The Romans are generally credited a

The Romans are generally credited as being the first concrete engineers, but archaeological evidence says otherwise. Archaeologists have found a type of concrete dating to 6500 B.C., when stone-age Syrians used permanent fire pits for heating and cooking. These fire pits, built from area limestone, showed a primitive form of calcining on the exterior faces of the limestone rocks that lined the fire pits and lead to the accidental discovery of lime as a fundamental building material. The newly discovered technology was widely used in Syria, as central lime-burning kilns were constructed to supply mortar for rubble-wall house construction, concrete floors, and waterproofing cisterns.

Lime, quicklime, and burnt lime are the common names for calcium oxide, CaO, a grayish-white powder. Today over 150 important industrial chemicals requires the use of lime in order to be manufactured.. In fact, only five other raw materials (salt, coal, sulfur, air, and water) are used in greater amounts. Lime is used in glass, cement, brick, and other building materials; as well as in the manufacture of steel, aluminum, and magnesium, poultry feed; and in the processing of cane and sugar beet juices. It is strongly caustic and can severely irritate human skin and mucous membrane. Thus, the discovery of lime as a building material opened the door for many other improvements as well.

In Europe, archaeological evidence for early use of concrete is also found from along the banks of the Danube River in Yugoslavia, where in approximately 5600 B.C. it was used to make floors for huts.

In China, as far back as 3000 BC, there is evidence of a type of cement used in the Gansu Province of northwest China.

The Egyptians used cement as far back as 2500 B.C. Some scholars believe that a cementing material produced from either a lime concrete or burnt gypsum was used in forming the Great Pyramid at Giza. The earliest known illustration (dating to about 1950 B.C.) of concrete being used in Egypt is shown in a mural on a wall in Thebes. Archeologists have long thought that the Egyptians were masters of the stone as stone artifacts (hard stone vessels, statues) made of metamorphic schist, diorite and basalt were produced. These smooth and glossy stone artifacts (between 4.000 and 5.000 years old) bear no trace of tool marks. Some archeologists believe that the ancient Egyptian artists knew how to convert ores and minerals into a mineral binder for producing stone artifacts. They believe that many of the Egyptian statues were not carved from rock, but rather were cast in molds, and are synthetic stone statues.

The first evidence for this comes from a new deciphering of the C-14 Irtysen Stele (dating 2.000 BC, Louvre Museum, Paris). The stele is the autobiography of the sculptor Irtysen who lived under one of the Mentuhotep Pharaohs, 11th. Dynasty. The stele C-14 of the Louvre has been often studied. Yet many of its expressions pertain to the domain of stone technology and have been tentatively translated in the past with terms differing so widely that the translators were obviously not able to understand the described technology. According to sculptor Irtysen, cast man-made stone was a secret knowledge. (Egyptian Made-Made Stone Statues in 2000 B.C.: Deciphering the Irtysen Stele,(Louvre C14 6 pages) Was this material a type of cement?

Some scientists are now proposing that the pyramids were made of poured stone, rather than quarried stone. From a geological point of view, the Giza Plateau is an outcrop of the Middle Eocene Mokkatam Formation. Yet, the outcrop that dips into the wadi, where the quarries are located and also the trench around the Sphinx and the Sphinx body, consist of softer thickly bedded marly nummulite limestone layers with a relative high amount of clay. The amount of water-sensitive parts, expressed as weight percent of stone, is strikingly very high, ranging between 5.5% to 29%. It is obvious that the builders took advantage of the thickly bedded softer limestones. The disaggregated muddy material was ready for geopolymeric reagglomeration. Perhaps the biggest surprise encountered in this study deals with the hieroglyphic verbs for to build, namely khusi (Gardiner's list A34). The sign khusi represents a man pounding or packing material in a mold. This is one of the oldest Egyptian hieroglyphs. (Construction of the Egyptian Great Pyramids, 2500 B.C., with Agglomerated Stone. Update of the latest Research,: 42 pages)

The Egyptians also used a more common form of concrete. The durability of their concrete is evidenced by the fact that concrete columns built by the Egyptians more than 3600 years ago are still standing.

The Greeks on the other hand were using cement by 600 B.C., when Greek builders discovered a natural pozzolan that developed hydraulic properties when mixed with lime.

It was the Romans, however, who used cement in large amounts, for huge building projects. Early Roman use of cement dates back to around 300 B.C. Since that period, the Romans steadily improved their concrete technology, they also gave it its name. The word "concrete" comes from the Latin 'concretus', meaning "grown together" or "compounded".

