There is a preponderance of descrip

There is a preponderance of descriptive studies, ranging from those using a simple descriptive correlational approach to multivariate approaches. Only one study is clearly identified as an experimental study (Moore, 1987) and two clearly identified as replication studies (Lenatsch, 1999; Schott-Baer, Fisher, & Gregory, 1995). Fewer than half make clear links between the variables being examined and situations of nursing practice; that is, they examine elements of the theory of self-care without making the link to nursing practice an explicit part of the study. While this work is increasing our knowledge about self-care (Stage II), further work needs to be done to put the results of these in the context of nursing practice as in Stages III, IV, or V. Most of the studies reviewed are Stage II and provide an enhanced or broader description of an element or component of the theory, empirically describing the relationships between or among age, gender, self-care actions, disease, and so forth. These studies add to our understanding of existing and known or proposed relationships within the extant theory. The majority of studies examine self-care and/or self-care deficits. There are many studies but little evidence that sustained research programs are developing and expanding the theory. The bricks are piling up around the framework, but only a few scholars are working on building the walls. These programs of research are occurring in universities where a critical mass of interested scholars and students can be found. The use of theoretical language is sometimes imprecise and at other times inaccurate. Valid new terms are introduced but the relationship to existing theoretical constructs is not always explicit. There is little critical review of research in the literature. Ongoing dialog among scholars is minimal. There is a need for nurse scholars to come together and to engage in such a dialogue to enhance the work. Given the relatively short history of nursing research and, more importantly, the conduct of nursing theory-based research, the number and quality of the work being conducted is quite remarkable. There has been a substantial amount of work produced and the quality of it has improved over time. Orem has provided nurse researchers with a theoretical system comprising an ontological structure, related epistemology, and numerous models that give direction to scholarly efforts. Scholars using this theoretical system would be well-advised to use these in conceptualizing and interpreting their work.
PMID: 11847693 [PubMed - indexed for MEDLINE]

Results (Thai) 1:

มีกำกับอธิบายศึกษา ตั้งแต่ผู้ใช้ตัวอย่างอธิบาย correlational วิธีวิธีตัวแปรพหุ ศึกษาเดียวที่มีระบุอย่างชัดเจนเป็นศึกษา (มัวร์ 1987) และสองระบุอย่างชัดเจนเป็นการศึกษาการจำลองแบบ (Lenatsch, 1999 Schott-Baer, Fisher และเกรก อรี 1995) น้อยกว่าครึ่งหนึ่งทำการเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการตรวจสอบตัวแปรและสถานการณ์ของพยาบาลปฏิบัติ นั่นคือ พวกเขาตรวจองค์ประกอบของทฤษฎีของสุขภาพโดยไม่ทำการเชื่อมโยงการปฏิบัติการพยาบาลภาคการศึกษาที่ชัดเจน ขณะนี้ได้เพิ่มความรู้ของเราเกี่ยวกับสุขภาพ (Stage II), การต้องการใส่ผลลัพธ์เหล่านี้ในบริบทของพยาบาลปฏิบัติในระยะ III, IV หรือ V ส่วนใหญ่ศึกษาทบทวนเป็นขั้นที่สอง และให้คำอธิบายที่กว้างขึ้น หรือเพิ่มองค์ประกอบหรือส่วนประกอบของทฤษฎี empirically อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง หรือ ระหว่างอายุ เพศ การดำเนินการสุขภาพ โรค และอื่น ๆ การศึกษานี้เพิ่มความเข้าใจที่มีอยู่และความสัมพันธ์ทฤษฎียังรู้จัก หรือนำเสนอ ส่วนใหญ่การศึกษาตรวจสอบสุขภาพและ/หรือขาดดุลการคลังสุขภาพ มีการศึกษาจำนวนมากแต่หลักฐานเล็กน้อยที่ยั่งยืนการวิจัยพัฒนา และขยายทฤษฎีโปรแกรม อิฐจะคุมรอบกรอบ แต่เฉพาะบางนักวิชาการกำลังทำงานอยู่ผนัง วิจัยโปรแกรมเหล่านี้จะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งสามารถพบจำนวนมากสนใจนักวิชาการและนักศึกษา การใช้ทฤษฎีภาษาเป็นบางครั้ง imprecise และ ในบางครั้งไม่ถูกต้อง มีการแนะนำเงื่อนไขใหม่ที่ถูกต้อง แต่ความสัมพันธ์กับโครงสร้างทฤษฎีที่มีอยู่มักจะไม่ชัดเจน ทบทวนเล็กน้อยสำคัญของวิจัยในวรรณคดีได้ โต้ตอบอย่างต่อเนื่องในหมู่นักวิชาการคือน้อยที่สุด มีความจำเป็นสำหรับพยาบาลนักวิชาการมาร่วมกัน และ การมีส่วนร่วมในบทสนทนาดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รับพยาบาลวิจัยและ ที่สำคัญ การปฏิบัติการพยาบาลตามทฤษฎีวิจัยประวัติค่อนข้างสั้น จำนวนและคุณภาพของงานที่กำลังดำเนินได้ค่อนข้างโดดเด่น มีงานที่ผลิตจำนวนมาก และมีการปรับปรุงคุณภาพของช่วงเวลา Orem ได้ให้นักวิจัยพยาบาล ด้วยระบบทฤษฎีโครงสร้างการโต้ ญาณวิทยาที่เกี่ยวข้อง และรูปแบบมากมายที่ให้ทิศทางในความพยายาม scholarly นักวิชาการที่ใช้ระบบนี้ทฤษฎีจะพักนานใช้อยู่ตามพรมแดน และแปลงานของพวกเขาเหล่านี้PMID: 11847693 [PubMed - ดัชนีใน MEDLINE]

