ( ระบุประเภทของภาชนะ )เพราะความหมายของประโยคขึ้นอย่างใกล้ชิดของไวยากรณ์โครงสร้าง นักภาษาศาสตร์ได้ให้มากคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและความหมายของประโยค ; ในความเป็นจริง , หลักฐานเกี่ยวกับความคลุมเครือเป็นวิธีหนึ่งของการทดสอบความคิด