Roman concrete structures still stand today. Both the Colosseum (complete in 82 A.D.) and the Pantheon (completed in 128 A.D.) contain large amounts of concrete. The Basilica of Constantine and the foundations of the Forum buildings also were constructed of concrete. Since Roman cement has been so well studied, it will give us a basis for understanding the issues that are important in investigating Nabataean cement.

Results (Thai) 1:

ชาวโรมันมีเครดิตโดยทั่วไปเป็น วิศวกรคอนกรีตแรก แต่หลักฐานทางโบราณคดีกล่าวว่า เป็นอย่างอื่น นักโบราณคดีได้พบชนิดของคอนกรีตที่อายุ 6500 บี เมื่อยุคหินซีเรียใช้หลุมไฟถาวรสำหรับทำความร้อน และปรุงอาหาร เหล่านี้ไฟหลุม สร้างจากหินปูนที่ตั้ง แสดงรูปแบบดั้งเดิมของ calcining บนใบหน้าภายนอกของหินหินปูนที่เรียงรายห่วงไฟ และวัสดุก่อสร้างนำไปค้นพบโดยบังเอิญของมะนาวเป็นพื้นฐาน เทคโนโลยีเพิ่งพบใหม่อย่างกว้างขวางใช้ในซีเรีย เป็นเตาเผาปูนเผากลางถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดหาปูนสำหรับผนังอิฐก่อสร้างบ้าน พื้นคอนกรีต และซึม cisterns

มะนาว quicklime และมะนาวไหม้ได้ชื่อสำหรับแคลเซียมออกไซด์ CaO ผงเงิน ขาว วันนี้กว่า 150 สำคัญอุตสาหกรรมเคมีต้องใช้มะนาวเพื่อผลิต... ในความเป็นจริง จะใช้เพียงห้าวัตถุดิบอื่น ๆ (เกลือ ถ่านหิน ซัลเฟอร์ แอร์ และน้ำ) ยิ่งมากขึ้น ใช้มะนาว ในแก้ว ปูนซีเมนต์ อิฐ วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ รวมทั้งในการผลิตเหล็ก อลูมิเนียม และแมกนีเซียม สัตว์ปีก เลี้ยง และ ในกระบวนการของเท้าและนทานทำนาย เป็นอ่างอย่างยิ่ง และสามารถทำให้ระคายเคืองผิวหนังมนุษย์และเมือกอย่างรุนแรง ดังนั้น การค้นพบของมะนาวเป็นวัสดุอาคารเปิดประตูกะอื่น ๆ เป็น

ในยุโรป ยังมีพบหลักฐานทางโบราณคดีเพื่อใช้ต้นของคอนกรีตจากริมฝั่งแม่น้ำดานูบในยูโกสลาเวีย ที่ในประมาณ 5600 บี ถูกใช้เพื่อทำให้พื้นในกระท่อม

ในจีน as far back as 3000 BC มีหลักฐานชนิดของปูนซีเมนต์ที่ใช้ในกานซูจังหวัดของจีนตะวันตกเฉียงเหนือ

ที่ชาวอียิปต์ใช้ปูนซีเมนต์ as far back as บี 2500 นักวิชาการบางคนเชื่อว่า เป็น cementing วัสดุผลิตจากมะนาวไหม้ หรือคอนกรีตยิปซัมใช้ในการขึ้นรูปปิรามิดที่กิซ่าดี แรกสุดชื่อดังภาพ (อายุประมาณ 1950 บี) ของคอนกรีตที่ใช้ในอียิปต์จะแสดงอยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนังบนผนังใน Thebes นักโบราณคดีจึงคิดว่า ชาวอียิปต์ได้ของหินเป็นหินวัตถุ (เรือหินแข็ง รูปปั้น) ทำจากหินดินดาน metamorphic ผลิต diorite และหินบะซอลต์ เรียบ และเงาหินสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ (ระหว่าง 4.000 5.000 ปีเก่า) หมีไม่มีร่องรอยของเครื่องมือ นักโบราณคดีบางเชื่อว่า ศิลปินอียิปต์โบราณรู้วิธีแปลงแร่และแร่ธาตุเป็นสารยึดเกาะแร่การผลิตสิ่งประดิษฐ์หิน พวกเขาเชื่อว่า รูปปั้นอียิปต์มากมายไม่ได้แกะสลักจากหิน แต่ค่อนข้าง ถูกหล่อในแม่พิมพ์ และได้สังเคราะห์หินรูปปั้น