Results (Thai) 2:

มีความสำคัญยิ่งของการศึกษาเชิงพรรณนาคือตั้งแต่ผู้ที่ใช้วิธีการหาความสัมพันธ์ที่อธิบายง่ายๆกับวิธีการหลายตัวแปร เพียงคนเดียวที่ศึกษาจะระบุไว้อย่างชัดเจนในขณะที่การศึกษาการทดลอง (มัวร์, 1987) และสองระบุไว้อย่างชัดเจนในขณะที่การศึกษาการจำลองแบบ (Lenatsch 1999; ชอตต์-เยอร์, ​​ฟิชเชอร์และเกรกอรี่ 1995) น้อยกว่าครึ่งหนึ่งทำให้การเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างตัวแปรที่จะถูกตรวจสอบและสถานการณ์ของการปฏิบัติพยาบาล นั่นคือพวกเขาตรวจสอบองค์ประกอบของทฤษฎีการดูแลตนเองโดยไม่มีการเชื่อมโยงไปยังการปฏิบัติการพยาบาลเป็นส่วนหนึ่งที่ชัดเจนของการศึกษา ในขณะที่งานนี้จะเพิ่มความรู้ของเราเกี่ยวกับการดูแลตนเอง (ขั้นที่สอง), การทำงานต่อไปที่ต้องทำที่จะนำผลของการเหล่านี้ในบริบทของการปฏิบัติการพยาบาลในขณะที่ขั้นตอนที่สามที่สี่หรือโวลต์ส่วนใหญ่ของการศึกษาจะมีการทบทวน ขั้นตอนที่สองและให้คำอธิบายที่เพิ่มขึ้นหรือที่กว้างขึ้นขององค์ประกอบหรือส่วนประกอบของทฤษฎีสังเกตุการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างหรือในหมู่อายุเพศการกระทำของการดูแลตนเองโรคและอื่น ๆ การศึกษาเหล่านี้เพิ่มความเข้าใจของเราที่มีอยู่และเป็นที่รู้จักกันหรือเสนอความสัมพันธ์ภายในทฤษฎีที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วนใหญ่ของการศึกษาตรวจสอบการดูแลตนเองและ / หรือการขาดดุลการดูแลตนเอง มีการศึกษาจำนวนมาก แต่หลักฐานเพียงเล็กน้อยที่ยั่งยืนโครงการวิจัยที่มีการพัฒนาและขยายทฤษฎีที่มี อิฐซ้อนขึ้นรอบกรอบ แต่เพียงนักวิชาการไม่กี่กำลังทำงานในการสร้างผนัง โปรแกรมการวิจัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยที่มวลที่สำคัญของนักวิชาการและนักศึกษาที่สนใจสามารถพบได้ การใช้ภาษาในเชิงทฤษฎีบางครั้งไม่แน่ชัดและในเวลาอื่น ๆ ที่ไม่ถูกต้อง เงื่อนไขใหม่ที่ถูกต้องจะนำ แต่ความสัมพันธ์ที่จะสร้างทฤษฎีที่มีอยู่ไม่ได้อย่างชัดเจนเสมอ มีการตรวจสอบที่สำคัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการวิจัยในวรรณคดีเป็น โต้ตอบอย่างต่อเนื่องในหมู่นักวิชาการมีน้อย มีความจำเป็นสำหรับนักวิชาการพยาบาลที่จะมาร่วมกันและการมีส่วนร่วมในการเจรจาดังกล่าวเพื่อเสริมสร้างการทำงานเป็น ป.ร. ให้ประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างสั้นของการวิจัยพยาบาลและที่สำคัญกว่าการดำเนินการของการวิจัยตามทฤษฎีการพยาบาลจำนวนและคุณภาพของงานที่ดำเนินการเป็นที่น่าทึ่งมากทีเดียว มีการจำนวนมากของงานที่ผลิตและคุณภาพของมันได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โอเรมได้ให้นักวิจัยพยาบาลด้วยระบบทฤษฎีประกอบด้วยโครงสร้าง ontological ญาณวิทยาที่เกี่ยวข้องและหลายรูปแบบที่ให้ทิศทางความพยายามวิชาการ นักวิชาการโดยใช้ระบบทฤษฎีนี้จะได้รับการที่ดีควรที่จะใช้เหล่านี้ในการคิดออกแบบและการตีความงานของพวกเขา.
PMID: 11847693 [PubMed - ดัชนีสำหรับ MEDLINE]

