However, on the political side, ten

However, on the political side, tensions between the British and French built in the late-1800s. The French controlled nearby New Caledonia, but most of what is today Vanuatu was considered neutral ground. Due to the growing economic wealth from the islands and the increasing number of settlers, tensions grew. Most traders wanted their native country to colonize the islands as they became more and more divided on religion, language, economics, and even political preference. In 1889 Franceville (today the city of Port Vila) declared itself independent, perhaps in order to avoid all this confusion, but the country was short-lived.
The agreement to avoid governance over the islands between the British and French ended in 1906 when they decided to govern the land jointly. This only led to more confusion and division. Both countries inserted local governments and laws, while the indigenous people lost nearly all of their rights. Despite this, the rule of the British and French also expanded their changing culture. As in the past, some people became more "French," while others became more "British." However these changes primarily came in religion and language as the locals continued to run local political groups, lived off the land, or acted as laborers on large plantations. Meanwhile the foreigners tended to live in cities and ran the economic and political scenes.
Although Vanuatu was vastly divided during this time of joint rule, it was also fairly peaceful as the locals, the French, and the British seemed to live side by side with little troubles. This began to change with the arrival of World War II and the Americans in the 1940s. As the Allies fought the Japanese and pushed through the South Pacific, many Americans passed through Vanuatu and shortly after a number of independence movements began by the local people.
These movements continued building until it became the main issue on the locals' agenda in the 1960s, with the greatest motivation for independence being to reassert their control on the land and ownership of the land. Prior to and during this time the British cleared more lands for the additional planting of coconuts and other produce. This led to increased resistance by the local people as they believed the British had no rights to these lands. As the protests built and local resistance solidified, the British looked into granting the islands independence, but the French still resisted.
The 1970s experienced more calls for independence as the locals began to organize politically on a large scale. This was a major change for the people as in the past most political organization was localized. This movement united the people no matter their religion as they demanded the return of all lands, but France continued to resist the movement until 1980 when both France and the United Kingdom granted Vanuatu independence, this only came after a brief war between the locals and some French settlers (although France continues to hold on to New Caledonia as a colony).
Since independence, Vanuatu has remained fairly stable politically and economically, although they lag behind many countries in regards to education, healthcare, communication, and infrastructure. None-the-less, the country remains at peace and land ownership is still an important issue in the country as only local citizens can own land. Today the people continue to live as they have throughout much of history, off the land as farmers and fishers.

Results (Thai) 1:

อย่างไรก็ตาม ทางด้านการเมือง ความตึงเครียดระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสแห่งการล่าช้าเพราะ ฝรั่งเศสควบคุมใกล้เคียงกับนิวแคลิโดเนีย แต่ส่วนมากที่มีวันนี้วานูอาตูถูกถือว่าดินเป็นกลาง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจมั่งคั่งจากเกาะและตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นจำนวน ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการประเทศบ้านเกิดไป colonize เกาะกับพวกเขามากขึ้นกลายเป็นแบ่งศาสนา ภาษา เศรษฐศาสตร์ และการกำหนดลักษณะทางการเมืองแม้ ในจาก 1889 Franceville (วันนี้เมืองของพอร์ตวิลา) ประกาศตัวเป็นอิสระ บางทีเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนทั้งหมดนี้ แต่ประเทศช่วงสั้น ๆข้อตกลงการหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลเหนือหมู่เกาะระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสสิ้นสุดลงใน 1906 เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะควบคุมแผ่นดินร่วมกัน นี้นำความสับสนและส่วนเพิ่มเติม ทั้งสองประเทศแทรกรัฐบาลท้องถิ่นและกฎหมาย ในขณะชนแพ้สิทธิเกือบทั้งหมด แม้นี้ การปกครองของอังกฤษและฝรั่งเศสขยายวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง ในอดีต บางคนเป็นมากกว่า "ฝรั่งเศส ในขณะที่คนอื่นเป็นมากกว่า"ภาษาอังกฤษ " อย่างไรก็ตาม เปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นหลักมาในศาสนาและภาษาชาวบ้านยังคงเรียกใช้กลุ่มการเมืองท้องถิ่น อาศัยปิดแผ่นดิน หรือดำเนินตามแรงของการบุกเบิกในไร่ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติมีแนวโน้มที่จะ อาศัยอยู่ในเมือง และวิ่งฉากทางการเมือง และเศรษฐกิจแม้ว่าวานูอาตูเสมือนถูกแบ่งออกในช่วงเวลานี้ของกฎร่วมกัน ได้ยังค่อนข้างเงียบสงบเป็นคนท้องถิ่น ภาษาฝรั่งเศส และอังกฤษดูเหมือนจะ สด side by side with ปัญหาน้อย นี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงที่มาของสงครามโลกและชาวอเมริกันในทศวรรษ 1940 โดย เป็นพันธมิตรสู้ญี่ปุ่น และผลักดันผ่านแปซิฟิคใต้ คนอเมริกันจำนวนมากผ่าน ผ่านวานูอาตู และในไม่ช้าหลัง จากจำนวนการเคลื่อนไหวเป็นอิสระเริ่ม โดยคนในท้องถิ่นเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องสร้างจนมันกลายเป็นปัญหาหลักในวาระการประชุมของชาวบ้านในปี 1960 มีแรงจูงใจมากที่สุดสำหรับเอกราชเป็นการ reassert การควบคุมที่ดินและเป็นเจ้าของแผ่นดิน ก่อน และใน ช่วงเวลานี้อังกฤษล้างดินแดนเพิ่มเติมสำหรับการเพาะปลูกมะพร้าวและการผลิตอื่น ๆ ที่มีการเพิ่มเติม นี้นำไปสู่ความต้านทานเพิ่มขึ้น โดยคนในท้องถิ่นพวกเขาเชื่อว่า อังกฤษมีสิทธิไม่ให้ดินแดนเหล่านี้ แห่งการประท้วงและความต้านทานภายในเครื่อง หล่อ มองไปให้เป็นอิสระ เกาะอังกฤษ แต่ฝรั่งเศสยัง resistedสาว ๆ ที่มีประสบการณ์โทรเพิ่มเติมสำหรับเอกราชเป็นชาวบ้านเริ่มการจัดระเบียบทางการเมืองในพื้นที่ขนาดใหญ่ นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับคนในองค์กรทางการเมืองส่วนใหญ่เป็นภาษาท้องถิ่นที่ผ่านมา ขบวนการนี้สหรัฐคนว่าศาสนาของพวกเขาพวกเขาต้องการกลับมาของดินแดนทั้งหมด แต่ฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่องเพื่อการต่อต้านการเคลื่อนไหวจนถึง 1980 เมื่อฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรได้รับเอกราชวานูอาตู เท่านั้นมาหลังจากสงครามโดยย่อระหว่างชาวบ้านและตั้งถิ่นฐานบางฝรั่งเศส (แต่ฝรั่งเศสยังเก็บนิวแคลิโดเนียเป็นแบบอาณานิคม)ตั้งแต่ความเป็นอิสระ วานูอาตูมียังคงค่อนข้างมีเสถียรภาพทางการเมือง และทาง เศรษฐกิจ แม้ว่าพวกเขาล้าหลังกว่าหลายประเทศในการศึกษา สุขภาพ สื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่มีเดอะน้อย ยังคงอยู่ประเทศที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งเป็นยังคงเป็นประเด็นที่สำคัญในประเทศเฉพาะท้องถิ่นประชาชนสามารถเป็นเจ้าของที่ดิน วันนี้คนต่อไปก็เป็นได้ตลอดของประวัติศาสตร์ ปิดที่ดินเกษตรกรและสฟิช

Results (Thai) 2:

แต่ในด้านการเมืองความตึงเครียดระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสสร้างขึ้นในปี 1800 ปลาย ฝรั่งเศสควบคุมที่ใกล้เคียงใหม่แคลิโดเนีย แต่ส่วนใหญ่ของวันนี้คืออะไรวานูอาตูถือเป็นพื้นดินที่เป็นกลาง เนื่องจากความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากเกาะและการเพิ่มจำนวนของการตั้งถิ่นฐานความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการให้ประเทศบ้านเกิดของพวกเขาอพยพไปตั้งถิ่นฐานบนเกาะที่พวกเขากลายเป็นมากขึ้นและมากขึ้นแบ่งศาสนาภาษาเศรษฐศาสตร์และแม้กระทั่งการตั้งค่าทางการเมือง 1889 ใน Franceville (วันนี้ที่เมืองพอร์ตวิลา) ประกาศตัวเป็นอิสระบางทีอาจเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนทั้งหมดนี้ แต่ประเทศที่เป็นสั้น
ข้อตกลงที่จะหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลเหนือหมู่เกาะระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสในปี 1906 สิ้นสุดวันที่เมื่อพวกเขา ตัดสินใจที่จะควบคุมที่ดินร่วมกัน นี้จะนำไปสู่ความสับสนมากขึ้นและการหาร ทั้งสองประเทศแทรกรัฐบาลท้องถิ่นและกฎหมายในขณะที่คนพื้นเมืองหายไปเกือบทั้งหมดของสิทธิของตน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้การปกครองของอังกฤษและฝรั่งเศสยังขยายวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา เช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมาบางคนกลายเป็น "ฝรั่งเศส" ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็ยิ่ง "อังกฤษ". อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่วนใหญ่มาในศาสนาและภาษาขณะที่ชาวบ้านยังคงวิ่งกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ออกไปจากที่ดินหรือทำหน้าที่เป็นคนงานในไร่ขนาดใหญ่ ในขณะที่ชาวต่างชาติมีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่ในเมืองและวิ่งฉากทางเศรษฐกิจและการเมือง
แม้ว่าวานูอาตูถูกแบ่งออกอย่างมากมายในช่วงเวลาของกฎข้อนี้มันเป็นยังค่อนข้างเงียบสงบขณะที่ชาวบ้าน, ฝรั่งเศส, อังกฤษและดูเหมือนจะอยู่เคียงข้างกับ ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เริ่มที่จะเปลี่ยนกับการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่สองและชาวอเมริกันในปี 1940 ในฐานะที่เป็นพันธมิตรต่อสู้ญี่ปุ่นและผลักดันให้ผ่านแปซิฟิกใต้ชาวอเมริกันจำนวนมากผ่านวานูอาตูและไม่นานหลังจากตัวเลขของการเคลื่อนไหวเป็นอิสระเริ่มโดยคนท้องถิ่น
การเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังคงสร้างจนกลายเป็นประเด็นหลักในวาระการประชุมชาวบ้านในปี 1960 มีแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการเป็นอิสระที่จะอ้างการควบคุมของพวกเขาในที่ดินและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ก่อนที่จะมีและในช่วงเวลานี้อังกฤษเคลียร์ดินแดนมากขึ้นสำหรับการเพาะปลูกที่เพิ่มขึ้นของการผลิตมะพร้าวและอื่น ๆ นี้นำไปสู่การเพิ่มความต้านทานโดยคนท้องถิ่นที่พวกเขาเชื่อว่าอังกฤษมีสิทธิในที่ดินเหล่านี้ไม่มี ขณะที่การประท้วงที่สร้างขึ้นและความต้านทานท้องถิ่นผลึกอังกฤษมองเข้าไปในการให้ความเป็นอิสระเกาะ แต่ฝรั่งเศสยังคงต่อต้าน
ปี 1970 มีประสบการณ์การโทรมากขึ้นสำหรับความเป็นอิสระขณะที่ชาวบ้านเริ่มที่จะจัดระเบียบทางการเมืองขนาดใหญ่ นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับคนในอดีตที่ผ่านมาองค์กรทางการเมืองมากที่สุดคือท้องถิ่น การเคลื่อนไหวครั้งนี้สหรัฐคนไม่ว่าศาสนาของพวกเขาขณะที่พวกเขาเรียกร้องการกลับมาของดินแดนทั้งหมด แต่ฝรั่งเศสยังคงที่จะต่อต้านการเคลื่อนไหวจนกว่า 1980 เมื่อทั้งสองประเทศฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรได้รับวานูอาตูเป็นอิสระนี้มาหลังจากที่สงครามช่วงสั้น ๆ ระหว่างชาวบ้านและบางส่วน ฝรั่งเศสเข้ามาตั้งถิ่นฐาน (แม้ว่าฝรั่งเศสยังคงยึดมั่นในนิวแคลิโดเนียเป็นอาณานิคม)
นับตั้งแต่เป็นอิสระวานูอาตูยังคงมีเสถียรภาพเป็นธรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจแม้ว่าพวกเขาล้าหลังหลายประเทศในเรื่องที่เกี่ยวกับการศึกษา, สุขภาพ, การสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐาน ไม่มีที่น้อยกว่าประเทศที่ยังคงอยู่ในความสงบและความเป็นเจ้าของที่ดินยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญในประเทศที่เป็นประชาชนในท้องถิ่นเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของที่ดิน วันนี้คนที่ยังคงอาศัยอยู่ที่พวกเขามีตลอดของประวัติศาสตร์ออกไปจากที่ดินเป็นเกษตรกรและชาวประมง

Results (Thai) 3:

อย่างไรก็ตาม ในด้านการเมือง ความตึงเครียดระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสสร้างขึ้นใน late-1800s ภาษาฝรั่งเศสควบคุมที่นิว คาเลโดเนีย แต่ส่วนใหญ่ของสิ่งที่วันนี้วานูอาตูถือเป็นพื้นที่เป็นกลาง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจความมั่งคั่งจากเกาะ และเพิ่มจำนวนของผู้ตั้งถิ่นฐาน , ความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการให้ประเทศบ้านเกิดเพื่อมาตั้งรกรากบนเกาะที่พวกเขากลายเป็นมากขึ้นและแบ่งตามศาสนา เศรษฐกิจ ภาษา และแม้กระทั่งการตั้งค่าทางการเมือง ในปี 1889 franceville ( วันนี้เมืองพอร์ตวิลา ) ประกาศว่าตัวเองเป็นอิสระ บางทีเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนทั้งหมดนี้ แต่ประเทศในช่วงสั้น ๆ .
ข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการออกแบบบนเกาะระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสสิ้นสุดลงในปี 1906 เมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะปกครองแผ่นดินร่วมกัน นี้เท่านั้นที่นำกองสับสนและ ทั้งสองประเทศแทรกรัฐบาลท้องถิ่นและกฎหมาย ในขณะที่ชนพื้นเมืองหายไปเกือบทั้งหมดของสิทธิของตน อย่างไรก็ตาม กฎ ของ อังกฤษ และฝรั่งเศสยังขยายของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเช่นในอดีต บางคนกลายเป็นภาษาฝรั่งเศสมากขึ้น " , " ในขณะที่คนอื่นก็ยิ่ง " อังกฤษ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นหลักเข้ามา ศาสนาและภาษาเป็นชาวบ้านยังคงเรียกกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ที่อาศัยอยู่นอกแผ่นดิน หรือทำตัวเป็นแรงงานในไร่ใหญ่ ขณะที่ชาวต่างชาติมีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่ในเมืองและวิ่งฉาก
ทางเศรษฐกิจและการเมืองแม้ว่าวานูอาตูคืออย่างมากมายแบ่งออกในช่วงเวลานี้ของกฎร่วมกัน นอกจากนี้ยังค่อนข้างเงียบสงบ เป็นชาว ฝรั่งเศสและอังกฤษจะอยู่ข้างข้างกับปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆ นี้เริ่มเปลี่ยนไป กับการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่สองและอเมริกันในทศวรรษ ในฐานะพันธมิตรที่ต่อสู้กับญี่ปุ่น และผลักดันผ่านแปซิฟิกใต้ชาวอเมริกันจำนวนมากผ่านวานูอาตูและหลังจากตัวเลขของนวนิยายแฟนตาซีเริ่มโดยคนท้องถิ่น .
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังคงสร้างจนกลายเป็นปัญหาหลักที่ชาวบ้าน ' วาระในปี 1960 ที่มีแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อที่จะให้ควบคุมพวกเขาในที่ดินและกรรมสิทธิ์ในที่ดินก่อนและระหว่างนี้อังกฤษเคลียร์ที่ดินสำหรับปลูกเพิ่มเติมของมะพร้าวและผลิตอื่น ๆ ทำให้เพิ่มความต้านทานโดยคนในท้องถิ่นที่พวกเขาเชื่อว่า อังกฤษ ไม่มีสิทธิในที่ดินเหล่านี้ ขณะที่การประท้วงและต่อต้านการสร้างท้องถิ่นแข็ง , อังกฤษ มองเข้าไปให้เกาะความเป็นอิสระ แต่ฝรั่งเศสก็ยังต่อต้าน
ยุคประสบการณ์การเรียกเพิ่มเติมเพื่อเอกราชเป็นท้องถิ่นเริ่มจัดระเบียบทางการเมืองในขนาดใหญ่ นี้คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ในองค์กรทางการเมืองที่ผ่านมาได้เฉพาะ การเคลื่อนไหวของประชาชนไม่ว่าจะศาสนาของพวกเขาเป็นพวกเขาเรียกร้องการกลับมาของดินแดนทั้งหมดแต่ฝรั่งเศสยังคงต่อต้านการเคลื่อนไหวจนกว่า 1980 เมื่อทั้งฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรได้รับวานูอาตูความเป็นอิสระนี้มาหลังจากสงครามสั้นระหว่างชาวบ้านและบางฝรั่งเศสตั้งถิ่นฐาน ( แม้ว่าฝรั่งเศสยังคงยึดนิวคาเลโดเนียเป็นอาณานิคม ) .
ตั้งแต่ความเป็นอิสระ วานูอาตูได้ค่อนข้างทรงตัวในทางการเมืองและทางเศรษฐกิจถึงแม้ว่าพวกเขาล้าหลังหลายประเทศในความนับถือเพื่อการศึกษา , สุขภาพ , การสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐาน ไม่มีน้อยประเทศที่ยังคงสงบและสิทธิในที่ดิน ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในประเทศในฐานะประชาชนในท้องถิ่นสามารถเป็นเจ้าของที่ดิน วันนี้ ประชาชนยังคงใช้ชีวิตตามที่พวกเขาได้ทั่วมากของประวัติศาสตร์ออกจากที่ดินที่เกษตรกรและชาวประมง .