หลักแรกนี้มาแบบใหม่ deciphering ของ Irtysen Stele C-14 ที่ (นัด 14.00. 000 BC พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ปารีส) Stele จะเป็นอัตชีวประวัติของที่ประติมากร Irtysen ที่อยู่ภายใต้หนึ่งของฟาโรห์ Mentuhotep, 11 ราชวงศ์ ศึกษา stele C-14 ลูฟร์มัก ยังหลายนิพจน์ที่เกี่ยวข้องกับโดเมนของเทคโนโลยีหิน และถูกแปลอย่างในอดีต ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันอย่างกว้างขวางว่า ผู้แปลไม่ชัดจะเข้าใจเทคโนโลยีอธิบาย ตามประติมากร Irtysen โยนหินจำลองรู้ความลับ (รูปปั้นหินไว้ทำอียิปต์ในบี 2000: Deciphering Irtysen Stele, (หน้า 6 C14 ลูฟ) เป็นชนิดของปูนซีเมนต์วัสดุนี้?

นักวิทยาศาสตร์บางคนตอนนี้จะเสนอว่า มิดถูกสร้างด้วยหินพร้อมสระ มากกว่า quarried หิน จากธรณีวิทยาจุดของมุมมอง ราบสูงกิซ่าจะมีหินโผล่ของผู้แต่ง Mokkatam Eocene กลาง ยัง หินโผล่ที่ลาดลงวดี ที่ quarries อยู่ และยัง ร่องลึกทั่วร่างกายสฟิงซ์ และสฟิงซ์ประกอบด้วยชั้นหินปูนมาร์ nummulite ต้นแบบนุ่มมียอดเงินสูงสัมพันธ์ของดิน จำนวนชิ้นส่วนลับของน้ำ แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักของหิน เป็นกว่าสูงมาก ไปจนถึงระหว่าง 5.5 ถึง 29% เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้สร้างใช้ประโยชน์พึงนุ่มต้นแบบ วัสดุโคลน disaggregated มีพร้อมสำหรับ geopolymeric reagglomeration น่าประหลาดที่ใหญ่ที่สุดที่พบในการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับคำกริยา hieroglyphic สำหรับสร้าง ได้แก่ khusi (รายการของ Gardiner A34) Khusi หมายถึงคนที่ห้ำหั่น หรือบรรจุภัณฑ์ในแม่พิมพ์ นี้เป็นหนึ่งเก่ากลิ (ก่อสร้างของมิดดีอียิปต์ 2500 บี กับหิน Agglomerated ปรับปรุงงานวิจัยล่าสุด,: หน้า 42)

คนที่ยังใช้แบบทั่วไปของคอนกรีต ความคงทนของคอนกรีตจะเป็นหลักฐานที่ยังคงยืนคอลัมน์คอนกรีตที่สร้างขึ้น โดยชาวอียิปต์มากกว่า 3600 ปีที่ผ่านมา

กรีกคงได้ใช้ปูนซีเมนต์ 600 บี เมื่อผู้สร้างกรีกพบอย่างไร pozzolan ธรรมชาติที่พัฒนาคุณสมบัติไฮดรอลิกเมื่อผสมกับมะนาว

ก็โรม อย่างไรก็ตาม ที่ใช้ปูนซีเมนต์ในปริมาณมาก สำหรับโครงการอาคารขนาดใหญ่ แรก ๆ โรมันใช้ซีเมนต์วันกลับประมาณ 300 บี ตั้งแต่รอบระยะเวลานั้น ชาวโรมันอย่างต่อเนื่องปรับปรุงเทคโนโลยีของคอนกรีต พวกเขายังให้ชื่อ คำว่า "คอนกรีต" มาจากภาษาละติ 'concretus' หมายถึง "การเติบโตร่วมกัน" หรือ "เพิ่ม"

โครงสร้างคอนกรีตโรมันยังคงยืนวันนี้ โคลอสเซียม (สมบูรณ์ในคศ. 82) และอง (เสร็จสมบูรณ์ใน 128 A.D.) ประกอบด้วยจำนวนมากของคอนกรีต โบสถ์ของคอนสแตนตินและฐานรากของอาคารฟอรั่มยังได้สร้างของคอนกรีต ตั้งแต่ศึกษาซีเมนต์โรมันดี มันจะให้พื้นฐานสำหรับการทำความเข้าใจปัญหาที่มีความสำคัญในการตรวจสอบซีเมนต์นาบาทาเอียน