Results (Thai) 3:

มีความเหนือกว่าของการศึกษาเชิงพรรณนา ตั้งแต่ผู้ที่ใช้ง่ายวิธีการแนวทางเชิงสัมพันธ์หลายตัวแปร เพียงหนึ่งการศึกษาอย่างชัดเจนระบุว่า การทดลอง ( มัวร์ , 1987 ) และสองอย่างชัดเจน ระบุว่าเป็นการศึกษา ( lenatsch , 1999 ; คือแบร์ ฟิชเชอร์ &เกรกอรี่ , 1995 )น้อยกว่าครึ่งให้เชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างตัวแปรการตรวจสอบสถานการณ์และการปฏิบัติการพยาบาล ; นั่นคือพวกเขาศึกษาองค์ประกอบของทฤษฎีการดูแลตนเอง โดยไม่ทำให้การเชื่อมโยงที่จะปฏิบัติเป็นส่วนที่ชัดเจนของการศึกษาพยาบาล ในขณะที่งานนี้จะเพิ่มความรู้ของเราเกี่ยวกับการดูแลตนเอง ( ระยะที่ 2 )งานที่ต้องทำเพื่อใส่ผลลัพธ์เหล่านี้ในบริบทของการปฏิบัติการพยาบาลที่เป็นขั้นตอนที่ III , IV หรือ V . ส่วนใหญ่ของการศึกษาได้มีระยะที่ 2 และให้ปรับปรุง หรือ กว้าง รายละเอียดขององค์ประกอบหรือองค์ประกอบของทฤษฎีเชิงประจักษ์ที่อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างหรือระหว่างอายุ เพศ การกระทำ โรค การดูแลตนเอง และอื่น ๆการศึกษาเหล่านี้เพิ่มความเข้าใจของเราที่มีอยู่และเป็นที่รู้จักหรือเสนอความสัมพันธ์ภายในทฤษฎีเท่าที่มีอยู่ . ส่วนใหญ่ของการศึกษาตรวจสอบการดูแลตนเอง และ / หรือ การขาดดุล มีการศึกษามากมาย แต่หลักฐานน้อยมากที่ได้รับโปรแกรมการวิจัยพัฒนาและขยายทฤษฎี อิฐทับถมรอบกรอบแต่เพียงไม่กี่ นักวิชาการจะทำงานบนอาคาร ผนัง โปรแกรมเหล่านี้ของงานวิจัยที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยที่เป็นจุดวิกฤติของนักวิชาการที่สนใจและนักเรียนสามารถพบได้ การใช้ทฤษฎีภาษา บางครั้งคลุมเครือและในเวลาอื่น ๆที่ไม่ถูกต้อง เงื่อนไขใหม่ที่ถูกต้องจะแนะนำแต่ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ตามทฤษฎีโครงสร้างไม่ได้เสมอที่ชัดเจนมีรีวิวที่สำคัญๆ ของการวิจัยในวรรณคดี การโต้ตอบอย่างต่อเนื่องระหว่างนักวิชาการน้อยที่สุด ต้องมีนักวิชาการพยาบาลที่จะมาร่วมกันและการมีส่วนร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน จากประวัติที่ค่อนข้างสั้นของการวิจัยทางการพยาบาล และที่สำคัญการกระทำของทฤษฎีการวิจัยทางการพยาบาลตามจำนวนและคุณภาพของงานที่ดำเนินการอยู่ทีเดียว มีจำนวนมาก และคุณภาพของงานที่ผลิตมีการปรับปรุงตลอดเวลา เพื่อให้นักวิจัยพยาบาลทฤษฎีระบบ ประกอบด้วยโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับภววิทยาญาณวิทยา และรูปแบบต่าง ๆ ที่ให้ทิศทางในความพยายามทางวิชาการ .นักวิชาการโดยใช้ระบบทฤษฎีนี้จะทราบดีที่จะใช้เหล่านี้ในการค้นหาแนวคิดและการตีความผลงาน .
pmid : 11847693 [ PubMed - ดัชนีสำหรับ Medline ]