Different psychologists have descri

Different psychologists have described this operational definition. However, it is an agreed fact that predicting future achievement is much more difficult than present achievement. According to Aiken (1985: p.453) an aptitude test is, “A measure of person’s ability to profit from further training or experience in an occupation or skill.” Woodworth and Marquis (1963: p.26) described it in a different way, “An aptitude test, in itself, is nothing more than an achievement test, but it is used not simply as a measure of present performance in the special task but as an index of future performance in other and broader tasks.” Wiersma (1986: p.302), “An aptitude test gives indirect evidence of the existence of the potential.” The major object of aptitude testing is to measure varied capacities and potentialities of individuals. It may be difficult in the measurement to separate potential from actual achievement.

Results (Thai) 1:

ต่าง ๆ นักจิตวิทยาได้อธิบายคำนิยามนี้ดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงตกลงที่คาดการณ์ในอนาคตความสำเร็จนั้นยากมากขึ้นกว่าปัจจุบันสำเร็จ ตาม Aiken (1985: p.453) เป็นการทดสอบความสามารถ "การวัดความสามารถของบุคคลการกำไรจากการเพิ่มเติม การฝึกอบรม หรือประสบการณ์ในการประกอบอาชีพทักษะ การ" Woodworth และมาร์ควิส (1963: p.26) อธิบายว่า วิธีอื่น "การทดสอบความสามารถ ในตัวเอง เป็นอะไรมากไปกว่าการทดสอบสำเร็จ แต่ใช้ไม่เพียงแต่ เป็นการวัดประสิทธิภาพการทำงานอยู่ในงานพิเศษ แต่ เป็นดัชนีของประสิทธิภาพในอนาคตในงานอื่น ๆ และกว้างขึ้น" Wiersma (1986: p.302), "การทดสอบความสามารถให้หลักฐานทางอ้อมของการดำรงอยู่ของศักยภาพ" วัตถุสำคัญของการวัดความถนัดเป็นการ วัดกำลังการผลิตที่แตกต่างกันและ potentialities บุคคล มันอาจจะยากในการประเมินศักยภาพจากความสำเร็จที่แท้จริงกัน

Results (Thai) 2:

นักจิตวิทยาที่แตกต่างกันได้อธิบายความหมายในการดำเนินงานนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่เห็นพ้องกันว่าการทำนายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในอนาคตเป็นอย่างมากยากกว่าความสำเร็จในปัจจุบัน ตามที่ไอเก็น (1985: p.453) ". การวัดความสามารถของบุคคลที่จะทำกำไรจากการฝึกอบรมเพิ่มเติมหรือประสบการณ์ในการประกอบอาชีพหรือทักษะ" การทดสอบความถนัดคือเวิร์ ธ และมาร์กีส์ (1963: หน้า 26) อธิบายไว้ในที่แตกต่างกัน วิธี "การทดสอบความถนัดในตัวเองไม่มีอะไรมากไปกว่าการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่มันถูกนำมาใช้ไม่เพียง แต่เป็นมาตรการของการปฏิบัติงานอยู่ในงานเป็นพิเศษ แต่เป็นดัชนีประสิทธิภาพในอนาคตในงานอื่น ๆ และกว้าง." Wiersma ( 1986: p.302), "การทดสอบความถนัดให้หลักฐานทางอ้อมของการดำรงอยู่ของที่มีศักยภาพ." วัตถุที่สำคัญของการทดสอบความถนัดคือการวัดความสามารถที่หลากหลายและศักยภาพของแต่ละบุคคล มันอาจจะยากในการวัดการแยกอาจเกิดขึ้นจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจริง

Results (Thai) 3:

นักจิตวิทยาที่แตกต่างกันมีการอธิบายนี้นิยามปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม มันเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถทำนายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกันในอนาคตจะยากกว่าปัจจุบัน ความสำเร็จ ตาม ไอเคน ( 2528 : p.453 ) การทดสอบความถนัด คือ " วัดความสามารถของบุคคลเพื่อกำไรจากการฝึกอบรมเพิ่มเติม หรือมีประสบการณ์ในอาชีพหรือทักษะ " วู๊ดเวิร์ด และมาร์ควิส ( 1963 : P26 ) อธิบายไว้ในวิธีที่แตกต่างกัน " ทดสอบความสามารถพิเศษในตัวเอง มีอะไรมากกว่าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่มันใช้ไม่เพียงเป็นตัวชี้วัดของผลงานปัจจุบัน ในงานที่พิเศษ แต่เป็นดัชนีการปฏิบัติงานในอนาคตและงานอื่น ๆเช่น " wiersma ( 2529 : p.302 ) , " ทดสอบ มีความถนัดให้หลักฐานทางอ้อมของการดำรงอยู่ของศักยภาพ" เป้าหมายหลักของการทดสอบความถนัดคือ การวัดความสามารถหลากหลายและศักยภาพของบุคคล มันอาจจะยากในการวัดศักยภาพจริงแยกจากการเรียน