Results (Thai) 3:

โรมันมักจะให้เครดิตเป็นวิศวกรคอนกรีตก่อน แต่หลักฐานโบราณคดีบอกว่าเป็นอย่างอื่น นักโบราณคดีได้พบชนิดของคอนกรีตกับ 6 , 500 B.C . เมื่อซีเรียอายุหินใช้หลุมไฟถาวรเพื่อให้ความร้อนและการปรุงอาหาร หลุมไฟเหล่านี้สร้างขึ้นจากหินปูนบริเวณแสดงรูปแบบดั้งเดิมของเผาบนด้านนอก ใบหน้าของหินหินปูนที่เรียงรายไฟหลุมและนำไปสู่การค้นพบอุบัติเหตุของมะนาวเป็นวัสดุก่อสร้างพื้นฐาน . ที่ค้นพบใหม่ เทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซีเรีย ขณะที่ภาคกลาง มะนาว การเผาไหม้เตาเผาได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดหาเศษหินหรืออิฐปูนเพื่อก่อสร้างอาคารคอนกรีตกันซึมผนังบ้าน , cisterns

มะนาวปูนขาวและปูนเผาเป็นชื่อสามัญสำหรับแคลเซียมออกไซด์ , โจโฉ , ผงสีเทาขาว วันนี้สำคัญกว่า 150 อุตสาหกรรมเคมีต้องใช้ปูนขาวเพื่อที่จะผลิต . . . . . . . ในความเป็นจริง , เพียงห้าอื่น ๆวัตถุดิบ ( เกลือ ถ่านหิน กำมะถัน อากาศและน้ำ ) มีการใช้ในปริมาณที่มากขึ้น ปูนขาวที่ใช้ในแก้ว ซีเมนต์ อิฐ และอาคารอื่น ๆวัสดุเช่นเดียวกับในการผลิตเหล็ก , อลูมิเนียมและแมกนีเซียม อาหารสัตว์ปีก และการประมวลผลของอ้อยและน้ําบีทน้ำตาล มันกัดกร่อนอย่างมากและรุนแรงสามารถระคายเคืองผิวของมนุษย์และเยื่อเมือก . ดังนั้น การค้นพบของปูนขาวเป็นวัสดุอาคารเปิดประตูสำหรับการปรับปรุงอื่น ๆจำนวนมากเช่นกัน

ในยุโรปหลักฐานสำหรับใช้ในช่วงต้นของคอนกรีตจะพบจากริมฝั่งของแม่น้ำดานูบในยูโกสลาเวีย ซึ่งประมาณ 5600 BC มันถูกใช้เพื่อให้พื้นในกระท่อม

ในประเทศจีน เท่าที่ พ.ศ. 3000 มีหลักฐานประเภทของปูนซีเมนต์ที่ใช้ในจังหวัด Gansu ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน

ชาวอียิปต์ใช้ปูนซีเมนต์เป็นไกลกลับเป็น 2500 B.C .นักวิชาการบางคนเชื่อว่าการประสานวัสดุที่ผลิตจากคอนกรีตหรือปูนทั้งเผายิปซัม ถูกใช้ในการสร้างพีระมิดที่ Giza . ภาพประกอบที่รู้จักกันเร็ว ( เดทประมาณ 1950 B.C . ) ของคอนกรีตที่ใช้ในอียิปต์จะเป็นจิตรกรรมฝาผนังบนผนังใน Thebes . นักโบราณคดีได้นานว่า อียิปต์เป็นผู้เชี่ยวชาญของหินเป็นหินประดิษฐ์ ( เรือหินหนักรูปปั้น ) ทำของหินแปรหิน และหินที่เกิดจากภูเขาไฟที่ได . ทั้งเรียบและเงาหินประดิษฐ์ ( ระหว่าง 4.000 และ 5 ปี ) ไม่มีร่องรอยร่องรอยเครื่องมือ มีนักโบราณคดีเชื่อว่า อียิปต์โบราณ ศิลปินรู้วิธีการแปลงแร่และแร่ธาตุในการผลิตหินแร่วัสดุสิ่งประดิษฐ์พวกเขาเชื่อว่า หลายของรูปปั้นอียิปต์ไม่ได้แกะสลักจากหิน แต่ถูกโยนในแม่พิมพ์ และมีรูปปั้นหินสังเคราะห์

