FROM CONSERVATISM TO TUMULT (1940-1

FROM CONSERVATISM TO TUMULT (1940-1970)
The postwar boom and conservative 1950s were followed by a tumultuous period of protest from the late 1950s through the 1960s and into the 1970s. During this decade, the United States experienced the most expansive use of community work strategies as a tool for social change in its history.
Community Planning
President Kennedy created the Area Redevelopment Administration, which implemented community and area-wide projects requiring local committees of concerned citizens and government officials to create comprehensive economic development plans. By the mid-1960s, Rural Area Development Committees were active M more than half the counties in the country (Phifer, 1980). As a result of the Great Society programs initiated by President Johnson, community planning took a giant leap forward in the involvement of low-income community residents in solving their own problems. The 1964 Economic Opportunity Act, federal and state Offices of Economic Opportunity, and local Community Action Agencies improved public services, developed many community-based programs, mobilized community resources, placed citizens in decision-making groups, and guaranteed the involvement of low-income residents in planning decisions. Promoting access to the planning process was a priority, and participation became the byword—codified as "maximum feasible participation" (Gittell, 1980).
The Demonstration Cities and Metropolitan Development All of 1966, often called the Model Cities program, developed a concentrated and coordinated attack on the economic, social, and physical problems of selected slum neighborhoods; however, following considerable pressure from city political bases, it reemphasized the power of mayors and city councils and diminished the power of Community Action Agencies. Still, community residents them-selves were asked to provide information and ideas in planning new programs, participate on the boards that planned and administered them, and perform some of the jobs that traditionally had been held by professionals (Pine, 1986)

Results (Thai) 1:

จากอนุรักษนิยมไป TUMULT (1940-1970)บูมพ้นและมินิหัวเก่าตามระยะเวลา tumultuous การปฏิเสธจากมินิปลาย ผ่านช่วงปี 1960 และ ในทศวรรษ 1970 ในระหว่างทศวรรษนี้ สหรัฐอเมริกามีประสบการณ์กว้างขวางมากที่สุดใช้กลยุทธ์การทำงานชุมชนเป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงสังคมในประวัติศาสตร์ของชุมชนวางแผนประธานาธิบดีเคนเนดี้สร้างขึ้นในพื้นที่พัฒนาขื้นใหม่บริหาร ที่ดำเนินโครงการน้ำที่ต้องใช้คณะกรรมการท้องถิ่นของประชาชนที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อสร้างแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและชุมชน โดยคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่กลาง 1960s ชนบทถูก M งานเขตมากกว่าครึ่งประเทศ (Phifer, 1980) เป็นผลจากสังคมดีที่โปรแกรมเริ่มต้น โดย Johnson ประธาน ชุมชนวางแผนเอายักษ์ใหญ่กระโดดไปข้างหน้าในการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนแนซ์ในการแก้ปัญหาของตนเอง 1964 เศรษฐกิจโอกาสกระทำ สหพันธ์ และรัฐสำนักงานของเศรษฐกิจโอกาส และท้องถิ่นชุมชนหน่วยงานดำเนินการปรับปรุงสาธารณะ บริการ พัฒนาชุมชนจำนวนมาก ชุมชนระดมทรัพยากร ทำประชาชนในกลุ่มตัดสินใจ และรับประกันแนซ์คนมีส่วนร่วมในการวางแผนตัดสินใจ ส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการวางแผนมีความสำคัญ และมีส่วนร่วมเป็นซุกซน — ประมวลกฎหมายสูงเป็น "มีส่วนร่วมเป็นไปได้สูงสุด" (Gittell, 1980)สาธิตเมืองและนครพัฒนาทั้งหมด 1966 มักจะเรียกว่าโปรแกรมจำลองเมือง พัฒนาโจมตีที่เข้มข้น และประสานงานเกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และทางกายภาพของชุมชนแออัดเลือกละแวกใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม ต่อแรงกดดันมากจากเมืองเมืองฐาน reemphasized พลังงานน่าเมเยอร์สและสังคายนาในเมือง และอำนาจของหน่วยงานดำเนินการชุมชนลดลง ยังคง ชุมชนชาวเขาตัวถูกต้องให้ข้อมูลและความคิดในการวางแผนโปรแกรมใหม่ ร่วมบนกระดานที่วางแผน และจัดการพวกเขา และทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งประเพณีที่ถือ โดยผู้เชี่ยวชาญ (สน 1986)

Results (Thai) 2:

จากความวุ่นวายในการอนุรักษ์ FROM CONSERVATISM TO TUMULT (1940-1970)
บูมหลังและอนุรักษ์นิยมปี ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ขยายตัวมากที่สุดของกลยุทธ์การทำงานกับชุมชนเป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประวัติศาสตร์ชุมชนวางแผนประธานาธิบดีเคนเนดี้ที่สร้างขึ้นบริเวณปรับปรุงการบริหารซึ่งนำมาใช้ในชุมชนและพื้นที่- โครงการกว้างต้องคณะกรรมการท้องถิ่นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสร้างแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ครอบคลุม โดยในช่วงกลาง- 1960 อันเป็นผลมาจากโปรแกรมที่สังคมใหญ่ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีจอห์นสัน- อาศัยอยู่ในชุมชนมีรายได้ในการแก้ปัญหาของตัวเอง พระราชบัญญัติโอกาสทางเศรษฐกิจปี - โปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรของชุมชนระดมประชาชนวางไว้ในการตัดสินใจ- กลุ่มการทำและรับประกันการมีส่วนร่วมของต่ำ- รายได้ ประชาชนในการตัดสินใจการวางแผน The postwar boom and conservative 1950s were followed by a tumultuous period of protest from the late 1950s through the 1960s and into the 1970s. During this decade, the United States experienced the most expansive use of community work strategies as a tool for social change in its history.
Community Planning
President Kennedy created the Area Redevelopment Administration, which implemented community and area-wide projects requiring local committees of concerned citizens and government officials to create comprehensive economic development plans. By the mid-1960s, Rural Area Development Committees were active M more than half the counties in the country (Phifer, 1980). As a result of the Great Society programs initiated by President Johnson, community planning took a giant leap forward in the involvement of low-income community residents in solving their own problems. The 1964 Economic Opportunity Act, federal and state Offices of Economic Opportunity, and local Community Action Agencies improved public services, developed many community-based programs, mobilized community resources, placed citizens in decision-making groups, and guaranteed the involvement of low-income residents in planning decisions. Promoting access to the planning process was a priority, and participation became the byword—codified as "maximum feasible participation" (Gittell, 1980).
The Demonstration Cities and Metropolitan Development All of 1966, often called the Model Cities program, developed a concentrated and coordinated attack on the economic, social, and physical problems of selected slum neighborhoods; however, following considerable pressure from city political bases, it reemphasized the power of mayors and city councils and diminished the power of Community Action Agencies. Still, community residents them-selves were asked to provide information and ideas in planning new programs, participate on the boards that planned and administered them, and perform some of the jobs that traditionally had been held by professionals (Pine, 1986)

Results (Thai) 3:

จากความระมัดระวังให้วุ่นวาย ( 1940-1970 )
บูมหลังอนุลักษณ์ 1950 เป็นตามป่วนช่วงการประท้วงจากปลายปี 1950 ถึง 1960 และ 1970 ในช่วงทศวรรษนี้ สหรัฐอเมริกา ที่มีประสบการณ์การใช้กว้างขวางมากที่สุดของกลยุทธ์งานชุมชนเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงสังคมในประวัติศาสตร์ .

ชุมชนการวางแผนประธานาธิบดี เคนเนดี้ ได้สร้างพื้นที่การพัฒนา การบริหารที่ใช้ชุมชนและพื้นที่กว้างโครงการที่ต้องการให้คณะกรรมการท้องถิ่นของห่วงประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐในการสร้างแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม โดยช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 , คณะกรรมการพัฒนาชนบทใช้ M มากกว่าครึ่งหนึ่งของจังหวัดในประเทศ ( phifer , 1980 )ผลของโปรแกรมที่ดี สังคมริเริ่มโดยประธานาธิบดีจอห์นสัน ชุมชนการวางแผนเอากระโดดยักษ์ไปข้างหน้าในการมีส่วนร่วมของชุมชนผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในการแก้ปัญหาของตนเอง 1964 โอกาสทางเศรษฐกิจ กฎหมายของรัฐบาลกลางและรัฐหน่วยงานของโอกาสทางเศรษฐกิจ และหน่วยงานปฏิบัติการชุมชนบริการประชาชนดีขึ้น พัฒนาชุมชนโปรแกรมการระดมทรัพยากรในชุมชน อยู่ในกลุ่มประชาชน การตัดสินใจ และรับประกันการมีส่วนร่วมของผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ในการตัดสินใจวางแผน การส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการวางแผนจัดลำดับความสำคัญและการมีส่วนร่วมเป็นคำเยาะเย้ย codified เป็น " การมีส่วนร่วมความคุ้มค่าสูงสุด " ( gittell , 1980 )
( เมืองและการพัฒนากรุงเทพมหานครทั้งหมด 1966มักจะเรียกว่าเมืองพัฒนารูปแบบโปรแกรมเข้มข้นและโจมตี ในทางเศรษฐกิจ สังคม และปัญหาทางกายภาพของเลือกย่านสลัม อย่างไรก็ตาม ตามแรงกดดันมากจากเมืองฐานทางการเมือง มัน reemphasized อำนาจของนายกเทศมนตรีและสภาเมือง และลดพลังของการกระทำชุมชนหน่วยงาน ยังคงชาวบ้านชุมชนตัวพวกเขาถูกขอให้ให้ข้อมูลและความคิดในการวางแผนโปรแกรมใหม่ , มีส่วนร่วมในบอร์ดที่วางแผน และบริหารจัดการ และดำเนินการบางส่วนของงานที่ได้จัดประเพณีโดยผู้เชี่ยวชาญ ( สน , 1986 )