หลักฐานแรกนี้มาจากใหม่ถอดรหัสของ C-14 irtysen สตีล ( เดท BC 2.000 ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์ ปารีส ) ในศิลาจารึกเป็นอัตชีวประวัติของช่างแกะสลัก irtysen ที่อยู่ภายใต้หนึ่งของเม็นทูโ ต็ปฟาโรห์ 11 ราชวงศ์ในศิลาจารึก C-14 ของลูฟร์ได้รับบ่อยๆ ) ยังมากของสำนวนที่เกี่ยวข้องกับโดเมนของหินเทคโนโลยี และได้รับแน่นอนแปลในอดีต ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันดังนั้นอย่างกว้างขวางว่านักแปลที่เห็นได้ชัดไม่สามารถเข้าใจอธิบายเทคโนโลยี ตาม irtysen ช่างแกะสลักหินที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ โยนความรู้ลับ( ชาวอียิปต์ได้สร้างรูปปั้นหินใน 2000 ก่อนคริสต์ศักราช : Deciphering ศิลาจารึก irtysen ( Louvre C14 หน้า 6 ) เป็นวัสดุประเภทซีเมนต์ ?

ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนเสนอว่า ปิรามิดเป็นเท หินกว่า quarried หิน จากจุดทางธรณีวิทยาของมุมมอง , กิซ่าที่ราบสูงเป็นหินโผล่ของกลางอีโอซีน mokkatam ก่อตัว แต่ที่โผล่ขึ้นมาในวาดิ dips ,ที่เหมืองอยู่และยังร่องรอบสฟิงซ์และตัวสฟิงซ์ ประกอบด้วยเตียงหนานุ่มมาร์ล nummulite หินปูนชั้นกับยอดสูงสัมพัทธ์ของเคลย์ ยอดของส่วนอ่อนไหวน้ำ แสดงเป็นร้อยละของน้ำหนัก หิน เป็นข้อมูลสูงมาก ตั้งแต่ระหว่าง 5.5 % ถึง 30 %เป็นที่ชัดเจนว่าผู้สร้างเอาประโยชน์จากเตียงหนานุ่ม หินปูน . การ disaggregated โคลนวัสดุพร้อม geopolymeric reagglomeration . บางทีสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดพบในการศึกษานี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาอักษรเพื่อสร้าง คือ khusi ( การ์ดิเนอร์รายการ a34 ) ป้าย khusi แทนคนเต้นหรือวัสดุบรรจุในแม่พิมพ์นี้เป็นหนึ่งในอักษรอียิปต์เก่าแก่ ( การสร้างปิรามิดอียิปต์มาก 2500 BC กับ agglomerated หิน การปรับปรุงของการวิจัยล่าสุด : 42 หน้า )

คนอียิปต์ยังใช้รูปแบบทั่วไปของคอนกรีต ความคงทนของคอนกรีตของพวกเขาเป็นหลักฐานโดยความจริงที่ว่าเสาคอนกรีตที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวอียิปต์มากกว่า 3600 ปีก่อนยังคงยืน .

กรีกในมืออื่น ๆที่ใช้ปูนซีเมนต์โดย 600 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อผู้สร้างกรีกค้นพบธรรมชาติที่พัฒนาคุณสมบัติปอซโซลาไฮดรอลิก เมื่อผสมกับมะนาว

มันมีมาตั้งแต่สมัยโรมัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้ปูนซีเมนต์ปริมาณมาก สำหรับโครงการอาคารขนาดใหญ่ ก่อนโรมันใช้ซีเมนต์ประมาณ 300 BC วันที่กลับไปตั้งแต่ช่วงที่ชาวโรมันอย่างต่อเนื่องการปรับปรุงเทคโนโลยีคอนกรีตของพวกเขาพวกเขายังให้มันชื่อของมัน คำว่า " คอนกรีต " มาจากภาษาละติน ' concretus ' , ความหมาย " โตไปด้วยกัน " หรือ " ประกอบ " .

โรมันคอนกรีตโครงสร้างยังคงยืนในวันนี้ ทั้งโคลอสเซียม ( สมบูรณ์ใน 4 AD ) และ Pantheon ( เสร็จ 128 A.D . ) ประกอบด้วยจำนวนมากของคอนกรีต ที่โบสถ์ของคอนสแตนติน และรากฐานของเวทีอาคารยังสร้างจากคอนกรีตตั้งแต่โรมันซีเมนต์มีนักเรียน มันก็จะให้เราเข้าใจปัญหาพื้นฐานที่สำคัญในการตรวจสอบนาบาเทียนปูนซีเมนต์